รอฮานี จือนารา
แม้ว่ากระบวนการสันติภาพจะเริ่มก่อตัวขึ้น หลายฝ่ายเริ่มที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการความขัดแย้ง โดยเฉพาะคู่กรณีหลัก แต่สำหรับชาวบ้านบางส่วนก็ยังต้องใช้ชีวิตอย่างระแวดระวัง หรือบางคนก็ยังมีความทรงจำที่เลวร้ายที่ยากจะลืมเลือนหรือบางคนก็ยังไร้ความหวังต่อสันติภาพ ซึ่งสิ่งเหล่านี้กระบวนการสันติภาพจำเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้าไปรับฟัง ทำความเข้าใจกับชาวบ้านเหล่านี้เพื่อการเยียวยาและเพื่อความเป็นธรรม เรื่องเล่าที่ดิฉันจะเล่าหลังจากนี้เป็นสิ่งที่ดิฉันได้สัมผัสเมื่อตอนไปลงพื้นที่เพื่อประสานงานให้กับทีมสารคดีของไทพีบีเอส ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เคยเกิดความขัดแย้งมาก่อน ตั้งแต่บ้านกูจิงลือปะ ที่มีครูจูหลิงเสียชีวิตส่งผลให้มีผู้หญิงยี่สิบกว่าคนถูกดำเนินคดี และบ้านบือแนกือเปาะ ที่ชาวบ้านกล่าวหาว่าเป็นโจรนินจา สุดท้ายคือเป็นบ้านดามาบูเวาะห์ ทั้งหมดอยู่ในอำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส
.....หลังจากที่ไม่ได้ไปลงพื้นที่บ้านตันหยงลิมอ และ บ้านกูจิงลือปะมาเกือบปี วันนี้ได้มีโอกาสเข้าหมู่บ้าน โดยมีเป้าหมายเพื่อไปประสานงานให้กับพี่ทีมสารคดีของไทพีบีเอสที่ต้องการเข้าไปทำสกู๊ปชีวิตของชาวบ้านในย่านนี้ เริ่มแรกดิฉันและเพื่อนขับรถมุ่งเป้าไปที่บ้านกูจิงลือปะ เนื่องจากใกล้กว่าบ้านอื่น เมื่อเข้าไปแล้วก็ได้เจอกับชาวบ้านที่เราคุ้นเคย ซึ่งเธอเคยเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่า ครูจูหลิง ปงกันมูล กับ ครูศินีนาฎ ถาวรสุข ร่วมกับเพื่อนผู้หญิงในหมู่บ้านอีก 20 คน แต่เธอหลุดพ้นจากข้อกล่าวหากักขังหน่วงเหนี่ยว และมี 4 คน ที่ศาลได้ตัดสินจำคุก 4-6 ปี เมื่อวันที่ 10 เดือนมีนาคม 2554 ที่ผ่านมา เมื่อได้ทักทายและถามข่าวคราวเธอก็บอกว่า “ผู้ต้องหา 3คน ได้รับการพ้นโทษแล้ว” ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มในขณะที่เธอก็ง่วนอยู่กับการขายของชำในหมู่บ้าน ดิฉันก็งง เอะห์ เราไม่ได้มาในหมู่บ้านนานขนาดนั้นเลยเหลอ เมื่อได้คุยก็ทราบว่า พวกเขาได้รับการลดโทษกึ่งหนึ่ง ซึ่งอีกหนึ่งคนที่ศาลตัดสิน6 ปี ยังไม่ได้พ้นโทษ
เสียดายที่ดิฉันก็ไม่ได้มีโอกาสไปเยี่ยมและพูดคุยกับผู้หญิงเหล่านั้นเนื่องจากว่าต้องไปประสานที่โรงเรียนบ้านกูจิงลือปะและคาดหวังว่าน่าจะได้มาเยี่ยม และพูดคุยกับผู้หญิงอีกสองวันหลังจากนี้... และโชคดีที่ได้คุยกับชายวัยกลางคนซึ่งเป็นคนหนึ่งที่เคยถูกจับและซ้อมทรมาน เขาบอกว่า พวกเธอเพิ่งได้ออกจากเรือนจำมาเมื่อเดือนที่แล้ว ดูเหมือนจะนับเลขก็ช้า แต่สักพักคงจะดีขึ้น”
ทุกครั้งที่ฉันไปเยี่ยมชาวบ้านฉันมักได้รับน้ำใจจากบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ หลังจากที่เราได้คุยสักพัก เขาก็ลุกขึ้นไปทำน้ำแข็งใส บ้านนี้เขาขายของชำและขายน้ำแข็งใสด้วย ฉันจำได้ว่า ครั้งหนึ่งฉันเคยพาน้องอาสาสมัครจากโครงการสันติอาสาสักขีพยานมาเยี่ยมหมู่ บ้านนี้เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เธอเผยในใจว่า ครั้นรู้ว่าพี่ ๆ จะพาเราไปเยี่ยมหมู่บ้านกูจิงลือปะ ซึ่งเป็นหมู่บ้านสีแดงและมักมีข่าวความรุนแรงอยู่ตลอด ทำให้เธอวิตกกังวลแต่เมื่อไปสัมผัส เห็นน้ำใจของชาวบ้าน การยิ้มแย้ม ความเป็นกันเองทำให้เธอรู้สึกสบายใจและความกลัวที่มีอยู่กลับหายโดยไม่รู้ตัว
