บทนำ
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)ได้จัด ”การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในจังหวัดชายแดนใต้ รุ่นที่ 5” ที่โรงแรมปาร์ควิวรีสอร์ท จังหวัดปัตตานี ในวันที่ 26 - 30 พฤษภาคม 2556 เพื่อการสร้างความเข้าใจ กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านใน3จังหวัดชายแดนใต้ กับ กระบวนการสันติภาพที่เกิดขึ้นในพื้นที่ พร้อมกับเตรียมความพร้อมกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ที่จะเป็นตัวแสดงที่มีส่วนสำคัญในการสร้างสันติภาพในพื้นที่
บทความฉบับนี้จะกล่าวถึงการอบรมเชิงปฏิบัติการที่ทำโดย ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี และคณะวิทยากรจากสถานวิจัยความขัดแย้งและความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่ดำเนินการอบรมในหัวข้อ “กระบวนการแก้ไขปัญหาในทางสันติวิธี” ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2556 แบ่งการอบรมเชิงปฏิบัติการเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก ผศ.ดร.ศรีสมภพ จะเป็นการบรรยายความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่ง ผศ.ดร. ศรีสมภพได้นำเสนอเรื่องสถิติความเชื่อมั่นของประชาชนในพื้นที่กลุ่มบุคคลในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ และสถิติเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ พร้อมกันการวิเคราะห์แนวโน้มของเหตุการณ์ที่จะเป็นไปในอนาคต และวิเคราะห์ความแตกต่างของเหตุการณ์ในช่วงก่อนและหลังการพูดคุยสันติภาพ (คลิกอ่านบทวิเคราะห์สถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้) หลังจากที่ผศ.ดร.ศรีสมภพได้ให้เห็นภาพรวมของเหตุการณ์ในเบื้องต้นแล้ว จะเข่าสู่ช่วงการอบรมเชิงปฏิบัติการระดมความคิดเห็นของผู้ใหญ่บ้านในรุ่นที่ 5 มาจากอำเภอ กรงปินัง, รามัน, ธารโต, มายอ และเทพา โดยจะแบ่งความคิดเห็นในรูปแบบคำถามเชิงทัศนคติที่ถามถึง ความคาดหวัง, ความกังวล และบทบาทของกำนันผู้ใหญ่บ้านที่มีต่อกระบวนการสันติภาพในจังหวัดชายแดนใต้
บทความฉบับนี้จะแบ่งออกเป็น 4 หัวข้อย่อย โดยจะมี บทนำ, บทสะท้อนความคิดเห็นจากกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านในรุ่นที่5, ข้อสังเกตที่เกิดขึ้นในระหว่างอบรมปฏิบัติการ และ บทสรุปของบทความ ซึ่งจะแสดงถึงบทบาทกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านในสถานการณ์ขัดแย้งและกระบวนการสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ที่กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านเป็นตัวแสดงที่บทบาทสำคัญใน Trackที่3 รวมไปถึงบทบาทในการเชื่อมต่อกับ Trackที่ 1 และ Trackที่ 2 ในกระบวนสันติภาพจังหวัดชายแดนใต้ที่เริ่มการพูดคุยสันติภาพไปแล้วในวันที่ 28 มีนาคม 2556 และ ครั้งที่ 2 ในวันที่ 29 เมษายน 2556 ที่ผ่านมา
แผนภาพที่ 1 กระบวนการสันติภาพในระดับต่างๆ ที่มีตัวแสดงหรือผู้เกี่ยวข้องแนวทางการทำงานแตกต่างกัน
