Skip to main content

เผยแพร่ครั้งแรกใน ศูนย์ข่าวอามาน 

กมลศักดิ์  ลีวาเมาะ
ประธานศูนย์ทนายความมุสลิมประจำจังหวัดนราธิวาส
 
       เมื่อวันที่  9  กันยายน  2552  คำวินิจฉัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.  ว่าด้วยคดีสลายการชุมนุมวันที่  7  ตุลาคม  2551  ที่มีมติกล่าวหาอดีตนายกสมชาย  วงศ์สวัสดิ์  และพวกรวม 9 คนว่า  กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่  ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
 
      หากพิจารณาคำวินิจฉัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ          ( ป.ป.ช. ) จะเห็นได้ว่า  บุคคลอื่นที่ถูก ป.ป.ช. กล่าวหา  กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ไม่ว่าจะเป็น  พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ  พล.อ.เชาวลิต ยงใจยุทธ  และ พล.ต.ท สุชาติ  เหมือนแก้ว เป็นเรื่องของการสั่งการตามลำดับชั้น  เพื่อให้รัฐสภาสามารถใช้เป็นที่ประชุม  ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้าประชุมเพื่อรับฟังการแถลงนโยบายต่อรัฐบาลให้ได้  ซึ่งจะผิดจะถูกอย่างไรก็ต้องรอดูว่าสุดท้ายแล้วศาลจะตัดสินเช่นไร  เพราะยังต้องเข้าสู่กระบวนการของศาลอีก  แต่ประเด็นหลักที่ทางอัยการโจทก์อ้างนำสืบให้ได้ความชัด  ก็หนีไม่พ้นอำนาจหน้าที่การสั่งการจะเป็นเหตุไปสู่การบาดเจ็บและล้มตายเป็นประเด็นหลัก
 
 
      จากกรณีคำวินิจฉัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ดังกล่าวควรจะเป็นเรื่องที่สะใจชาวเสื้อเหลือง และคงจะคาใจชาวเสื้อแดง  สำหรับคนที่มีใจเป็นกลางแล้วก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
 
      รายละเอียดของคำวินิจฉัย  ควรจะเป็นบทเรียนอันล้ำค่าและเจ็บปวดสำหรับคนไทยทั้งมวล ที่สำคัญคือ  ทำให้คนที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องได้รับบทเรียนเพียงพอในการใช้วิจารณญาณที่จะไม่กระทำการอันเป็นการผิดกฎหมายและฝ่าฝืนหลักสิทธิมนุษยชน
 
 
 
 
แต่สำหรับพี่น้องมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้  ที่ไม่ใช่ทั้งเสื้อเหลืองเสื้อแดงหรือน้ำเงิน  แต่เป็นผู้ที่เรียกหาความเป็นธรรมภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน  ได้อ่านพบเห็นข่าว การลงมติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. )  ดังกล่าวข้างต้นแล้ว เสียงสะท้อนที่ได้รับกลับเป็นประเด็นที่นำเหตุการณ์การประท้วงที่สถานีตำรวจภูธรตากใบ มาย้อนรอยเหตุการณ์เปรียบเทียบกับเหตุการณ์เมื่อวันที่  7  ตุลาคม  2551
 
     หากพิจารณาถึงเหตุผลของการร่วมชุมนุม แม้จะมีเหตุผลในการเรียกร้องสิทธิที่ต่างกัน  แต่ผลจากการสลายการชุมนุมเหตุการณ์ที่สถานีตำรวจภูธรตากใบ  มีการล้มตายมากกว่า  และเชื่อว่าต้องมีการสั่งการเป็นลำดับชั้น  เฉกเช่นการสั่งการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.)ได้วินิจฉัยการสั่งการสลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภา  แต่เหตุไฉนเหตุการณ์ตากใบกระบวนการยุติธรรมจึงไปได้เพียงว่า  ผู้ที่ล้มตายเกิดจากอะไร ?
 
ทำไมการสลายการชุมนุมที่ตากใบ จึงไม่มีการยื่นคำร้องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)วินิจฉัยถึงการกระทำของเจ้าหน้าที่  ทำไมกระบวนการทางอาญา กรณีของการชุมนุมที่ตากใบ จึงหายไปจากสารบบ คงเหลือเพียงญาติๆ ที่ได้ดำเนินการเรียกร้องสิทธิทางศาล เพียงเพื่อให้ศาลได้รับคำร้อง เพื่อค้นหาว่าการตายเกิดจากการกระทำของใคร ซึ่งการต่อสู้เรียกร้องในสิ่งเหล่านี้ใช้เวลามาแล้วหลายปี  เหตุใดกระบวนการเรียกร้องความเป็นธรรมต่าง ๆ จึงแตกต่างจากกระบวนการหาคำตอบของเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551
 
เหตุไฉนเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นกับพี่น้องมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้แล้วต้องใช้ระยะเวลาหาคำตอบเป็นเวลานานและไม่อาจไปถึงเพื่อวินิจฉัยว่าใครเป็นคนสั่งให้สลายการชุมนุม และการล้มตายเกิดจากการกระทำของใคร เฉกเช่นดังที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีมติกรณีการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551
 
      แม้คำวินิจฉัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ได้วินิจฉัยไปแล้วถึงเหตุการณ์การสลายการชุมนุมเมื่อวันที่  7 ตุลาคม 2551 แต่พี่น้องในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้คงมีคำถามต่อไปว่า ทำไมผลการวินิจฉัยการสลายการชุมนุมทั้ง 2 เหตุการณ์ จึงมีขั้นตอนกระบวนการและคำตอบสุดท้ายที่แตกต่างกัน.