แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล
แถลงการณ์
11 กุมภาพันธ์2556
การซื้อขายอาวุธระดับโลกส่งเสริมการใช้ทหารเด็ก
การยุติการใช้ทหารเด็กในสงครามความขัดแย้งเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญหลายประการที่รัฐต่างๆจะต้องรับรองสนธิสัญญาซื้อขายอาวุธ(Arms Trade Treaty - ATT) ที่มีเนื้อหาเข้มงวดแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าวในโอกาสวันยุติการใช้ทหารเด็ก(International Day against the Use of Child Soldiers) ในวันที่12 กุมภาพันธ์
ที่ประเทศมาลีและอีกเกือบ20 ประเทศระบบการควบคุมการเคลื่อนย้ายอาวุธระหว่างประเทศที่อ่อนแอส่งผลให้ในประเทศเหล่านี้ยังมีการเกณฑ์และการใช้เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงอายุน้อยกว่า18 ปีเพื่อเป็นทหารทำการรบในสงครามทั้งในฝ่ายติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลและบางกรณีก็รวมถึงทหารของฝ่ายรัฐบาลเองด้วย
ในระหว่างที่จะมีการเจรจารอบสุดท้ายเกี่ยวกับสนธิสัญญาซื้อขายอาวุธที่องค์การสหประชาชาติในเดือนหน้าแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลยังคงเรียกร้องให้ทุกรัฐให้ความเห็นชอบต่อร่างสนธิสัญญาที่มีเนื้อหาเข้มงวดเพื่อให้เกิดระเบียบที่คุ้มครองสิทธิมนุษยชนอย่างมีประสิทธิภาพ
“จากการทำวิจัยภาคสนามในประเทศมาลีเมื่อเร็วๆนี้ทำให้แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลพบอีกครั้งถึงความสยดสยองจากการใช้ทหารเด็กเด็กเหล่านี้ได้ถูกเกณฑ์ให้เข้าร่วมรบในสงครามในที่ต่างๆทั่วโลกทำหน้าที่สนับสนุนทั้งฝ่ายทหารของรัฐบาลและกลุ่มติดอาวุธบางครั้งก็ทำงานอยู่ในแนวหน้า” ไบรอันวูด(Brian Wood) ผู้จัดการแผนกควบคุมอาวุธของแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าว
“สนธิสัญญาซื้อขายอาวุธต้องกำหนดให้รัฐบาลป้องกันการเคลื่อนย้ายอาวุธที่อาจมีการนำไปใช้ก่อความรุนแรงต่อเด็กรวมทั้งให้มีหลักการเพื่อป้องกันไม่ให้อาวุธเหล่านี้เคลื่อนย้ายไปสู่การครอบครองทั้งกองกำลังของรัฐบาลและกลุ่มติดอาวุธซึ่งมีส่วนรับผิดชอบต่ออาชญากรรมสงครามหรือการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงแต่ร่างฉบับปัจจุบันของสนธิสัญญาฉบับนี้ยังไม่เข้มงวดมากพอที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง”
รัฐส่วนใหญ่ในโลกต่อต้านการเกณฑ์และการใช้เยาวชนอายุต่ำกว่า18 ปีของทั้งกองทัพของรัฐบาลหรือกลุ่มติดอาวุธเนื่องจากการที่ต้องเข้าไปสู้รบทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสใช้ชีวิตแบบวัยเด็กทำให้อาจได้รับอันตรายร้ายแรงและได้รับความทุกข์ทรมานทั้งทางกายและใจ
นอกจากโศกนาฏกรรมของการที่เด็กเหล่านี้ต้องกลายเป็นผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนเองแล้วทหารเด็กหลายคนยังถูกสังหารถูกทำร้ายจนพิการหรือตกเป็นเหยื่อการข่มขืนและความรุนแรงทางเพศอื่นๆ
