ซาฮารี เจ๊ะหลง
ผู้ปฏิบัติงาน สำนักสื่อ Wartani
งานเขียนชิ้นนี้ ผู้เขียนตั้งใจจะนำเสนอปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นในโลกอินเตอร์เน็ตและจากส่วนหนึ่งของเพจในเฟสบุคที่สนใจประเด็นปัญหาความขัดแย้งในปาตานี หรือ จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งเป็นการโต้ตอบระหว่างฝ่ายที่เชื่อและสนับสนุนการทำงานของรัฐกับอีกฝ่ายที่ไม่เชื่อและ (ต่อต้าน) รวมทั้ง (ตั้งข้อสงสัยกับ) การดำเนินงานเพื่อคลี่คลายปัญหาคดีการสังหารโหดเด็ก 3 พี่น้อง ที่บ้านปาลุกาแปเราะ ตำบลปาลุกาสาเมาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส หลังจากกรณีการแถลงข่าวการจับกุมตัว 2 ทหารพรานที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญในครั้งนี้
การแถลงข่าวได้ถูกจัดขึ้นที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการตำรวจภูธรอำเภอเมืองนราธิวาส ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2557 ที่ผ่านมา หลังจากนั้นสื่อต่างๆในโลกออนไลน์ก็ได้รายงานข่าวออกไปยังสังคม
ไทยรัฐออนไลน์ได้พาดหัวข่าวว่า “ผู้การฯ อ้างเหตุยิง 3 ศพนราธิวาสปมขัดแย้งส่วนตัว” เดลินิวส์ ได้พาดหัวข่าวว่า “รวบ 2 ทหารพรานฆ่าเด็กสามพี่น้อง อ้างล้างแค้นส่วนตัว” ส่วนโพสต์ทูเดย์ ก็พาดหัวข่าวว่า “จับทหารฆ่าเด็ก 3 ศพเหตุแค้นส่วนตัว”ด้าน ASTV ผู้จัดการออนไลน์ พาดหัวข่าวว่า “รวบแล้ว! ตร.แถลงจับ 2 อส.ทพ.ฆ่าเด็ก 3 ศพที่บาเจาะ เผยเหตุเข้าใจผิดยันไม่เกี่ยวโจรใต้”
และสื่อที่เกาะติดสถานการณ์อย่างต่อเนื่องอย่างสำนักข่าวอิศรา พาดหัวข่าวว่า “ตำรวจชี้ฆ่าเด็ก 3 ศพนราฯ ปมส่วนตัว ทหารไปอีกทางอ้างฝีมือป่วนใต้”
ขอบคุณภาพจากสำนักข่าวอิศรา
จากการพาดหัวข่าวของแต่ละสื่อ ชี้ให้เห็นว่ากรณีการจับกุมผู้ก่อเหตุ สังคมเริ่มที่จะเห็นความกระจ่าง ข้อเท็จจริงที่แถลงก็ดูสมเหตุสมผล ต่อการรับรู้ของผู้คนทั่วไป ในขณะเดียวกันที่สังคมส่วนใหญ่เริ่มเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ก็มีความสามารถในการคลี่คลายปัญหาคดีที่ซับซ้อน ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งอุดมการณ์ทางการเมือง
แต่ยังมีกลุ่มต่อต้านการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนจากส่วนกลาง ซึ่งกลุ่มดังกล่าวนี้เชื่อว่าสื่อจากส่วนกลางอิงกับอำนาจรัฐเป็นกระบอกเสียงให้กับฝ่ายรัฐ และได้มีการตอบโต้ผ่านช่องทางการสื่อสารในเฟสบุคอย่างร้อนแรง ทั้งถ้อยคำและแนวคิดที่เห็นแย้งต่อการแถลงข่าวในครั้งนี้ เช่น การเสียดสีของเพจ Jalan Ku ที่โพสต์ข้อความว่า “คนโง่เท่านั้นที่เชื่อว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนยิงนายอับดุลเลาะ บินมามะ และนางรอกีเยาะ สระราวอ หญิงท้องสี่เดือน” และอีกโพสต์หนึ่งกล่าวว่า “ชาวบ้านกำลังขำกลิ้งกับคำแถลงของท่านอยู่นะครับ ไม่อายบ้างหรือ.. 555555+”
ที่มา :
ขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊ค “Jalan Ku”
เมื่อมีการโต้ตอบก็ย่อมมีการตอบโต้คืน ในโลกเสมือนจริงอย่างสังคมเครือข่ายสื่อออนไลน์ หรือ โซเชี่ยลเน็ทเวิร์ค ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มที่โพสต์ไม่เชื่อกับการแถลงข่าวของฝ่ายรัฐ ก็มีการเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างถึงพริกถึงขิง กลายเป็นสงครามสื่อระหว่างสองวิธีคิดต่อมุมมองการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐและระหว่างสองอุดมการณ์ทางการเมืองที่ขัดแย้ง อย่างชัดเจน เห็นได้จากโพสต์ข้อความของเพจกลุ่ม “โฉมหน้ามือฆ่าเด็กน้อย 3 ศพ ที่พวกโจรชั่วมันป่ายสีให้กับ จนท.รัฐฯ ตำรวจนำตัวผู้ต้องหา 2 คน มาแถลงข่าวเหตุยิงเด็ก 3 คน เสียชีวิตที่ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 คนบอกว่า เป็นเรื่องการแก้แค้นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ เนื่องจากนายเจ๊ะมุ มะมัน พ่อของเด็กทั้ง 3 ศพ ไปยิงพี่สาวของผู้ต้องหาก่อน ทำให้พี่สาวของผู้ต้องหา ซึ่งกำลังท้องใกล้คลอดเสียชีวิต จึงได้ชวนญาติๆ ตามมาล้างแค้น โดยตั้งใจจะยิงนายเจ๊ะมุ มะมัน คนเดียว” ผู้สื่อข่าวถามผู้การตำรวจว่า จะออกหมายจับนายเจ๊ะมุ ในคดีฆ่าพี่สาวผู้ต้องหาหรือไม่ ผู้การตอบว่า ยัง รอรวบรวมพยานหลักฐานก่อน "บูรพา"
ที่มา:
อนึ่ง เนื้อหาหลักฐานของการแถลงข่าวเริ่มที่ นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้กล่าวว่า “คดีดังกล่าวถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวนเป็นเวลา 1 เดือนเต็ม จนสามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้ และเพื่อให้เห็นว่าคดีดังกล่าวเป็นเรื่องความโกรธแค้นส่วนตัว ไม่ใช่คดีความมั่นคง”
ด้าน พล.ต.ต.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ผบก.ภ.จังหวัดนราธิวาส ได้แถลงข่าวพร้อมนำโปสเตอร์มาประกอบว่า “คดีดังกล่าวเป็นเรื่องความโกธรแค้นส่วนตัว ไม่ใช่ปัญหาความมั่นคง โดยมูลเหตุจากการสอบสวนปากคำ อส.ทพ.มะมิง 1 ใน 3 ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ที่ร่วมกับพวกลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ เชื่อว่านายเจ๊ะมุ เป็นคนยิงนายอับดุลเลาะ บินมามะ ซึ่งเป็นพี่ชาย และนางรอกีเยาะ สระราวอ ซึ่งเป็นพี่สะใภ้ ซึ่งตั้งท้อง 4 เดือน เสียชีวิตในพื้นที่ ตำบลปะลุกาสาเมาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา”
จากนั้นปฏิกิริยาในโลกไซเบอร์ก็ระเบิดขึ้น อาการไม่เห็นด้วยนี้มันบ่งชี้ถึงปัญหาความไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐและเลยเถิดไปถึงกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ การที่เจ้าหน้าที่เร่งมือสืบสวน สอบสวนเพื่อให้คดีกระจ่าง เป็นเรื่องที่ดี และเป็นปรากฏการณ์ใหม่สำหรับคดีในปาตานี หรือจังหวัดชายแดนใต้ด้วย (อาจจะเป็นบรรทัดฐานใหม่ให้คดีอื่นๆ ที่ยังไม่คลี่คลาย ถือเป็นเรื่องดีในกระบวนการยุติธรรม)
เพราะคดีในพื้นที่นี้มันคลี่คลายไม่ได้เลย ทำให้มีความมั่วตามมาหลายอย่าง แต่ที่สำคัญ คือ การคลี่คลายคดีจะให้ดีมันต้องน่าเชื่อถือด้วยสำหรับชาวบ้าน เพราะเป็นปัญหาสำคัญที่รัฐถูกโจมตีจากฝ่ายขบวนการเสมอในเรื่องของความอยุติธรรม ซึ่งมีผลในการเชื่อใจของประชาชน เจ้าหน้าที่ควรจะต้องรับฟังด้วยว่า ทำไมชาวบ้านจึงไม่เชื่อ ทำไมถึงยังได้มีคำถามจากชาวบ้านว่า “เจ้าหน้าที่จัดฉากหรือเปล่า?”
ขอบคุณภาพจาก “FREE VOICE PHOTO”
ประเด็นเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่เจ้าหน้าที่จะต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ไม่ใช่แค่นำเสนอผลสอบสวนออกมาแล้วมันจบ และไม่ใช่คิดแค่ว่ากำลังต่อสู้ด้วยวิธีการโฆษณาชวนเชื่อกับขบวนการ จนลืมข้อเท็จจริงว่าชาวบ้านเขาอยากได้ความจริงที่เขาเชื่ออย่างสมเหตุสมผล และน่าเชื่อถือที่สุด
เพราะในพื้นที่ความขัดแย้งข้อเท็จจริงถือเป็นที่สิ้นสุด และดำเนินการอย่างรอบด้าน ส่วนอีกเรื่องที่เจ้าหน้าที่จะต้องไม่หลงประเด็น คือ คิดที่จะไปปิดปากสื่อที่แสดงความไม่เห็นด้วยกับตัวเอง หาว่าสื่อนั้นยุยงชาวบ้าน เพราะชาวบ้านเขาคิดยังงี้อยู่แล้ว มันเป็นโจทย์จริงที่ท้าทายต่อเจ้าหน้าที่รัฐในการทำสงครามสื่อเพื่อชนะใจประชาชน มากกว่าทำงานด้วยความฉาบฉวยเพื่อให้มีผลงาน
การปะทะกันทางวาทกรรมในโลกเสมือนจริง หรือ ในแต่ละเพจของเฟสบุค ที่ใช้ถ้อยคำรุนแรงเพื่อห่ำหั่นกันผ่านตัวอักษรที่บรรจงแป้นพิมพ์ โจมตีกันไปมาระหว่างสองฝ่ายที่ขัดแย้งทางวิธีคิดและอุดมการณ์ที่ต่างกัน ทำให้สังคมเกิดความขัดแย้งอย่างไม่สิ้นสุด ในการนี้ผู้เขียนจึงอยากเรียกร้องให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตพึงระวังการบริโภคข่าวสาร ควรรับฟังอย่างรอบด้าน การไตร่ตรองโดยใช้สติอย่างมีหลักเหตุและผลอย่างสำนึกในความเป็นมนุษย์
ลิ้งค์ข่าวที่อ้างอิง:
ผู้การฯ อ้างเหตุยิง 3 ศพนราธิวาสปมขัดแย้งส่วนตัว :
รวบ 2 ทหารพรานฆ่าเด็กสามพี่น้อง อ้างล้างแค้นส่วนตัว :
จับทหารฆ่าเด็ก 3 ศพเหตุแค้นส่วนตัว :
รวบแล้ว! ตร.แถลงจับ 2 อส.ทพ.ฆ่าเด็ก 3 ศพที่บาเจาะ เผยเหตุเข้าใจผิดยันไม่เกี่ยวโจรใต้ :
ตำรวจชี้ฆ่าเด็ก 3 ศพนราฯ ปมส่วนตัว ทหารไปอีกทางอ้างฝีมือป่วนใต้ :
สารคดีสั้น : "หามันให้เจอ" เสียงจากปาลูกาแปเราะ : http://www.deepsouthwatch.org/node/5304