Skip to main content

สายบุรี – ปัตตานี กับช่องโหว่ของการดูแลชุมชนในยามฉุกเฉิน

หนึ่งวันให้หลัง หลังจากที่เกิดเหตุคาร์บอมในย่านธุรกิจกลางอำเภอสายบุรี ปัตตานี พวกเรากลุ่มเอฟทีมีเดียก็ออกตามรอยคาร์บอมไปที่ที่เกิดเหตุ โดยถือคติว่า ไปสายดีกว่าไม่ไปเลย

ไปถึงก็พบว่าบนถนนสายที่เกิดเหตุซึ่งถือว่าเป็น crime scene คือสถานที่ที่มีการก่ออาชญากรรม ยังไม่มีการขึงเชือกหรือกั้นแผงจากจนท.เพื่อรักษาหลักฐานคดี ซึ่งที่จริงแล้ว อันนี้ก็ไม่ได้ผิดปกติไปจากที่เคยเห็นที่อื่น เพียงแต่อาจจะผิดปกติจากที่อื่นในประเทศไทยเท่านั้น กว่าจนท.จะมากั้นบริเวณก็คือในตอนบ่าย ถึงเวลานั้นก็มีคนเก็บเศษวัสดุองค์ประกอบของระเบิดเอาไปเป็นที่ระลึกแล้วหลายราย  แต่เจ้าหน้าที่ก็เริ่มทำงานเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ มีการตั้งเต้นท์รับลงทะเบียนจากบรรดาผู้ที่ทรัพย์สินเสียหาย ด้านญาติพี่น้องก็เริ่มจัดงานศพให้กับผู้ที่เสียชีวิตที่วัดใกล้เคียง ตลอดทั้งวันมีผู้คนขับรถผ่านมาดูจุดเกิดเหตุตลอดจนบางรายก็ไปถ่ายรูปกันจนเกิดอาการรถติดบางช่วงบางเวลา 

ถนนสายที่เกิดเหตุเป็นย่านชุมชนชาวจีนเก่าแก่ บ้านเรือนที่โดนระเบิดและพระเพลิงถล่มไปชาวบ้านหลายรายเล่าว่าย่านนี้เป็นบ้านเก่าที่หาได้ยากแล้วในสายบุรี มีทั้งตึกและไม้  ชาวบ้านชี้ให้ดูซากบ้านหลังหนึ่งที่ไหม้ไม่เหลือดีแล้วบอกว่า บ้านนี้เป็นบ้านจีนแบบเก่าที่สวยที่สุดในย่านนี้ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจของอำเภอสายบุรี เรียกกันเล่นๆให้เป็นไชน่าทาวน์ของที่นี่ บางบ้านที่เหลืออยู่เป็นบ้านไม้ที่ไม่ใช้ตะปูในการก่อสร้าง ไม่ไกลกันมีศาลเจ้าเก่าแก่ ด้านในมีกระถางธูปพระราชทานจากสมัยรัชกาลที่ห้า

ในช่วงบ่ายของวันเจ้าหน้าที่ได้ประชุมชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจำนวนร่วมสามสิบรายที่ศาลเจ้าบริเวณใกล้เคียงเพื่อชี้แจงข้อมูลเรื่องของมาตรการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนผู้ได้รับผลกระทบจากทางการ ซึ่งมีทั้งการจ่ายเงินช่วยครอบครัวผู้ที่เสียชีวิตรายละหนึ่งแสนบาท ครอบครัวเจ้าหน้าที่ได้ห้าแสนบาท ส่วนที่บาดเจ็บเบื้องต้นได้รายละหนึ่งหมื่นบาท หากบาดเจ็บมากก็จะได้รับเงินช่วยเหลือมากขึ้น นอกจากนี้ทางจังหวัดเสนอที่จะสร้างบ้านให้กับบรรดาผู้ที่บ้านเสียหายทั้งหลังใหม่หมด เพราะเชื่อว่าไม่คุ้มที่จะซ่อมแซม จากการพูดคุยของชาวบ้านพบว่ามีบางรายไม่มีแม้แต่ที่อยู่ บ้างเหลือเพียงเสื้อผ้าติดตัวเพียงชุดเดียว

ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์โดยตรงหลายรายยังจับกลุ่มพูดคุยกันเรื่องที่เกิดขึ้น พิทยา จันทนทรัพย์ ช่างซ่อมจักรยายนต์ที่บ้านอยู่ ณ ที่เกิดเหตุบอกว่า ขณะกำลังทำงานอยู่เห็นกลุ่มคนห้าถึงหกคนพร้อมอาวุธปืนวิ่งเข้าไปยิงในร้านทอง หลังจากที่เข้าไปยิงแล้วยังทุบกระจกด้วย คนส่วนใหญ่ในกลุ่มปกปิดใบหน้า ยกเว้นหนึ่งในนั้นที่มีท่าทีเหมือนเป็นหัวหน้ากลุ่มที่ “ผมหันมาอีกทีก็เห็นปืนจ้องผลอยู่จากข้างหลังแล้ว ตอนนั้นนึกแต่ว่า ชีวิตนี้คงมีโอกาสรอดแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น” แต่แล้วกลุ่มชายที่ถืออาวุธก็จากไป ขณะที่ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ที่ที่เพิ่งมาถึงยังที่เกิดเหตุพยายามเข้าไปตรวจสอบความเสียหายช่วยเหลือคนที่อยู่ในเหตุการณ์ยิงในร้านนั้น  อีกไม่นานนักก็เกิดระเบิดขึ้น “หลังจากนั้นเราก็เลยได้ช่วยกันจริงๆ” ชาวบ้านอีกรายกล่าว พวกเขาพากันเอาศพและคนเจ็บออกจากสถานที่ไปส่งโรงพยาบาล “ผมตอนแรกอุ้มลูกอยู่ ได้ยินเสียงระเบิดก็รีบหมอบ พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นทุกคนลงไปกองกับพื้นกันหมด เลยรีบไปหาคนช่วยอุ้มลูกแล้วไปช่วยดึงคนออกจากซากเอาไปส่งรพ. ก็เอาขึ้นรถโชเล่นี่แหละ” รถโชเล่ของเขาคือรถมอเตอร์ไซค์พ่วงท้าย ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์บ่นเบาๆพวกเขาต้องช่วยตัวเอง เพราะ “ตร.ก็เจอระเบิดลงไปนอนกองอยู่เหมือนพวกเรานั่นแหละ  แต่จนท.คนอื่นๆไม่เห็นมีใครมาช่วย”

