Skip to main content

โดย Abdulrahman Dewani
Abdulloh Wanahmad ;AWANBOOK (แปล)

ปาถกฐาพิเศษ ; สันติภาพปาตานี
1 มีนาคม 2014 เนื่องในวันมอบประกาศนียบัตรของนักศึกษาวิทยาลัยประชาชน

ขอความสันติสุขจงมีแด่ทุกท่าน

แด่ผู้มีเกียรติที่อยู่ในห้องประชุมใหญ่ที่ข้าพเจ้าให้ความเคารพยิ่งนี้ทุกท่าน ในวันนี้ ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณบรรดาแขกผู้มีเกียรติ์ทั้งหลาย ที่ได้หลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศของแผ่นดินที่จำเริญแห่งนี้ ทั้งเด็กเล็กผู้ใหญ่ คนชรา คนหนุ่มสาว และรวมทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ทุกท่าน ที่ข้าพเจ้ามิได้เอ่ยนามในที่นี้

ด้วยความการุณอันล้นพ้นทั่วสากลจักรวาล (Dengan limpah rahmat semesta)
ด้วยความอนุเคราะห์ของพระองค์ข้าพระองค์วิงวอนขอ   (Dengan kurniamu kami meminta)
ข้าพระองค์ขอพรอันจำเริญยิ่งจากพระองค์   (Kami mohon restu berkat darimu)
ความตั้งใจข้าพระองค์ฝังลึกคงมั่นแข็งแกร่ง  (Hasrat kami terbenam kukuh berpadu)
เรากำลังตามหาสันติภาพที่หายไป   (Kita sedang mencari damai yang hilang)
เพราะสันติภาพนั้นสวยงามสันติภาพนั้นศักดิ์สิทธิ์  (Karena damai itu indah damai itu bertuah)
เราจงมาปลูกสันติภาพที่แผ่นดินปาตานีกันเถิด  (Mari kita tegakkan damai dibumi Patani)
เราตั้งไว้บนบ่าแห่งต้นกล้าหนุ่มที่กำลังเบ่งบานอยู่นี้  (Kita letakkan dipundak tunas muda yang sedang menguntum ini)

ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน
การที่มีวันนี้มันก็ย่อมมีวันที่ผ่านๆ มา นั่นก็คือการที่มีวันแห่งปฐมบท ก็คงต้องมีวันที่ตรงกันข้ามกัน การปะทุขึ้นของความขัดแย้งได้นำมาซึ่งการก่อเกิดกิจกรรมงานต่างๆ เพื่อแสวงหาสันติภาพที่หายไปด้วยทุกวิถีทาง นับตั้งแต่ข้อต่อต่างๆในร่างกายตลอดจนจังหวะเต้นของหัวใจ และลมปอดที่เคลื่อนไหวเพื่อที่จะก่อร่างสร้างสังคมที่มีพัฒนาการและความก้าวหน้า เพราะเรานั้นอยู่ในสถานะกลุ่มชนที่ถูกกลืนกลายโดยกลุ่มชนหนึ่งในทุกๆ ด้านของการดำเนินชีวิต เราต่างสำนึกและรู้ตัวดีว่า ต่างมีความต้องการที่จะมีชีวิตอยู่อย่างแน่วแน่มั่นคงเหมือนดังกลุ่มชนที่สามารถฝาฝันอุปสรรคได้ฉันใดก็ฉันนั้น หากหนักก็ร่วมกันแบก หากเบาก็ร่วมกันพา ในฐานะกลุ่มชนหนึ่ง แน่นอนย่อมมีความต้องการที่จะดำรงไว้ซึ่งความมั่นคงและความแพร่หลายของชาติพันธุ์ ; ชนชาติใดที่ไร้การดำรงไว้ซึ่งอัตลักษณ์วัฒนธรรมของตัวเอง ชนชาตินั้นอาจสูญสลายหายไปจากบรรณพิภพแห่งนี้ได้ในที่สุด
ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าเรียกร้องไปยังแขกผู้มีเกียรติ์ในที่นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าผู้ที่อาศัยบนผืนแผ่นดินอันจำเริญพาสุกแห่งนี้ และเช่นกันข้าพเจ้าใคร่เรียกร้องความกรุณาไปยังชาติสมาชิกในบริเวณเอเชียอาคเนย์ โดยเฉพาะกลุ่มชนแห่งหมู่เกาะมลายูทั้งหลาย ที่ครั้นอดีตเราเคยเป็นเสมือนเครื่องแกงในหม้อเดียวกัน อาบน้ำในปากแม่น้ำสายเดียวกัน ร้องเพลงในท่วงทำนองเดียวกัน ทว่าความสัมพันธ์ไปมาหาสู่ระหว่างกันแทบจะหายไป เรายอมที่จะให้สิ่งเหล่านั้นหายไปจากเราเสียกระนั้นหรือ? เราสูญเสียมันไป? เราเปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ เรายอมที่จะมองดูยอดไม้และกิ่งก้านที่หักโค่นอย่างเดียวโดยที่ไม่ยอมหาช่องทางและช่วยทำให้กลับมาเหมือนเดิมได้กระนั้นหรือ?