ที่มา : ริเริ่มพูดคุย: บทประเมินกระบวนการสันติภาพชายแดนใต้/ปาตานีหลังการลงนามในฉันทามติทั่วไปฯ
บทสะท้อนความคิดเห็นจากกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านในรุ่นที่ 5
หลังจากจบการบรรยายจาก ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ก็เข้าสู่การอบรมเชิงปฏิบัติการ นำโดย มูฮำมัดอายุบ ปาทาน และ คณะวิทยากรจากศูนย์วิจัยความขัดแย้งและความหลากหลายทางวัฒนธรรมภาคใต้ การอบรบเชิงปฏิบัติการณ์นี้ได้แบ่งผู้เข้าร่วมที่เป็นกำนันผู้ใหญ่เป็นกลุ่มย่อยคละทุกอำเภอที่เข้าร่วมในการอบรมเพื่อให้เกิดการพูดคุยระหว่างกันในกลุ่มภายใต้ประเด็นคำถามดังนี้
1. ท่านมีความคาดหวังอะไรต่อกระบวนการสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้
2. ท่านมีความกังวลอะไรต่อกระบวนการสันติภาพ
3. ในฐานะกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ท่านจะทำอะไรให้กับกระบวนการสันติภาพได้บ้าง
ประเด็นคำถามนี้ได้นำกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านเข้าสู่การระดมความคิดเห็นกันภายในกลุ่มตนเองพร้อมกับการนำเสนอและอภิปรายความคิดเห็นของกลุ่มตนเองให้ทุกกลุ่มฟัง
ความคาดหวังต่อกระบวนการสันติภาพ
ประเด็นคำถามแรก กำนัน-ผู้ใหญ่ความคาดหวังอะไรต่อกระบวนการสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากการแบ่งกลุ่มย่อยระดมความคิดเห็น ได้ความคิดเห็นดังนี้
· ความสงบคงกลับคืนมา
· การเจรจาครั้งนี้คาดหวังว่าน่าจะประสบความสำเร็จ
· ให้ได้สันติภาพกลับคืนมาโดยเร็ว
· อยากให้เหตุการณ์สงบ
· สร้างความเข้าใจระหว่างประชาชน-หน่วยงานของรัฐ
· คาดหวังให้ทุกภาคส่วนทำงานให้สำเร็จ
· อยากให้ทั้งสองฝ่ายมีความจริงใจกันในการเจรจา
· อยากให้กระบวนการสันติภาพเกิดขึ้นโดยเร็ว
· อยากให้มีความสงบเกิดขึ้น
· การเจรจา เกิดความสำเร็จขึ้น
· เศรษฐกิจจะดีขึ้น ทำให้ประชาชนอยู่ดีขึ้น
· คงจะสงบแต่ต้องใช้เวลา
· การเจรจาสำเร็จแต่ต้องใช้เวลา 3ปี
· คาดหวังในกระบวนการสันติภาพก็อยากให้สวย แต่แนวทางการแก้ไขปัญหายังเลือนรางไม่ชัดเจน
· เป็นไปไม่ได้
ความกังวลต่อกระบวนการสันติภาพ
ประเด็นคำถามที่ 2 กำนัน-ผู้ใหญ่มีความกังวลอะไรต่อกระบวนการสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากการแบ่งกลุ่มย่อยระดมความคิดเห็น ได้ความคิดเห็นดังนี้
· ไปเจรจากับBRN แต่กลุ่มอื่นยังก่อความไม่สงบอยู่
· ยังกังวลว่าเจรจากับBRNให้สำเร็จและกลุ่มอื่นๆด้วย
· ถ้าเหตุการณ์ยังอยู่แบบนี้ คิดว่าคงไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ถ้าเจรจาไม่สำเร็จจะเกิดอะไรขึ้น
· ไม่ไว้วางใจเจ้าหน้าที่
· กระบวนการสันติภาพไม่จริงจังทั้งสองฝ่าย
· กังวลต่อความผันผวนของทิศทางการเมืองไทยและมาเลเซีย(การเปลี่ยนรัฐบาล การดำเนินนโยบายไม่ต่อเนื่อง)
· ความจริงใจของแต่ละฝ่ายที่ร่วมการเจรจา
· ความจริงใจในการแก้ไขปัญหา
· เงื่อนไขการเจรจาต่างฝ่ายต่างรับไม่ได้
