Skip to main content
 
 
 เผยแพร่วันที่ 21 กันยายน 2555
 
ศาลจังหวัดปัตตานีอ่านคำสั่งชันสูตรพลิกศพ
การตายของนายสุไลมาน แนซา
กรณีตายในระหว่างการควบคุมในห้องควบคุมที่ศูนย์เสริมสร้างสมานฉันท์
ค่ายอิงคยุทธบริหาร จังหวัดปัตตานี
 
            กว่าสองปีในการค้นหาความจริงเกี่ยวกับการตายอย่างปริศนาของ นายสุไลมาน แนซา ผู้ถูกควบคุมตัวในศูนย์เสริมสร้างสมานฉันท์ ค่ายอิงยุทธบริหาร ตำบลหนองจิก อำเภอบ่อทอง จังหวัดปัตตานี โดยนายเจะแว แนซา บิดาของผู้เสียชีวิต ได้ยื่นคำร้องคัดค้านในคดีไต่สวนชันสูตรพลิกศพ เนื่องจากไม่เชื่อว่าสาเหตุการเสียชีวิตของ นายสุไลมานจะมาจากการฆ่าตัวตาย
 
วันที่ 20 กันยายน 2555 เวลา 13.30 น. ศาลจังหวัดปัตตานีได้อ่านคำสั่งชันสูตรพลิกศพนายสุไลมาน แนซา ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ช.14/255 โดยมีคำสั่งสรุปได้ว่า พยานเจ้าหน้าที่ ที่เข้าตรวจสถานที่เกิดเหตุและตรวจชันสูตรศพ เป็นพยานที่ผู้ร้องไม่รู้จัก และไม่มีเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน ทั้งยังเป็นพยานเฉพาะทาง มีความเชี่ยวชาญ และไม่มีส่วนได้เสีย จึงน่าเชื่อถือ   ส่วนที่นายสือมันเบิกความว่าถูกทำร้ายและนายอับดุลกอเดร์ เบิกความว่าตื่นและได้ยินเสียงทหารมาส่งผู้ตาย แต่จากการตรวจชันสูตรศพไม่พบผู้ตายถูกทำร้าย นายอับดุลกอเดร์ได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนว่าได้ยินเสียงโครมจากห้องนายสุไลมานแต่ไม่ได้ให้การว่าเห็นทหารนำตัวนายสุไลมานมาส่ง คำเบิกความของนายอับดุลกอเดร์จึงต้องรับฟังด้วยความระมัดระวัง   ส่วนที่มีเลือดออกมาจากทางรูทวาร พันโทเอกพน แพทย์โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร ให้การว่าหากมีของแข็งกระแทกต้องมีร่องรอยการถูกทำร้าย แต่ตรวจแล้วไม่พบร่องรอย หากเจ็บป่วยด้วยโรคเดิมอาจทำให้เลือดออกได้ จึงไม่อาจรับฟังแน่ชัดได้ พยานหลักฐานผู้ร้องคัดค้านไม่อาจหักล้างผู้ร้องได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ศพผู้ตายไม่มีบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้าย ผู้ตายตายเพราะขาดเลือดไปเลี้ยงสมองจากการผูกคอด้วยผ้าเช็ดตัวกับเหล็กดัดหน้าต่าง ในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติราชการตามหน้าที่
 
นอกจากนี้ บิดามารดาของผู้ตายยังได้ยื่นฟ้องคดีแพ่งต่อศาลจังหวัดปัตตานี เรียกค่าเสียหายจำนวนสองล้านบาทเศษ จากสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงกลาโหม และกองทัพบก ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมผู้ตาย แต่เนื่องจากครอบครัวของผู้ตายได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐตามระเบียบคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายและผู้ได้รับผลกระทบจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐอันสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเงินจำนวน เจ็ดล้านห้าแสนบาท ซึ่งเป็นที่พอใจต่อความเสียหายทางแพ่งแล้ว โดยได้รับเงินเยียวยางวดแรกไปแล้วจำนวน สามล้านห้าแสนบาท ดังนั้นโจทก์จึงได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีแพ่งเพื่อให้ศาลจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