ท่านผู้มีเกียรติ์ทุกท่าน
การล่มสลายของอารยะธรรมของกลุ่มชนหนึ่ง มิได้หมายความว่าศัตรูนั้นมีความเข้มแข็งแต่อย่างใดไม่ ทว่าเป็นเพราะความเปราะบางของอัตลักษณ์ของกลุ่มชนดังกล่าวนั่นเอง (KEJATUHAN SUATU TAMADUN/BANGSA ,BUKAN KERANA KUATNYA MUSUH,TETAPI KERANA LEMAHNYA IDENTITI BANGSA TERSEBUT).

วันนี้เราทั้งหลายก็ต่างรู้ดีว่า หมู่เกาะของเราถูกแบ่งพรมแดนแล้วปกครอง ประชาชนและสังคมของเรากลายเป็นผู้ที่ขี้ขลาดเขลาและเบาปัญญา หัวใจของเรารู้สึกอย่างไรบ้างในการที่จะมุ่งก้าวสู่ปี 2020? หากว่าความพร้อมในทุกๆ ด้าน เรายังไม่มีการเตรียมพร้อม ไม่ว่าจะเป็นในด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจ ด้านการศึกษาและด้านวัฒนธรรม.

กว่าสองศตวรรษมาแล้วที่สันติภาพ ความสงบสุขของเราได้หายไป ความเป็นอยู่ของผู้คนตกอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัว ปราศจากสิทธิมนุษยชน ไม่ว่าจะเป็นทั้งเด็กและผู้หญิง ที่ไม่ได้รับความคุ้มครองจากฝ่ายต่างๆ ในขณะที่จำนวนของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจนเสียชีวิตก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
บรรดาผู้มีเกียรติ์ที่เคารพรัก

กว่าสิบปีที่ผ่านมานักการเมืองบ้านเรา พวกเขาก็เปรียบเสมือนเรือใหญ่ลำหนึ่ง ที่เป็นความหวังสำหรับสังคมเพื่อเป็นที่พึ่งของสังคมและได้รับความคุ้มครองปลอดภัย ทว่าในความเป็นจริงแล้วไม่มีประโยชน์อันใดแม้แต่น้อย ที่มิต่างอะไรกับเปลวแดดกลางทะเลทราย ความหวังกลับมลายหายสิ้น เหลือแต่ความเหือดแห้งแข็งกระด้าง ยิ่งในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความคลาคลุ้งพร่าเลือน นั่นคือเป็นสิ่งประจักษ์ให้เห็นว่าสังคมปาตานีกำลังตกอยู่ท่ามกลางบรรยากาศของสงคราม ทั้งๆ ที่ทั่วทุกตารางนิ้วของพื้นที่เต็มไปด้วยกองกำลังทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เราถูกลากเข้าไปในคูหาเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเงียบเหงาที่ถูกกดทำร้าย และเราในฐานะประชาชน ที่ได้พยายามผ่านท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นับประสาอะไรที่เสียงของพวกเขาในรัฐสภาไม่มีใครรับฟังขายไม่ออกด้วยซ้ำ ไม่ทำให้มีคุณค่า สังคมตกอยู่ในสภาพปราศจากผู้ชี้นำ ผู้ที่บอบช้ำ ผู้ที่ปวดร้าว ผู้ที่ทุกข์ตรม ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกายหรือจิตใจ ก็ล้วนต่างคนต่างก็หาวิธีการด้วยตนเองในการเอาตัวรอด