สถานการณ์การใช้ทหารเด็กในปัจจุบัน
นับแต่เดือนมกราคม2554 มีรายงานข่าวว่ามีการใช้ทหารเด็กในอย่างน้อย19 ประเทศทั้งนี้ตามรายงานของพันธมิตรองค์กรพัฒนาเอกชนเพื่อยุติการใช้ทหารเด็กหรือ Child Soldiers International ซึ่งแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลเป็นสมาชิกด้วย
ในบรรดาประเทศเหล่านี้ได้แก่มาลีซึ่งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาตัวแทนของแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลได้สัมภาษณ์ประจักษ์พยานรวมทั้งตัวเด็กๆที่ถูกเกณฑ์เป็นทหารให้กับกลุ่มติดอาวุธมุสลิมที่อยู่ระหว่างการสู้รบกับกองกำลังรัฐบาลมาลีและรัฐบาลฝรั่งเศสทางตอนเหนือของประเทศ
ที่เมืองเดียบาลี(Diabaly) ประมาณ400 กม.ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองบามาโก(Bamako) เมืองหลวงของมาลีมีผู้ให้ข้อมูลหลายคนรวมทั้งตัวรองนายกเทศมนตรีที่ระบุว่าพวกเขาเห็นเด็กอายุระหว่าง10-17 ปีร่วมสู้รบให้กับกลุ่มติดอาวุธมุสลิม
“เด็กเหล่านี้ต้องแบกปืนยาวมีอยู่คนหนึ่งตัวเล็กมากและต้องแบกปืนลากไปกับพื้นในบางครั้ง”ประจักษ์พยานคนหนึ่งกล่าว
ด้านใต้ลงมาที่เมืองซีกัว(Ségou) แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลได้พบกับทหารเด็กสองคนที่ถูกจับตัวมาหนึ่งในสองคนแสดงอาการทางจิต
เพื่อนของเขาซึ่งมีอายุ16 ปีบอกว่าพวกเขาถูกจับและส่งตัวให้กับทางการมาลีหลังจากทหารกองทัพฝรั่งเศสและมาลีเข้ายึดครองกรุงเดียบาลีได้อีกครั้งเมื่อปลายเดือนมกราคม
เขาเล่าให้แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลฟังเกี่ยวกับการเกณฑ์บังคับและการฝึกให้เป็นทหารสำหรับกลุ่มติดอาวุธมุสลิม
“ผมเคยเรียนหนังสือกับนักเรียนคนอื่นอีก23 คนเรามีครูสอนคัมภีร์อัลกุรอ่านเมื่อสองเดือนที่แล้วหลานชายของคุณครูขายพวกเราให้กับกลุ่มติดอาวุธมุสลิมพวกเราพร้อมกับเด็กอายุน้อยคนอื่นอีก14 คนต้องแบกอาวุธปืนในตอนแรกพวกเขาขอให้ผมช่วยงานในครัวเราต้องทำกับข้าวในโบสถ์ของชาวคริสต์ที่ถูกกลุ่มมุสลิมยึดครองทหารฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทุบตีเรา(โดยใช้เข็มขัดยาง) ในระหว่างการเรียนคัมภีร์อัลกุรอ่านเพราะว่า......พวกเขาต้องการให้เราอ่านออกเสียงภาษาอาหรับเหมือนพวกเขา
“พวกเขาฝึกให้เรายิงโดยเล็งเป้าที่หัวใจหรือเท้าก่อนการสู้รบจริงเราต้องกินข้าวผสมกับแป้งสีขาวและมีน้ำซอสที่มีแป้งสีแดงพวกเขายังฉีดยาเราด้วยผมโดนฉีดสามเข็มหลังจากฉีดยาและกินข้าวที่ผสมด้วยแป้งเหล่านี้ผมรู้สึกตัวเองมีพละกำลังมากผมพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อรับใช้เจ้านายของผมผมรู้สึกว่าศัตรูเป็นเหมือนกับสุนัขในหัวผมมีแต่ความคิดที่จะยิงพวกเขาให้ตาย”