· การที่รัฐเจรจาถูกคนถูกกลุ่มไหม
· หลายๆกลุ่มที่เหลือจะมีการเคลื่อนไหวต่อ
· คนเจรจาเป็นตัวจริงไหม
· การเจรจาจะไม่เกิดความสำเร็จถ้าไม่ใช่ตัวจริง
· การต่อรองจะไม่สามารถบรรลุได้
· เมื่อเจรจาสำเร็จจะทำให้เกิดแตกเป็น2ฝ่าย รับกับไม่รับทั้งในฝ่ายขบวนการและรัฐไทย
· กลัวไม่สำเร็จ
บทบาทของกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านต่อกระบวนการสันติภาพ
· สร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในหมู่บ้าน
· เกิดความปรองดองทั้ง 2 ฝ่าย
· ต่างคนต่างเฝ้าบ้านของตัวเอง (งานเยอะ มีเงินน้อย)
· ประชาสัมพันธ์ผลของการเจรจาให้ชาวบ้านทราบข้อเท็จจริง
· ต้องนำเสนอข้อมูลของแต่ละหมู่บ้านให้ทางหน่วยงานเข้าใจ
· ดูแลความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน แก้ไขความขัดแย้งในพื้นที่ เรียกร้อง-กดดัน 2 ฝ่าย
· ช่วยแสดงความคิดเห็น (ขอมีส่วนร่วมในการเจรจา)
· เห็นความสำคัญของกำนัน-ผู้ใหย่บ้านเป็นอับดับ 1 อย่าเป็นคำตอบสุดท้าย
· ร่วมเสนอความคิดเห็นให้ความสำคัญกับกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านให้มีบทบาทมากขึ้น
· สามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่กระบวนการสันติภาพ
· ต้องมีตัวแทนกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านเข้าร่วมเจรจาด้วย
· ให้หมู่บ้านให้กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านมีอำนาจเต็มที่ในการปกครองหมู่บ้าน
จากความคิดเห็นของแต่ละกลุ่ม ทางคณะวิทยากรได้ทำการจัดหมวดหมู่และทำรวมกลุ่มความคิดเห็นที่คล้ายกันจากการนำเสนอของทุกกลุ่มในแต่ละประเด็นคำถามข้างต้น เป็นหัวข้อย่อยในแต่ละประเด็นคำถาม เพื่อนำสู่กระบวนให้ผู้เข้าร่วมทุกคนได้ลงความเห็น ร่วมกันว่า หัวข้อย่อยในแต่ละประเด็นคำถามอย่าง ความคาดหวัง, ความกังวล, และ บทบาทกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านต่อกระบวนการสันติภาพในหัวข้อย่อยใดควรจะเป็นหัวข้อที่สำคัญและเร่งด่วนที่สุดในกระบวนการสันติภาพที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ผลการลงคะแนนมีดังนี้
ความคาดหวังต่อกระบวนการสันติภาพ
1 |
การเจรจาสันติภาพสำเร็จแต่ต้องใช้เวลา |
56 |
2 |
การเจรจาสันติภาพสำเร็จมีสันติสุขคืนกลับมา |
4 |
3 |
การเจรจาสันติภาพไม่มีความเป็นไปได้ |
0 |
จากการลงคะแนนของกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน เป็นสิ่งที่สะท้อนว่า สิ่งที่กำนัน-ผู้ใหญ่คาดหวังมากที่สุดในกระบวนการสันติภาพก็คือ การเจรจาสันติภาพสำเร็จแต่ต้องใช้เวลา กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านได้มีความคาดหวังว่ากระบวนการสันติภาพที่ได้ดำเนินอยู่นี้ สามารถประสบความผลสำเร็จแต่ต้องใช้เวลาในกระบวนการ ผู้ใหญ่บ้านแสดงความเห็นต่อความคาดหวังว่า “ยังมีกลุ่มอื่นนอกจาก BRNยังไม่ได้ร่วมพูดคุยสันติภาพ” , “กระบวนการสันติภาพต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมทั้งสองฝั่ง