นครินทร์ ชินวรโกมล รายงาน
เหตุการณ์กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบปฏิบัติการ "ยิง" พระขณะออกบิณฑบาตในพื้นที่ จ.ยะลา เสียชีวิต ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 12 มิถุนายน 2552 ที่ ผ่านมา เป็นเหตุการณ์ที่มีการประเมินเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่า กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบอาจจะก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้เพื่อสร้างความแตกแยก ระหว่างศาสนา หลังเกิดเหตุยิงถล่มมัสยิดในพื้นที่ จ.นราธิวาส ทำให้ชาวไทยมุสลิมที่กำลังประกอบพิธีทางศาสนาเสียชีวิตมากถึง 10 ราย รวมถึงมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง
การก่อเหตุในลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่กลุ่ม "โจรใต้" ใช้ปฏิบัติการ หากเราย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2547 ซึ่งเป็นปีแรกที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบก็ได้การทำร้าย "พระ-เณร" ของวัดเวฬุวัน และวัดคูหาภิมุข อ.เมือง จ.ยะลา จนเสียชีวิตและบาดเจ็บ ในลักษณะเช่นนี้เหมือนกัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2547 ที่ผ่านมา
โดยเหตุการณ์ในครั้งนั้นพระวิชัย ปานบุญ อายุ 65 ปี พระวัดคูหาภิมุข (วัดหน้าถ้ำ) อ.เมือง จ.ยะลา ถูกฟันด้วยของมีคมบริเวณลำคอ มรณภาพทันที รายที่ 2 ได้แก่ สามเณรเจษศักดิ์ หนูศักดิ์ อายุ 13 ปี ถูกฟันที่ลำคอมรณภาพเช่นกัน และรายที่ 3 ได้แก่ พระจุลเดชจุฬารักษ์ อายุ 25 ปี พระวัดลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา ได้รับบาดเจ็บสาหัส
แผนการรักษาความปลอดภัยพระในขณะนั้นถูกนำขึ้นมาใช้ โดยเจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง รวมทั้งภาคประชาชน ร่วมมือร่วมใจในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับพระสงฆ์ โดยเฉพาะในช่วงเวลา "บิณฑบาต" เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับพระสงฆ์ ถึงแม้ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ก็ยังมีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับพระสงฆ์ และชุดรักษาความปลอดภัยพระสงฆ์บ้าง จนกระทั่งล่าสุด เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับพระสงฆ์ ที่สร้างความหวาดกลัว ก็กลับมาอีกครั้ง
พระสมุห์คล่อง สุทธิประภาโส เจ้าอาวาสวัดคลองทรายใน กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความสลดใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งวัดคลองทรายในไม่เคยเกิดเหตุร้ายมาก่อน ก็เป็นความตื่นตระหนกตกใจของพระภิกษุ และประชาชนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง ปกติก็ไม่มีเหตุการณ์ เป็นหมู่บ้านไทยพุทธล้วน ๆ ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น แต่ในช่วงหลังจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาเป็นครั้งคราว และในช่วงค่ำจะมีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านปฏิบัติหน้าที่เป็นปกติอยู่ แล้ว
"แต่ในตอนที่พระสงฆ์ออกบิณฑบาต ในช่วงหลังก็ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน แต่จะมานั่งเฝ้าอยู่เป็นจุด ไม่ได้เดินตาม ซึ่งทหารก็ได้แวะเวียนมาในช่วงเช้าอาทิตย์ละ 2 - 3 ครั้ง แล้วแต่หน่วยจะจัดส่งมา แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้ความร่วมมือกับวัดเป็นอย่างดี ส่วนขวัญและกำลังใจพระในขณะนี้ก็เกิดความตกใจ แต่จะให้พระหยุดบิณฑบาตนั้นก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นกิจของสงฆ์อยู่แล้ว แต่ในช่วงนี้ก็คงจะหยุดบิณฑบาตก่อนสักพัก จึงอยากให้ชุด ทหาร ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน เข้ามาคุ้มครองในยามที่เดินบิณฑบาตด้วย" เจ้าอาวาสวัดคลองทรายใน กล่าว
