Skip to main content

ในรายการ "Dunia Hari Ini" (โลกวันนี้) เมื่อวาน (1 ม.ค. 2557) ผู้ดำเนินรายการได้ถามผู้ชมทั้งหลายว่า เหตุการณ์ที่สำคตัญที่สุดแห่งปี 2556 คืออะไร มีผู้ชมที่โทรมาเข้าร่วมรายการทั้งหมดสิบสี่สาย ปรากฎว่า เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ชมของรายการนี้คือ การเปิดรายการ "Dunia hari ini" นั่นเอง 

สาเหตุที่ผู้ชมทั้งหลายให้สำหรับการเลือกคำตอบนี้ก็น่าสนใจ 

ท่านหนึ่งได้อธิบายว่า ก่อนหน้านี้ แม้แต่อยู่ในร้านน้ำชา ชาวบ้านไม่กล้าพูดเรื่องบางเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคง กลัวว่าจะถูกมองเป็นผู้ต้องสงสัย หรือแนวร่วม แต่หลังจากมีรายการนี้ ชาวบ้านก็เริ่มจะกล้าพูดประเด็นต่างๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กล้าพูด รวมไปถึงเรื่องขบวนการ เอกราช กระบวนการสันติภาพ ฯลฯ ท่านกล่าวว่า หลังจากมีรายการนี้ บรรยากาศในร้านน้ำชา (หรือ สภากาแฟ) ในหมู่บ้านก็เปลี่ยนไป จากความหวาดกลัวเป็นความกล้าพูด

อีกท่านหนึ่งได้กล่าวว่า รายการนี้ "เปิดตา" ชาวบ้านเกี่ยวกับกระบวนการสันติภาพ โดยให้ข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ ท่านได้อธิบายว่า ก่อนหน้านี้ชาวบ้านแทบจะไม่มีโอกาสที่จะรู้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์อันแท้จริงในปาตานี/สาม จว. ชายแดนใต้ เพราะแหล่งข้อมูลสำหรับชาวบ้านก็มีแต่สื่อกระแสหลักหรือข้อมูลจากฝ่ายรัฐ/ความมั่นคง (ซึ่งท่านอธิบายว่าเป็น "บาฮง เบอลากอ" โกหกทั้งนั้น) แต่ฝ่ายมีเดียสลาตันพยายามจะหาข้อมูลจริง อย่างเช่นไปสัมภาษณ์อุสตาซฮัสซัน ตอยิบ หัวหน้าคณะพูดคุยฝ่าย BRN (ซึ่งผู้ชมเลือกเป็นบุคคลแห่งปีสำหรับคนมลายูปาตานี) ซึ่งหมายความว่า รายการ Dunia Hari Ini ไม่ใช่แค่รายการพูดคุยธรรมดา แต่เป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญด้วย 

ผู้ชมก็แสดงความดีใจที่ว่า หลังจากมีรายการนี้ ชาวบ้านก็มีโอกาสที่จะนำเสียงของตัวเองในสื่อ ซึ่งก่อนหน้านี้โอกาสเพื่อแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้แทบจะไม่มี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาษามลายูซึ่งเป็นภาษาของพวกเค้าเอง 

คำอธิบายของผู้ชมท่านนี้บ่งบอกว่า สื่อส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสื่อกระแสหลักหรือสื่อทางเลือก ชาวบ้านยังรู้สึกว่าเป็นสื่อของ "พวกเขา" เพราะโอกาสที่ถ่ายทอดความเห็นอันแท้จริงของเค้ายังถูกจำกัดอยู่ 

ส่วนสำหรับข่าวเด่นแห่งปี 2556 กระบวนการสันติภาพที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ 28 ก.พ. นี้เป็นข่าวที่สำคัญอันดับสอง ซึ่งหมายความว่า ชาวบ้านยังมีความหวังในกระบวนการดังกล่าว และอยากให้ทุกฝ่ายที่มีเกี่ยวข้องแสดงความจริงจังในการดำเนินกระบวนการสันติภาพ โดยให้ความสำคัญแก่ชาวบ้าน/คนในพื้นที่เป็นหลัก ไม่ใช่ผลประโยชน์ทางการเมือง 

ขอแสดงความยินดีกับฝ่ายสถานีวิทยุสลาตัน ที่ได้รับการยอมรับจากสังคมในพื้นที่ และขอเป็นกำลับใจในการทำงานต่อ ส่วนสื่อรายอื่นๆ ก็ควรพยายามจะเป็น "พื้นที่กลาง" เพื่อให้โอกาสแสดงความเห็นสำหรับคนในพื้นที่ความขัดแย้