ดังนั้นน่าจะใช้เวลาสักประมาณ 10 ปี” และ “การแก้ไขปัญหาต้องมีเจ้าภาพ ให้เวลาสัก 3 ปี จะมีการเกิดขึ้นของประชาคมอาเซียน ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้จะได้รับแรงเสียดทานจากประชาคมอาเซียนให้แก้ปัญหา เพราะพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นพื้นที่การท่องเที่ยวอยู่ติดกับประเทศมาเลเซีย” จากเสียงสะท้อนนี้อาจจะเป็นไปตามความเห็นที่กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านทั้งหมดได้ลงความเห็นว่า การเจรจาสันติภาพจะสำเร็จแต่ต้องให้เวลากับกระบวนการสันติภาพ การจริงใจในการแก้ปัญหาของทั้งสองตัวแสดง (รัฐกับBRN) และ การร่วมแรงร่วมใจในการสร้างวัฒนธรรมสันติภาพในพื้นที่ต่อต้านการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ พร้อมกับส่งสัญญาณจากประชาชนในพื้นที่ไปให้ทั้งสองตัวแสดงให้หยุดการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้
ความกังวลต่อกระบวนการสันติภาพ
1 |
มีกลุ่มอื่นนอกจากBRNยังไม่ได้เข้าร่วมเจรจาสันติภาพ |
29 |
2 |
มีความจริงใจทั้ง 2 ฝ่าย |
22 |
3 |
ไม่มั่นใจว่าเป็นตัวจริง |
6 |
4 |
ความต่อเนื่องและเสถียรภาพของการเมืองไทย |
3 |
5 |
ทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถต่อรองกันได้ |
2 |
6 |
กลัวเจรจาไม่สำเร็จ |
0 |
กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านในรุ่นที่ 5 นี้ได้เลือกความกังวลในกระบวนการสันติภาพที่สำคัญที่สุดก็คือ “มีกลุ่มอื่นนอกจาก BRN ยังไม่ได้เข้าร่วมเจรจาสันติภาพ” และอันดับถัดมาคือ “มีความจริงใจทั้ง 2 ฝ่าย” 2 ข้อนี้ได้สะท้อนความกังวลของกำนันผู้ใหญ่บ้านต่อกระบวนการสันติภาพที่ได้ดำเนินการพูดคุยสันติภาพอยู่ที่ประเทศมาเลเซียอยู่ในขณะนี้ มีผู้ใหญ่บ้านอธิบายข้อกังวลนี้ว่า “ตอนนี้อยู่ในช่วงการสร้างบรรยากาศ ตอนนี้รัฐพูดคุยอยู่กับ BRNที่ต้องการเอกราช แต่ถ้ากลุ่มอื่นที่ไม่ต้องเอกราชจะร่วมพูดคุยได้หรือไม่ อย่างกลุ่มเขตปกครองตนเอง” เสียงสะท้อนนี้เป็นส่งสัญญาณไปหาทางรัฐว่า ถ้าต้องให้พื้นที่เกิดสันติภาพอย่างแท้จริง จะต้องไม่ละเลยทุกกลุ่มที่ออกมามาสู้เพื่อประชาชนชาวปาตานี ไม่ว่าจะใช้ความรุนแรงหรือสันติวิธี รัฐต้องคุยกับทุกกลุ่มอย่างจริงใจเพื่อหาทางออกในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ร่วมกันไม่เพียงแค่คุยกับBRNโดยกลุ่มเดียวเท่านั้น
บทบาทของกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านต่อกระบวนการสันติภาพ
1 |
มีส่วนร่วม/เป็นตัวแทนในการเจรจาสันติภาพ |
33 |
2 |
ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในชุมชนของตัวเอง |
14 |
3 |
เป็นตัวกลางระหว่างรัฐกับชาวบ้านในการทำความเข้าใจเรื่องสันติภาพ |
9 |
4 |
เรียกร้อง+กดรัฐกับผู้เห็นต่างให้ใช้กระบวนการสันติภาพ |
6 |
บทบาทของกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านต่อกระบวนการสันติภาพที่กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านให้ความเห็นว่าสำคัญที่สุดในกระบวนการสันติภาพก็คือ “มีส่วนร่วม/เป็นตัวแทนในการเจรจาสันติภาพ” เป็นเสียงสะท้อนออกมาว่าการเจรจาสันติภาพนอกจากการที่ Track 1ที่คู่ขัดแย้งหลักได้พูดคุยกับแล้ว ยังต้องฟังเสียงของกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ในพื้นที่ซึ่งเป็น Track 3 ด้วย เพราะการพูดคุยนี้จะกำหนดชะตากรรมของพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ แต่ไม่การตกลงกันเพียงแต่ในTrack 1 ไม่เพียงพอต่อการสร้างสันติภาพในพื้นที่ การฟังเสียงประชาชนในพื้นที่จริงๆส่งสัญญาณไปถึงคู่ขัดแย้งด้วย หรือ นำเอาข้อเสนอของประชาชนเป็นฐานในการพูดคุยระหว่างกันระหว่างคู่ขัดแย้งในTrackที่1 นอกจากจะมีความชอบธรรมในกากำหนดชะตากรรมในพื้นที่แล้ว ยังมีความชอบธรรมในการเป็นตัวแทนประชาชนปาตานีโดยแท้จริงอีกด้วย
ข้อสังเกตที่เกิดขึ้นในระหว่างอบรมปฏิบัติการ
ช่วงท้ายของการอบรมเชิงกระบวนการ ผศ.ดร ศรีสมภพได้ชวนคุยเรื่อง ข้อเสนอ 5 ข้องของ BRN ได้ผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นว่า “ข้อเสนอ 5 ข้อ ของ BRN การที่รัฐไทยไม่รับข้อเสนอ จะเป็นการล้มโต๊ะเจรจาทันที ผมมองว่า ข้อเสนอไม่ได้เป็นเรื่องอะไรที่พิเศษเลย” จะเห็นได้ว่า กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านได้มีคนเห็นด้วยกับข้อเสนอของ BRN อาจจะเป็นเพราะถ้าฝ่ายรัฐไทยไม่รับข้อเสนอจะเป็นเหตุให้ BRN ไม่ทำการพูดคุยสันติภาพกับรัฐไทยต่อ และอาจจะเป็นสาเหตุของความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้นของเหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และการรับข้อเสนอนี้ไม่ได้มีอะไรที่ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญประเทศไทย ตามข้อตกลงระหว่าง BRN กับรัฐไทย ที่ได้ลงนามร่วมกันพูดคุยสันติภาพภายใต้รัฐธรรมนูญไทยในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556
ผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งได้มีการแสดงความคิดเห็นว่า “ทหารเป็นปัญหาต่อกระบวนการสันติภาพ เข้ามาอยู่ในพื้นที่แล้วสร้างต่อปัญหาต่อชุมชน อย่าคิดว่าทหารเป็นปัญหากับคนมุสลิมเท่านั้น เพราะบางพื้นที่หมู่บ้านพุทธยังไล่ทหารออกไปเลย เพราะฉะนั้นต้องถอนทหารก่อนถึงจะมีสันติภาพ” เสียงสะท้อนนี้ได้ทำให้เห็นว่า งานทางการทหารนอกจากจะทำไม่สอดคล้องกับงานการเมืองที่กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านทำแล้ว ยังทำลายฐานมวลชนคนพุทธที่สนับสนุนตนเองอีกด้วย กลายเป็นว่าทหารนอกจากเป็นตัวแสดงที่เป็นคู่ขัดแย้งกับมลายุมุสลิมอยู่แล้ว กลับเพิ่มความขัดแย้งกับคนไทยพุทธในพื้นที่อีกด้วย
มีผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งเสนอทางแก้ปัญหาในพื้นที่ว่า “อยากให้กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องที่ สามารถจัดการดูแลความปลอดภัยในท้องที่ตัวเองได้ ให้ ทวี จัดหาเงินมาปีละ 100,000 บาท สามารถจัดการบริหารเรื่องความปลอดภัยและกิจการทางศาสนาในท้องที่ตัวเองได้ โดยคณะกรรมการที่ประกอบด้วย ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อิหม่าม และกรรมการในหมู่บ้าน ยกตัวอย่างเช่นในกรณีเงินบำรุงมัสยิด บางครั้งรัฐไม่ได้ช่วยเหลือ บางครั้งรัฐจะจัดงานมัสยิดก็ไม่ตรงกับช่วงเทศกาลที่ต้องจัดงาน ทำให้ชาวบ้านที่จะต้องจัดงานตามแผนงานของทางรัฐ ลำบากใจที่จะจัด” เสียงสะท้อนนี้มีข้อเสนอในการดูแลตนเองในพื้นที่อย่างน่าสนใจมาก ได้คิดการจัดการในพื้นที่ตนเองอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งการจัดการตนเองในลักษณะนี้ยังอยู่ในขอบเขตของรัฐธรรมสนูญไทยที่สามารถจัดการได้ แต่อาจจะติดตรงระเบียบบริหารราชการของกรมการปกครองที่จะเป็นการยากที่ทำความคิดนี้ให้สำเร็จ เว้นแต่ที่รัฐสนใจในข้อเสนอนี้อย่างจริงจัง สามารถทำให้การจัดการนี้เป็นโครงการดูแลตนเองในตำบล-หมู่บ้านได้
บทสรุป
โครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการนี้เป็นการฝึกอบรมที่เป็นการเตรียมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านให้พร้อมสำหรับกระบวนการสันติภาพที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน การเตรียมพร้อมนี้ทำกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านให้ตระหนักถึงบทบาทของ และตำแหน่งแห่งที่ของตนเองในกระบวนการสันติภาพ เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านตัวแสดงความสำคัญมากต่อกระบวนการสันติภาพที่ดำเนินอยู่และต่อไปในอนาคต กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านจะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เกิดกระบวนการพูดคุยภายในประชาชนระดับรากหญ้า (Track 3) ในพื้นที่ และยังเชื่อมต่อกับTrackที่ 2 (องค์กรภาคประชาสังคม)โดยการประสานงานระหว่างกัน พร้อมกับมีบทบาทเชื่อมต่อกับ Track ที่ 1 โดยตำแหน่งหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านตามระเบียบของกรมการปกครอง ซึ่งการทำกระบวนการสันติภาพของกำนันผู้ใหญ่บ้านจะเป็นตาข่ายนิรภัย ที่ช่วยโอบอุ้มกระบวนการสันติภาพใน Track 1 (ตัวแทนรัฐไทยกับตัวแทนBRN) โดยทำการพูดคุยคู่ขนานในTrack 2 กับ 3 ควบคู่กันไป โดยมีข้อเสนอหรือข้อเรียกร้องที่มาจากประชาชนในพื้นที่ ในกรณีการพูดคุยล้มเหลวหรือประสบอุปสรรคไม่สามารถไปต่อได้ ในกรณีประสบปัญหาเช่นนั้น กระบวนการสันติภาพใน Track 1 สามารถนำข้อเสนอที่ Track 2-3 ที่ได้ทำกระบวนการคู่ขนานมาใช้หรือนำมาประกอบการตัดสินใจได้ทันท่วงที (คลิกอ่านเรื่องตาข่ายนิรภัย) เพราะฉะนั้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านให้ทราบถึงกระบวนการสันติภาพจึงสิ่งที่จำเป็นและได้รับการหนุนเสริมทั้งจากทางรัฐและองค์กรภาคประชาสังคมในพื้นที่ เพื่อเป็นการหนุนเสริมกระบวนการสันติภาพจังหวัดชายแดนใต้ในภาพรวมที่ได้ดำเนินอยู่ในขณะนี้