ด้านพระครูไพศาลวุฒิกิจ เจ้าคณะอำเภอเบตง ซึ่งเดินทางมาร่วมพิธีศพที่วัดวาลุการาม เปิดเผยว่า รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ที่เกิดเหตุในพื้นที่ จ.นราธิวาส ก็รู้สึกเป็นห่วงกับเหตุการณ์ และก็มีชาวบ้านมาแจ้งให้พระระวังตัวให้มากขึ้นในช่วงนี้ แต่ก็มาเกิดเหตุขึ้นอย่างที่ทราบกันแล้ว หลังจากวันนี้ไป พระก็คงจะขอให้ทางเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลพระให้มากขึ้น และก็บอกกับญาติโยมไปว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เป็นเรื่องของศาสนา เพราะคนที่ทำนั้นไม่มีศาสนา ไม่ควรตกไปเป็นเครื่องมือของพวกเขา และที่ผ่านมาทุกครั้ง เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับโต๊ะครู โต๊ะอีหม่าม หรือชาวไทยพุทธ ไทยมุสลิม ตนเองก็มีความไม่สบายใจ ไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น และเสียใจทุกครั้งที่มีเหตุการณ์
ด้าน พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาค 4 ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในขณะนี้ ถูกสร้างกระแสให้เกิดความไม่เข้าใจและสับสนมาสู่พี่น้องประชาชน ก่อนอื่นตนต้องขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่ได้รับผลกระทบในเหตุการณ์ครั้งนี้ อย่างสุดซึ้ง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากกลุ่มที่ยังไม่เข้าใจในแนวทางของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหา ด้วยการก่อเหตุโดยใช้ความรุนแรง ซึ่งมีแต่จะสร้างความขัดแย้ง และความแตกแยกในหมูพี่น้องประชานมากยิ่งขึ้น
พล.ท.พิเชษฐ์ ยังกล่าวอีกว่า หลังจากที่คนร้ายก่อเหตุมุ่งที่จะสร้างความแตกแยกในพื้นที่ นั้น ตนขอให้พี่น้องประชาชนได้อดกลั้นและอดทน และขอพี่น้องทุกกลุ่มทุกส่วนอย่าใช้ความรุนแรงในการที่จะสร้างความขัดแย้ง รวมทั้งตนก็ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทหารดูแลทุกส่วน และเข้มงวด ส่วนที่มองว่าในช่วงหลัง เจ้าหน้าที่ไม่ค่อยเข้าไปดูรักษาความปลอดภัยพระนั้น จริงๆ แล้วก็มีการดูแลอยู่ และบางส่วนก็มีกองกำลังประชาชนช่วยดูแล ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนช่วยดูแล แต่เหตุการณ์นี้คนร้ายก่อเหตุเพื่อต้องการสร้างความแตกแยก เนื่องจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ
นายสมนึก หนูทอง ชาวบ้านหมู่ที่ 5 บ้านคลองทรายใน ตำบลยุโป กล่าวว่า รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ คนร้ายไม่น่าจะทำผู้บริสุทธิ์ ซึ่งทางพระท่านได้ออกบิณฑบาตเป็นประจำ และมีความสัมพันธ์กับชาวบ้านมาก ที่ผ่านมาในหมู่ที่ 5 บ้านคลองทรายไม่เคยเกิดสถานการณ์ความไม่สงบ ทางชุดรักษาความปลอดภัยก็ได้ช่วยกันสอดส่องดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย แต่เรื่องที่เกิดขึ้นได้เกิดขึ้นกะทันหัน และไม่นึกว่าจะเกิดสถานการณ์ดังกล่าวขึ้น เพราะหมู่บ้านดังกล่าวเป็นหมู่บ้านชาวไทยพุทธ ร้อยละ 100 เมื่อเกิดขึ้นแล้วชาวบ้านในหมู่บ้านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก พระสมบัติ ศรีสุวรรณวิเชียร ท่านก็เป็นที่ยึดมั่นของชาวบ้านในหมู่บ้าน ท่านมีแต่สิ่งดี ๆ ให้กับเด็ก และเยาวชนในหมู่บ้านเป็นอย่างมาก
“ขอฝากให้พี่น้องชาวไทยพุทธทุกคน วัดวาลุการาม หรือวัดคลองทรายใน พระทุกรูปพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าจะไม่ยอมหยุดออกบิณฑบาต นอกจากนี้อยากให้กำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแล ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่รอยต่อกับเขตแม่ลาน ซึ่งปกติได้มีเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนอยู่ปกติแล้ว แต่กลุ่มคนร้ายอาศัยช่องว่างในการก่อเหตุ แต่อย่างไรก็ตาม ทางหมู่บ้านก็จะมีการวางแผนระหว่างชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และฝ่ายเจ้าหน้าที่ ในการดูแลรักษาความปลอดภัยพระและวัด โดยจะจัดเวรยามดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง” นายสมนึกกล่าว
“เราประมาทไปหน่อย ที่เราไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นเช่นนี้” นายสมนึก พูดทิ้งท้ายเอาไว้