ท่านผู้มีเกียรติ์ทั้งหลาย
วันเวลานั้นหมุนไปตามวิถีของมัน จากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง มีการสับเปลี่ยนระหว่างกัน แน่นอนอย่างยิ่งการปรับเปลี่ยนของวันเวลานั้น คงทำให้หลักการคิดและวิถีชีวิตของมนุษย์ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลง อะไรบ้างที่ควรเตรียมการ สำหรับคนรุ่นนี้ในการที่จะก้าวสู่วิสัยทัศน์แห่งปี2020 สันติภาพที่ปาตานี? การเตรียมความพร้อมนักการเมืองว่าแบบไหนที่เหมาะสมคู่ควรกับวิสัยทัศน์ของเราในอนาคต? ใครหรือที่จะรับผิดชอบตรงส่วนนี้?
เพราะว่าเมืองปาตานีเป็นที่รู้จักกันดีที่ถูกกล่าวขานเป็นระเบียง เมกกะฮฺ แน่นอนอย่างยิ่งสิ่งที่ควบคู่กันนั้นก็คือบรรดานักปราชญ์(อูลามาอฺ) ที่เป็นศูนย์รวมของสังคมนั่นเอง เพราะว่าบรรดานักปราชญ์คือผู้รับมรดกจากศาสดา พึงทราบด้วยว่าท่าน(อูลามาอฺ)คือผู้ที่สูงส่งของอิสลาม หากท่านปรารถนาความสูงส่งและการมีพลัง ก็จงต่อสู้เพื่ออิสลามเถิด คราใดที่เราได้เอยคำว่าอูลามาอฺจุดหมุดหมายของเราก็คือหมายถึงอิสลามนั่นเอง ที่เปรียบดังขมิ้นกับปูนและเล็บมือกับเนื้อหนังของมันที่แยกกันไม่ออก

โอ้บรรดาอูลามาอฺทั้งหลาย ท่านมิเคยเป็นผู้ที่น่ารังเกียจและถูกดูแคลน เพราะท่านนั้นมีความหาญกล้าในการกล่าวความจริงต่อหน้าผู้ปกครองที่อธรรม
……………………..
และบรรดาผู้ที่ได้ตั้งหลักแหล่งอยู่ที่นครมะดีนะฮ.(ชาวอันศอร)และพวกเขา ศรัทธาก่อนหน้าการอพยพของพวกเขา(ชาวมุฮาญิรีน)พวกเขารักใคร่ผู้ที่อพยพมายัง พวกเขาและจะไม่พบความต้องการหรือความอิจฉาอยู่ในทรวงอกของพวกเขาในสิ่งที่ ได้ถูกประทานให้และให้สิทธิผู้อื่นก่อนตัวของพวกเขาเองถึงแม้ว่าพวกเขายังมี ความต้องการอยู่มากก็ตามและผู้ใดปกป้องการตระหนี่ที่อยู่ในตัวของเขาชนเหล่า นั้นพวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จ (ซูเราะฮฺ อัล-หัชร์ อายะห์ที่ 9)

ท่านผู้มีเกียรติ์ทั้งหลาย
ข้าพเจ้าขอเรียกร้องไปยังบรรดาอุลามาอฺและปัญญาชนอีกครั้งหนึ่งว่า มิควรที่จะหมกมุ่นอยู่กับการเข้ามัสยิดโน้นออกมัสยิดนี้เพียงอย่างเดียว ในลักษณะที่ว่าหวานแต่ลมปาก ที่ไร้ซึ่งการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม บรรดาอูลามาอฺและปัญญาชนทั้งหลาย สมควรที่จะเอาตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วมกับสภาพการณ์ของสังคมตามภาระหน้าที่ ด้วยการเตรียมความพร้อมอย่างมีศักยภาพ เพราะว่าในสังคมรากหญ้านั้นโดยรวมแล้ว ต่างก็ได้ฝากความหวังไว้กับบรรดาอุลามาอฺและปัญญาชนทั้งหลาย

หากมองไปยังภาระหน้าที่ของบรรดาอูลามมาอฺและปัญญาชนนั้นก็มีความใหญ่หลวงเช่นกัน โดยความเป็นจริงและบริสุทธิ๋ใจแล้วนั้น พวกเขาต้องออกมาขับเคลื่อนด้วยจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความสำนึกใหม่ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงสังคมในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นในด้านการศึกษา ในด้านวัฒนธรรม ในด้านการเมือง และในด้านเศรษฐกิจ ทั้งหมดนี้ก็ล้วนเป็นความหวังอันสูงสุดของสังคม และทั้งหมดนั้นก็ตกอยู่บนบ่าของบรรดาอูลามาอฺและปัญญาชนทุกคน

ท่านผู้มีเกียรติ์ทุกท่าน
ย้อนดูความเปลี่ยนแปลงของโลกแล้วยิ่งเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ เมื่อปี 1914-1918 ก็ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่งขึ้น ก็ได้มีเสียงออกมาว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นในด้านสังคมและการเมือง จนกระทั่งได้ปะทุขึ้นอีกของสงครามโลกครั้งที่สองในปี 1939-1945 ประเทศอินโดนีเซียต้องเผชิญกับนักล่าอาณานิคมอย่างฮอลแลนด์ ในขณะที่มาลายาถูกยึดครองโดยอังกฤษ ทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถูกแบ่งแยกโดยชาติมหาอำนาจของโลกในยุคนั้น ในฐานะที่เป็นแหล่งแสวงหาผลประโยชน์ของพวกเขา ก่อนที่จะเกิดสงครามนั้นประเทศอินโดนีเซียถูกปกครองโดยฝรั่งเศส ประเทศฟิลิปปินส์ถูกปกครองโดยสเปนและอเมริกา และอื่นๆ เป็นต้น

ชาติที่มีความเข้มแข็งก็สามารถปกป้องตัวเองได้ อย่างอินโดนีเซียสามารถปลดปล่อยตัวเองจากฮอลแลนด์ มาลายาสามารถปลดปล่อยตัวเองจากอังกฤษ อินโดจีนก็สามารถปลดปล่อยตัวเองจากฝรั่งเศส ฟิลิปปินส์สามารถปลดปล่อยจากสเปนและสหรัฐอเมริกาตามลำดับ
ท่านผู้มีเกียรติ์ทุกท่าน

สำหรับชาติที่อ่อนแอไม่ใช่ว่าที่เอเชียอย่างเดียวเท่านั้น แม้กระทั่งที่อัฟริกาเองก็ต้องตกอยู่ภายใต้อาณัติของคนอื่นเช่นกันอย่างแน่นอน นั่นคือการขึ้นลงของสภาพการณ์ของแต่ละประเทศและอำนาจบนผืนพิภพของพระผู้เป็นเจ้าแห่งนี้ ผมเรียกร้องไปยังผู้ที่มีความสำนึกว่า ชีวิตนี้คือการเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลง บนรากฐานนั้นเราจะอยู่ได้อย่างเข้มแข็งได้อย่างไร เพื่อก้าวสู่วิสัยทัศน์และแนวคิดแห่ง 2020 นั้น เราจักต้องทำการเตรียมพร้อมไว้อย่างดี

เราจะเล่าเรื่องราวของพวกเขาแก่เจ้าตามความเป็นจริง แท้จริงพวกเขาเป็นชายหนุ่มที่ศรัทธาต่อพระเจ้าของพวกเขา และเราได้เพิ่มแนวทางที่ถูกต้องให้แก่พวกเขา (ซูเราะห์ อัลกะฮ์ฟี อายะฮ์ที่ 13)

ในด้านเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร?
ได้เป็นที่ประจักษ์ให้เห็นแล้วว่า สาเหตุของการเกิดความขัดแย้ง เกิดข้อพิพาท เกิดการต่อสู้ เกิดสงครามระหว่างพวก ระหว่างชนพื้นเมือง ระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ ตลอดจนระหว่างประเทศ ทั้งหมดนั้นก็มีปัจจัยส่วนใหญ่ก็มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยด้วยกันคือ
1. เพราะมีความกระหายที่จะเข้ามาจัดการกับแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ
2. เพราะตำแหน่งและอำนาจหรืออีกนิยามหนึ่งก็คือความบ้าอำนาจ นี่เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ปรารถนาจะเข้ามาจัดการและเพื่อผลประโยชน์
3. เพราะสตรีคือสาเหตุหลักที่ทำให้หัวใจของมนุษย์เกิดการหลงใหลหลงลืม ความเสนห่า ความสวยงามของนาง อาจทำให้เกิดอาการหลงใหลพร้อมกันนั้นสามารถเปลี่ยนความคิดของผู้นำได้ สังคมสามารถเรียนรู้ได้จากประวัติศาสตร์ระหว่างกอบิลและฮาบิลที่มิได้มีสาเหตุมาจากผู้หญิงดอกหรือ?
เพื่อเป็นแนวทางที่ก้าวหน้าในการสร้างสันติภาพที่หายไปให้หวนกลับคืนมาสู่ดินแดนปาตานีอีกครั้ง เพื่อให้เหมาะสมกับวิสัยทัศน์แห่งปี 2020 เราต้องพัฒนาบุคลากรของสังคมเราทั่วทั้งมวล ด้วยการก่อตั้งหน่วยงานในชุมชนบ้านเรา ทุกๆ หน่วยงานต้องสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นให้เหมาะสมกับแต่ละชุมชนนั้นๆ ที่สามารถสร้างบรรยากาศในการทำธุรกิจแบบพึ่งพาตนเอง และสา

มารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการสร้างช่องทางระหว่างกัน
หากว่าผลิตภัณฑ์ชุมชนนี้สามารถเกิดขึ้นได้จริงและสามารถยังประโยชน์ให้กับผู้คนในสังคมของเราได้ เมื่อนั้นสัญญาณแห่งความสงบสุข ความร่มเย็น และความสันติสุขก็จะบังเกิดขึ้นที่แผ่นดินแห่งนี้ อะไรคือสิ่งที่เราคาดหวังว่าสันติภาพที่ปาตานีจะเป็นเป้าหมายแสงสว่างอันสูงสุดในห้วงปี 2020
ตามด้วยในด้านการศึกษาและวัฒนธรรม