แต่ที่สำคัญคือหลายรายบ่นว่า การดับไฟมาเริ่มเอาในช่วงที่ไฟไหม้โหมเต็มที่แล้ว ทำให้คุมเพลิงไม่ได้เสียหายมากกว่าที่ควรจะเป็น และส่วนหนึ่งเป็นเพราะพนักงานดับเพลิงส่วนใหญ่ไปละหมาดในช่วงนั้นอันเป็นช่วงเวลากลางวันวันศุกร์  

ปัญหาเรื่องการทำงานไม่ทันของรถดับเพลิงในวันศุกร์น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ไม่น้อย รองนายกเทศมนตรีตะลุบันของสายบุรี นายประเสริฐ เกียรติภักดียอมรับว่า คงจะต้องมีการทบทวนมาตรการในเรื่องการเตรียมพร้อมสำหรับการดับเพลิงกันใหม่ เพราะการจะห้ามพนักงานดับเพลิงไม่ให้ไปละหมาดนับเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของการประกอบศาสนกิจ แต่ทางการจะต้องมีมาตรการเสริมด้านอื่นเพื่อให้มีพนักงานดับเพลิงที่พร้อมทำงานได้ในทุกวัน พร้อมกับชี้ว่า เรื่องนี้เป็นจุดอ่อนในอีกหลายๆที่ไม่ใช่เฉพาะในสายบุรี

(ทำให้สงสัยว่าเรื่องนี้น่าจะสะดุดใจจนท.มานานแล้วรวมทั้งควรหามาตรการรองรับมาก่อน หรือมิใช่ ในเมื่ออยู่ในพื้นที่ชุมชนที่พุทธและมุสลิมอยู่คละกันแบบนี้ มาตรการการทำงานน่าที่จะต้องปรับให้สอดรับกับเงื่อนไขพิเศษของพื้นที่ไปด้วย)  

ปัญหาใหญ่อีกอันก็คือเรื่องของการเปิดร้านค้าในวันศุกร์ นายประเสริฐยอมรับว่า ก่อนหน้านี้มีการแจกใบปลิวในย่านการค้าของสายบุรีเตือนชาวบ้านไม่ให้เปิดร้านค้าขายในวันศุกร์ แต่เนื่องจากย่านดังกล่าวเป็นย่านของคนไทยเชื้อสายจีนและไม่ใช่มุสลิม พวกเขาจึงไม่ได้ทำตาม ในที่ประชุมของเจ้าหน้าที่และชาวบ้านวันนี้ มีผู้ประกอบการไต่ถามเจ้าหน้าที่ว่าควรจะทำอย่างไร แต่ไม่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่สามารถให้คำตอบได้อย่างเบ็ดเสร็จแต่อย่างใด  เจ้าหน้าที่ได้แต่บอกว่าเรื่องนี้ยังจะต้องหารือกันระหว่างจนท.และชาวบ้าน และว่าหากจะมีการเปิดทำธุรกิจตามปกติในวันศุกร์ก็จะต้องรักษาความปลอดภัยกันอย่างเข้มงวด

อันที่จริงเรื่องห้ามค้าขายในวันศุกร์โดยฝ่ายต่อต้านรัฐไม่ได้เกิดเฉพาะในสายบุรี  ในวันศุกร์เดียวกันกับวันที่เกิดเหตุคาร์บอมสายบุรี ก็มีการเผยแพร่ข้อห้ามดังกล่าวในตลาดพิธานในตัวเมืองปัตตานี ทำให้พ่อค้าแม่ค้าจำนวนไม่น้อยในตลาดดังกล่าวหยุดค้าขายไปในวันนั้น ส่งผลให้เมนูบางเมนูตกหล่นหายไปจากร้านอาหารหลายร้าน

สำหรับชาวบ้านที่ย่านชุมชนคนจีนในสายบุรี คำถามว่าจะเปิดร้านค้าในวันศุกร์ไหมคงจะเป็นคำถามที่ใหญ่กว่าสำหรับผู้ค้าในตลาดในเมือง โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ทำให้ดูเสมือนว่าเตือนแล้วแต่ไม่ทำตาม 

ทั้งที่อาจไม่มีใครยืนยันได้ว่า มันเป็นต้นเหตุที่แท้จริงหรือไม่