แน่นอนสังคมภายนอกย่อมคิดว่าชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้เป็นคนร้าย หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุร้าย เพราะมีเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ปรากฏให้เห็น ในขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐเองก็ใช้มาตรการปิดล้อมตรวจค้น จับชาวบ้านมาดำเนินคดี เหล่านี้ทำให้บรรยากาศของหมู่บ้านเกิดความอึมครึม แม้แต่ชาวบ้านรอบนอกเองก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปในหมู่บ้านแห่งนี้ ทั้งที่พวกเขารู้สึกอึดอัดและอยากให้ผู้คนเข้าใจ และเห็นใจพวกเขา บ้านบือแนกือเปาะ
หลังจากประสานงานกับชาวบ้านกูจิงลือปะเสร็จดิฉันและเพื่อนร่วมเดินทางก็มุ่งต่อที่บ้านบือแนกือเปาะ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ฉันไม่เคยไปเยือนและได้ยินเสียงเรียงนามเรื่องโจรนินจา เป้าหมายที่ไปครั้งนี้เพราะต้องการไปประสานงานกับชาวบ้านคนหนึ่งที่อาสาจะประสานกับปอเนาะใกล้เคียง ซึ่งเป็นความต้องการของทีมสารคดีไทพีบีเอส
เมื่อได้พูดคุยและประสานงานเสร็จ เขาก็เริ่มเล่าเรื่องในอดีตที่เขาและเพื่อนบ้านฝังใจโดยที่ฉันก็ไม่ได้เอ่ยถาม
“หมู่บ้านนี้สังคมมักจะรู้จักในนามบ้านโจรนินจา ช่วงนั้นชาวบ้านลือลั่นเรื่องโจรนินจา ซึ่งมีลักษณะหายตัวได้, เดินบนหลังคา, หรือบนอะเสบ้าน, ชอบมาอยู่ใต้ถุนบ้าน, แอบฟังชาวบ้านพูดในยามค่ำคืน, คืนนั้นชาวบ้านจาก “บ้านอาแซ” ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับบ้านบือแนกือเปาะ ได้เจอกับผู้ชายแปลกหน้าสองคนและจับไล่จนถึงตอนเช้า ชาวบ้านที่อยู่ในสวนก็เห็นชายสองคนนี้อยู่ในสวนของชาวไทยพุทธซึ่งโดยลักษณะสวนของไทยพุทธนั้นจะมี รั้วหนามที่ชิดกันหลายเส้นหากเทียบกับสวนมลายูมุสลิมในแถบนั้น ทำให้ชายสองคนนี้ติดอยู่ที่สวนดังกล่าวนาน ทำให้ชาวบ้านสามารถไล่จับทัน” เขาเล่าต่ออีกว่า
“เนื่องจากวันนั้นตรงกับวันตลาดนัดพอดี ข่าวก็แพร่กระจายได้เร็วมาก ผู้นำในหมู่บ้านก็จับชายสองคนนี้เข้าไปอยู่ในบ้านและถามที่มาที่ไป และตั้งใจจะให้ทั้งสองออกจากหมู่บ้านด้วยความปลอดภัย และสงสัยว่าทำไมทั้งสองคนไม่ใช้ถนนเส้นทางหลักของหมู่บ้าน แต่เดินลับๆ ล่อๆ แต่ชายสองคนนี้เงียบไม่พูดอะไร และทั้งสองก็มีสภาพร่างกายที่ถูกลวกหนามตำทั่วแขนขา และใส่กางเกงขาสั้น
"ขณะนั้นชาวบ้านจำนวนหลายคนซึ่งไม่รู้มาจากไหนบ้าง ก็เริ่มเข้ามา รถมอเตอร์ไซค์จอดเรียงรายยาวมาก และขณะที่ผู้นำกำลังสัมภาษณ์พูดคุยโดยยกน้ำให้เขากิน ก็มีชาวบ้านที่ยืนอยู่รอบบ้านเริ่มเอาไม้หินขว้างเข้ามาจากรูอิฐที่มีลวดลายเป็นดอกไม้ เหมือนอยากรู้ว่า สองคนนี้เหมือนคนปรกติหรือเปล่า หรือเพราะโกรธแค้นว่าหากเป็นนินจาจริงก็ทำให้ชาวบ้านรู้สึกเดือดร้อนเพราะว่าที่ผ่านมาชาวบ้านไม่กล้าออกไปทำงาน หรือบางคืนนอนไม่หลับเพราะกลัวโจรนินจา ขณะที่ผู้นำได้สัมภาษณ์นั้นก็ได้โทรคุยให้ตำรวจในพื้นที่มารับ แต่กว่าที่จะมารับก็ใช้เวลานานเหมือนกัน เพราะตำรวจอ้างว่าจะอาบน้ำอาบท่าก่อนเหมือนไม่กล้าที่จะมา