เด็กชายคนนี้เล่าให้แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลฟังว่าทหารเด็กสี่คนถูกสังหารในระหว่างการสู้รบเพื่อยึดครองกรุงเดียบาลีจากการครอบครองของกลุ่มติดอาวุธมุสลิมโดยกองกำลังของรัฐบาลมาลีและฝรั่งเศสสามารถยึดครองกรุงเดียบาลีได้เมื่อประมาณวันที่20 และ21 มกราคม
หน่วยงานเรามีพยานหลักฐานว่ากลุ่มทหารบ้านที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมาลีเองก็มีส่วนร่วมในการใช้ทหารเด็กก่อนหน้านี้แต่ในปัจจุบันไม่มีข้อมูลว่ากลุ่มทหารบ้านเหล่านี้ใช้ทหารเด็กสู้รบในแนวหน้า
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลยังสามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้หรือการกล่าวหาว่ามีการใช้ทหารเด็กในประเทศอื่นๆอีกหลายประเทศอย่างเช่นสาธารณรัฐแอฟริกากลาง, ชาด, ไอเวอร์รีโค้สต์, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, ศรีลังกา, โซมาเลีย, และเยเมน
สนธิสัญญาซื้อขายอาวุธจะช่วยแก้ปัญหาทหารเด็กอย่างไร
ประเทศต่างๆประมาณ150 ประเทศรวมทั้งมาลีเห็นชอบต่อข้อห้ามการใช้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า18 ปีในการขัดกันด้วยอาวุธประเทศเหล่านี้ได้ลงนามในพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก(Optional Protocol to the Convention on the Rights of the Child) โดยการเกณฑ์และการใช้ทหารเด็กที่มีอายุต่ำกว่า15 ปีในสงครามที่สู้รบอย่างต่อเนื่องถือว่าเป็นอาชญากรรมสงคราม
เนื้อหาของสนธิสัญญาซื้อขายอาวุธที่เข้มงวดมากขึ้นจะส่งผลให้ยุติการเกณฑ์และบังคับใช้ทหารเด็กทั้งนี้โดยการหยุดยั้งการเคลื่อนย้ายอาวุธที่ถูกใช้เพื่อละเมิดสิทธิมนุษยชนไปสู่การครอบครองทั้งของรัฐบาลและกลุ่มติดอาวุธ
ร่างฉบับปัจจุบันของสนธิสัญญาซื้อขายอาวุธมีเนื้อหาการควบคุมที่ค่อนข้างอ่อนแอในแง่การป้องกันการเคลื่อนย้ายอาวุธให้กับรัฐหรือกลุ่มที่มีการใช้ทหารเด็กเนื้อหาฉบับร่างที่กำหนดให้ปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอาจไม่เป็นผลเนื่องจากในสนธิสัญญากำหนดกรอบป้องกันความรุนแรงต่อเด็กโดยเพียงแต่บังคับให้รัฐ“พิจารณาใช้มาตรการเท่าที่เป็นไปได้”และหลักการเพื่อป้องกันการส่งถ่ายอาวุธยังคงอ่อนแออย่างเช่นไม่ครอบคลุมถึงอาวุธปืนและเครื่องกระสุนอื่นๆ
แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลกำลังกดดันให้มีการอุดช่องว่างเหล่านี้ทั้งนี้เพื่อให้ร่างเนื้อหาของสนธิสัญญาซื้อขายอาวุธกำหนดให้รัฐภาคีต้องป้องกันการเคลื่อนย้ายอาวุธในกรณีที่เชื่อว่าเป็นเหตุที่ก่อให้เกิดอันตรายและความรุนแรงกับเด็กโดยเฉพาะการห้ามการเกณฑ์และการใช้ทหารเด็ก
***********************************************************
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและการสัมภาษณ์โปรดติดต่อ: Conor Fortune, +44 207 413 5817, [email protected]
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและการสัมภาษณ์โปรดติดต่อ: Conor Fortune, +44 207 413 5817, [email protected]