เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 มีเหตุการณ์การสลายการชุมนุมบริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 85 คน และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เหตุการณ์ดังกล่าวปรากฏภาพและข้อมูลต่อสาธารณะชนอย่างแพร่หลาย เป็นที่รับรู้ในวงกว้าง อันเป็นการละเมิดกฎหมายและสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ส่งผลกระทบเป็นเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่มาจนถึงปัจจุบัน ในช่วงสองปีที่ผ่านมา รัฐบาลจึงได้มีนโยบายให้จ่ายเงินเยียวยาเพิ่มให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ตากใบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ให้แก่ญาติผู้เสียชีวิตเป็นคนละ 7.5 ล้านบาท ผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเงินคนละ 4.5 ล้าน – 2 แสน และผู้ถูกควบคุมตัว คนละ 15,000บาท จากเดิมในคดีแพ่งที่รัฐตกลงจ่ายค่าเสียหายให้ญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บคนละ 3-4 แสนบาท
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารัฐบาลได้มีการชดเชยเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวเพิ่มเติมและครอบคลุมมากขึ้น แต่ก็ยังมีการเยียวยาอีกประการหนึ่งซึ่งสำคัญกว่าการเยียวยาด้วยเงิน คือการเยียวยาด้วยความจริงและความยุติธรรม ความจริงและความยุติธรรมนอกจากจะเป็นการเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงแล้ว ยังเป็นการเยียวยาต่อประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยรวมด้วย การจ่ายเงินเยียวยาไม่อาจมองว่าเป็นการให้ความยุติธรรมแต่อย่างใด
ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา ปรากฏว่า กรณีมีผู้เสียชีวิต 6 ศพ ในบริเวณที่เกิดเหตุ ไม่มีความคืบหน้าในการสืบสวนและไม่มีการยื่นคำร้องขอไต่สวนชันสูตรพลิกศพตามมาตรา 150 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยอ้างเหตุผลว่าไม่ทราบตัวผู้กระทำผิด จึงงดการสอบสวน ส่วนผู้เสียชีวิตในระหว่างการขนย้าย 78 ศพ แม้จะมีการไต่สวนชันสูตรพลิกศพและศาลมีคำสั่งแล้วว่าผู้ตายทั้ง 78 คน เสียชีวิตเนื่องจากขาดอากาศหายใจ ในระหว่างอยู่ในความควบคุมตัวของเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติราชการตามหน้าที่ แต่ภายหลังจากศาลมีคำสั่งดังกล่าวพนักงานอัยการก็มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาผู้กระทำความผิดในกรณีนี้ เป็นเหตุให้การดำเนินคดีอาญาโดยรัฐสิ้นสุดเพียงเท่านี้
แม้ว่าช่องทางตามกฎหมายจะให้สิทธิญาติผู้เสียชีวิตสามารถฟ้องคดีอาญาต่อศาลได้เอง ซึ่งที่ผ่านมา ญาติได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ว่าประสงค์จะดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำความผิดโดยให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นผู้ฟ้องคดีแทน แต่ปรากฏว่าไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญาแต่อย่างใด โดยกสม. ให้เหตุผลว่าญาติผู้เสียชีวิตไม่ประสงค์จะฟ้องคดีอาญาแล้ว ทั้งนี้ เนื่องจากมีปัจจัยหลายประการที่ญาติผู้เสียชีวิตต้องรับภาระในการดำเนินคดีอาญาต่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเวลาที่ยาวนาน ความกังวลเรื่องความปลอดภัย ฯลฯ การที่ญาติผู้เสียชีวิตต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความยุติธรรมแต่เพียงลำพังเป็นภาระที่มากเกินไป รัฐต้องสนับสนุนให้ญาติผู้เสียชีวิตสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้ด้วย
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เห็นว่า เหตุการณ์ตากใบเป็นกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง กระบวนการปรองดองและสันติภาพจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากปราศจากซึ่งความจริงและความยุติธรรม จึงขอเรียกร้องให้รัฐอำนวยความเป็นธรรมและความยุติธรรมให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง