ท้องฟ้าสีเทา แสงทิวารุ่ง เช้าสลัวๆ ความกล้าและกลัวอาจก่อเกิดขึ้นกับทุกคนที่มาเยือนพื้นที่แห่งนี้ พื้นที่สามจังหวัด(ชายแดน) ภาคใต้ เช้าวันศุกร์ทุกๆเช้ายังมีกลุ่มที่ใช้นามแฝงของกลุ่มว่า "เสียงเล็กๆ" มุ่งมั่นดั้นด้นจากปัตตานีสู่พื้นที่ที่ใครอีกหลายคนยังคงกล้ากลัวที่จะเข้า ไปเยือนพื้นที่ที่เรียกว่า "ยะหา" จังหวัดยะลา ตลอดเส้นทางสองข้างทางของถนนสายปัตตานีมุ่งสู่ตัวเมืองยะหา คือ ห้วงเวลาของบทพิสูจน์ที่ทุกคนในกลุ่มต่างต้องมุ่งหน้าแม้วันเวลาจะมีอุปสรรค นานับประการให้ผ่านพบ แต่ด้วยใจมุ่งมั่นที่จะร่วมกันผลักดันวิถีแห่งคนดี คือ การนำสิ่งที่ตนมีสู่เพื่อนพ้องน้องพี่ที่ควรจะได้รับ นั่นคือ "การคืนครูให้นักเรียน"
"ทำไปเถอะ หากล้อรถมันหมุนแล้วสังคมจะเกิดประโยชน์...คำพูดจากพี่สาว(แท้)ของผม"
ความมุ่มมั่นและตั้งใจของน้องๆเยาวชนในพื้นที่ที่พวกเราได้ไปสัมผัส คือ ภาพความเป็นจริงที่เราททุกคนมิอาจปฏิเสธได้ว่า เยาวชนในพื้นที่ยังรอคอย แบบอย่างของครูที่มีชีวิตและจิตวิญญาณผ่านกระบวนการทำความเข้าใจเรียนรู้ ความเป็นตัวตนของน้องๆในพื้นที่อย่างจริงจัง เพราะอะไรนั่นหรือครับ เพราะนี่ คือ ความหวังและกำลังสำคัญของประเทศชาติที่จะร่วมสร้างความสันติสุขสู่พื้นที่ สามจังหวัด (ชายแดน) ภาคใต้
แม้ระยะเวลากว่า 7 ปีอาจดูน้อยไปสำหรับการทำงานกับกลุ่มเยาวชนในพื้นที่ที่ร่วมกันพยายามผลัก ดันขับเคลื่อนโครงการทางการศึกษา แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพวกเราเชื่อว่า ด้วยสมองและสองมือด้วยกับความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า คือ บทพิสูจน์ว่า วันนี้เยาวชนในพื้นที่ยังคงโหยหา ความรัก ความตั้งใจมั่นที่ใครสักคนจะมีให้เขา สถานการณ์ในควันปืน อาจดูเหมือนจิตใจเขาไม่พร้อมที่จะเรียน แต่อยากให้ใครต่อใครตระหนักว่าความพากเพียรยังมีอยู่เต็มดวงจิตด้วยวิถีคิด ที่งดงาม
(รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ กระมัง คือเหตุผล ที่เรายังคงดำเนินต่อไปภายใต้ "เสียงเล็กๆ")
คงไม่ต้องถามว่า...กี่ครั้งที่พบผ่านกับเสียง (ตู๊ม.....ตูม...มมมมมมมมมมม)
คงไม่ต้องถามว่า...กี่ครั้งที่ผ่านพบกับชีวิตที่สิ้นลมหายใจ
คงไม่ต้องถามว่า...กี่ครั้งที่เสียงดัง (ปั๊ง....ปัง.....ปัง) ลอดผ่านแก้วหูบ้างไหม
สิ่งที่อยากให้ใครต่อใครตระหนักว่า...บนพื้นที่แห่งนี้ยังมีชีวีที่มีชีวิต ยังรอคอยการกลับมาของ ครูด้วยหัวใจ "คืนครูให้นักเรียน" วันนี้หลายพื้นที่อาจเริ่ม แต่ก็ อยากให้หลายพื้นที่แห่งนั้นมีพื้นที่แห่งนี้เพิ่มเติม สิ่งนี้ให้เยาวชนในพื้นที่แห่งนี้บ้าง เพราะเชื่อว่าเมื่อกาลเวลาผ่านพ้นล่วงเลยวันแล้ววันเล่า การเฝ้าคอยของเยาวชนในพื้นที่จะไม่เป็นการเฝ้าคอยครูอย่างไม่สูญเสียเวลา
ครูต้องกลับมา ครูต้องกลับ ครูต้องกลับมานะ...นี่ คือคำพูดของน้ำตาที่ไหลลงตรงความทบทวนถึงบทบาทหน้าที่ ว่าชีวีชีวิตนับต่อจากนี้ บนพื้นที่ที่ยังคงมีกลิ่นไอของควันปืนอาจต้องดำเนินต่อไป แต่อย่าลืมว่าความจริงของการเป็นไปในชีวิต คือ ทุกคนต้องกลับ(บ้าน) และนี่คือเหตุผลของบันทึกนี้เมื่อถึงวันนั้น
"บนความหลากหลายของวิถีคิด
บนความมืดมิดของบางสิ่ง
บนเงื่อนไขแห่งเวลาที่ยังประวิง
คือ เหตุผลของทุกสิ่ง...บนพื้นที่แห่งนี้"