"เมื่อนายตำรวจเข้ามา ก็เตรียมตัวเพื่ออกจากหมู่บ้าน ตำรวจพยายามพยุงทั้งสองคนและจับให้แน่น ไม่ทันจะพ้นหน้าบ้านของกำนัน ชาวบ้านที่อยู่นอกบ้านก็รุมเข้ามาทำร้ายจนชายทั้งสองเสียชีวิตและนายตำรวจก็ บาดเจ็บสาหัส เมื่อรู้ว่าเสียชีวิต ชาวบ้านก็เริ่มขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากหมู่บ้านในไม่กี่นาที
"หลังจากนาทีนั้นหมู่บ้านก็เงียบ เงียบสงัด ชาวบ้านอยู่ในความหวาดกลัว ไม่กล้าออกจากบ้านประมาณหนึ่งสัปดาห์ เพิ่งรู้ว่าบรรยากาศของความกลัวเป็นอย่างไร"
ด้วยเหตุนี้เขาเองก็ไม่กล้าจะเข้าไปในหมู่บ้านกูจิงลือปะ เพราะกลัว! จนถึงทุกวันนี้ แต่หลังจากเหตุการณ์วันนั้นก็ไม่เคยเกิดเหตุร้ายใดๆ ในหมู่บ้าน แต่ถ้าพูดถึง บ้านบือแนกือเปาะ ผู้คนแถบนี้ก็จะมีความทรงจำในเหตุการณ์นี้
บ้านดามาบูเวาะห์ ตันหยงลิมอก็เป็นตำบลที่มีเหตุร้ายรุนแรงหลายเหตุการณ์ แต่หมู่บ้านที่เราตั้งใจจะให้ทีมไทพีบีเอสไปคือ บ้านดามาบูเวาะห์ เพราะเป็นหมู่บ้านที่เพิ่งเกิดเหตุกราดยิงร้านน้ำชา เพราะเขาอยากได้ร้านน้ำชา เราก็เลยอยากเสนอชีวิตของครอบครัวนี้ ซึ่งในเหตุกราดยิงร้านน้ำชานี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน หนึ่งในนั้นเป็นเด็กอายุ 11 เดือน ซึ่งเป็นหลานของเจ้าของร้านน้ำชา
สิ่งที่ชาวบ้านสงสัยในเหตุการณ์นี้ก็คือ เหตุใดเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับผู้ร้ายได้ทั้งที่ทางผ่านของผู้ก่อเหตุนั้น ต้องผ่านด่านของทหารซึ่งอยู่ใกล้หมู่บ้าน ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ก็มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง แต่ขณะนี้ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ เพิ่งได้รู้ว่า ร้านน้ำชาแห่งนี้เป็นร้านน้ำชาเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่รุ่นแม่ รวมเวลาก็เกือบยี่สิบปีแล้ว แต่หลังจากเหตุการณ์ร้านน้ำชาแห่งนี้ต้องปิดกิจการลง และเจ้าของต้องออกไปเป็นลูกจ้างวันละ 200 บาท
แต่ที่น่าเศร้าเธอต้องมีปัญหากับครอบครัวด้วยความหึงหวงของสามีที่เธอออกไป ทำงานนอกบ้าน แม่วัย 70 ปีเล่า ในขณะที่ผู้เป็นแม่วัยเกือบ 70 ปีเองก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้ไม่สามารถทำงานหนัก แต่พอหุงหาอาหาร ขายตอนเช้าในบริเวณบ้านได้ พอหารายได้เลี้ยงปากท้องและหลานได้บ้าง เพราะเธอไม่กล้าไปขายหน้าบ้าน แต่ต้องวางกับข้าวภายในบ้าน โต๊ะที่นั่งก็อยู่ในบ้าน เพราะนอกจากเขาและครอบครัวกลัวแล้ว ชาวบ้านที่มาซื้อก็กลัวเหมือนกัน....
จะเห็นได้ว่า แม้ว่าพื้นที่เหล่านี้จะไม่ค่อยมีความรุนแรงแล้วก็ตาม แต่หากตัวบุคคล หรือเหยื่อต่าง ๆ หรือชุมชนเหล่านี้ยังไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นธรรม ครอบครัวหรือชุมชนเหล่านี้ก็จะกลายเป็นชนวนของความรุนแรงต่อไปได้ No justice No Peace