Skip to main content

AwanBook : Abdulloh Wanahmad

หลายฝ่ายต่างคาดหวังต่อกระบวนการสันติภาพปาตานีที่ได้ริเริ่มอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2013 เป็นอย่างมาก ว่าอาจจะส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของรัฐบาลไทย ภายใต้การนำของ ฯพณฯ นายกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีนโยบายในการแก้ไขปัญหาที่มีความยืดเยื้อมานานอย่างเป็นรูปธรรม ที่ต้องการแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี แต่ถึงกระนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่จะประสบผลสำเร็จได้ ก็ย่อมต้องอาศัยปัจจัยหลายๆ อย่าง ที่เป็นองค์ประกอบของความสำเร็จ

ภายหลังจากที่ได้มีคลิปภาพอ่านแถลงการณ์ ที่อ้างว่ามาจากมติที่ประชุมของสภาสูงสุดของบีอาร์เอ็น(Majlis Syura)ได้เผยแพร่ผ่านโลกออนไลน์ก่อนถึงเทศกาลวันฮารีรายอจะมาถึงเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทำให้สังคมถึงกับตกตะลึงและตั้งคำถามไปต่างๆนานาว่า เป็นคลิปมาจากขบวนการจริงหรือเป็นของมือที่สามกันแน่ หรืออาจเป็นของขบวนการจริงที่ฉวยโอกาสกระทำโดยพลการ ของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับกระบวนการเจรจาสันติภาพดังกล่าว

ถึงแม้ว่าการกระทำดังกล่าวจะมาจากฝ่ายที่ต้องการหยุดยั้งการพูดคุยสันติภาพระหว่างบีอาร์เอ็นกับรัฐไทยให้หยุดชะงักลงกลางคัน จะโดยพลการหรือโดยการอนุมัติผ่านสภาสูงสุดของบีอาร์เอ็นจริงก็ตาม แต่ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพพจน์ของเวทีการพูดคุยสันติภาพอย่างหลีกเลี่ยงมิได้

ถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่ฝ่ายขบวนการเลือกใช้วิธีการดังกล่าว กล่าวคือเป็นการออกมาสื่อสารด้วยภาษาที่ดุดันและใส่เครื่องแบบนักรบอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

เป็นที่น่าสังเกตว่า จังหวะการออกมาสื่อสารของบีอาร์เอ็น โดยฝ่ายปีกทหาร ถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องคบคิดอย่างหนักทีเดียว เพราะมันมีผลในการขับเคลื่อนต่อกระบวนการสันติภาพในอนาคต อย่างน้อยคลิปดังกล่าวอาจเป็นคำตอบให้กับรัฐไทยถึงบทบาทและศักยภาพที่มีอยู่ของบีอาร์เอ็นว่า ฝ่ายที่กำลังต่อกรกับรัฐนั้นมิได้กระจอกอย่างที่เคยคาดคิดมาก่อน

คลิปดังกล่าวได้ให้คำตอบให้กับฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่า อย่างน้อย “กระบวนการสันติภาพปาตานี” จะสามารถดำเนินไปอย่างราบรื่นหรือไม่อย่างไรนั้น มิได้ขึ้นอยู่กับฝ่ายการเมืองเสมอไป หากว่าเงื่อนไขและข้อเรียกร้องมิได้เป็นไปตามที่ได้พูดไว้ ในเมื่อกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การยุติเหตุนองเลือดนั้นคือความจริงใจต่างหาก ถึงแม้ว่าความจริงใจนั้นจะมิสามารถสัมผัสด้วยตาเปล่าได้ แต่สามารถมองเห็นผ่านการกระทำได้!

ในเมื่อข้อเรียกร้องและเงื่อนไขเบื้องต้นยังมิสามารถให้คำตอบอย่างประจักษ์ได้ การที่ขบวนการออกมาขัดจังหวะเพื่อส่งสัญญาณให้กับฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้กลับไปพิจารณาอีกครั้ง คงเป็นเรื่องธรรมดาที่ฝ่ายขบวนการโดยเฉพาะฝ่ายที่คุมกองกำลังจะออกมาแสดงท่าทีด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าการออกมาในลักษณะดังกล่าวจะดูเหมือนว่าเป็นการพยายามที่จะเลื่อยขาโต๊ะเจรจาก็ตาม แต่จำเป็นที่จะต้องทำ

การเจรจาสันติภาพอาจพบกับความสะดุดเป็นเรื่องธรรมดา แต่การจะประคองโต๊ะและเก้าอี้เจรจามิให้ล้มต่างหาก ที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมกันหาวิธี

การเจรจาสันติภาพยิ่งยาวนานเท่าไหร่ โอกาที่โต๊ะจะล่มย่อมมีมากขึ้นเท่านั้น
ตราบใดที่สันติภาพยังมิได้บรรลุตามที่ประชาชนต้องการ ตราบนั้นชีวิตของประชาชนเองยังต้องบาดเจ็บล้มตายเป็นเงาตามตัวมากขึ้นเท่านั้น จนกว่าสันติภาพที่แท้จริงอย่างที่ประชาชนต้องการจะบังเกิดขึ้นบนผืนดินปาตานี!