ไม่มีใครที่ปฏิเสธว่าการศึกษานั้นถือเป็นกุญแจสำคัญและเป็นขั้นแรกในการที่จะเขียนเพ่งมองจักรวาลแห่งนี้ในแง่ดีและร้าย เมื่ออดีตนั้นเราเคยอิสระ เราสามารถแสดงออกขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมของเราได้อย่างมีอิสระ ผ่านการศึกษาและการเรียนการสอน สามารถให้ความสะดวกหรือสิ่งอำนวยความสะดวกและมอบความอิสระให้กับเด็กๆ อันเป็นความหวังของสังคมเรา ที่เหมาะสมกับอัตลักษณ์ของเรา ประเทศของเราเคยมีความเจริญรุ่งเรืองในช่วงอดีตที่ผ่านมา ที่สามารถพัฒนาความเจริญก้าวหน้าในด้านต่างๆ ได้ โดยเฉพาะในด้านการป้องกันและการรักษาความมั่นคง รวมทั้งในด้านการศึกษาที่ได้สร้างนักปราชญ์(อูลามาอฺ)มานับมิถ้วน ที่เป็นที่รู้จักกันดีของหมู่มิตรและศัตรู อูลามาอฺของเรามีอยู่อย่างกระจัดกระจายทั่วทั้งเอเชียและอัฟริกา บ้านเรานั้นเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเป็นระเบียงมักกะฮ์

ความเป็นเลิศความเจริญก้าวหน้าที่สังคมได้เคยลิ้มรสก็พลาญสลายไป อันเนื่องมาจากการที่ถูกครอบงำโดยระบอบหนึ่ง จนกระทั่งรูปแบบทั้งหมดที่เคยมีอยู่ในแผ่นดินแห่งนี้ก็ต้องสลายไปในที่สุด สิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของมนุษย์ถูกละเมิด จนเกิดการแสวงหาผลประโยชน์ในทุกรูปแบบจากผู้ที่อ่อนแอกว่า
……..
ซึ่งความว่า: ทำไมคุณถึงสร้างความเป็นทาสให้กับมนุษย์!!!!!? เพราะโดยแท้จริงแล้วพวกเขาเกิดมาจากท้องแม่ในสภาพที่มีความอิสระแห่งเสรีภาพ (ซัยดีนาอูมัร อัลคอฏอบ)

ระบบการศึกษาถูกปรับเปลี่ยนจากระบบการศึกษาแบบเดิมและวัฒนธรรมของสังคมมลายูมุสลิมในพื้นที่แห่งนี้ และความสะดวกสบายรวมถึงเสรีภาพก็ถูกจำกัดลงและควบคุม โดยการเปลี่ยนไปสู่ระบบการศึกษาแบบวัฒนธรรมของสังคมแบบไทยมุสลิม ในรูปแบบการเรียนการสอนแบบเสรีนิยมและแนวคิดการปฏิเสธความเชื่อในพระเจ้า สังคมมลายูที่สามารถอ่านออกเขียนภาษามลายูตัวเขียนยาวีได้ ก็ค่อยๆ ลดน้อยริบหรี่ลง เฉกเช่นดวงอาทิตย์ในยามพลบค่ำ

ในช่วงท้ายชีวิตของผู้คนในสังคม ก็ยังถูกกล่าวหาว่า คนมลายูไม่ชอบอ่านและเขียนหนังสือโดยผู้ที่ต้องการดูถูกคนมลายู เพราะโดยความเป็นจริงแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นการเตรียมการและวางแผนโดยผู้ที่มีความประสงค์ร้ายต่อสังคมมลายูมาเป็นอย่างดี นี่คือเป็นการบ่อนทำลายในอีกรูปแบบหนึ่ง

ท่านแขกผู้มีเกียรติ์ทีเคารพ
ข้าพเจ้าขอเรียกร้องไปยังพ่อแม่พี่น้องและหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ทั้งหลาย ให้เรานั้นจงลุกขึ้นมา ให้เรานั้นปกป้อง ให้เรานั้นจงสร้างระบบการศึกษาและการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมและตามวัฒนธรรมและของสังคมมลายูมุสลิมในพื้นที่แห่งนี้ และจงหลีกห่างจากระบบการศึกษาที่มีลักษณะเสรีนิยมและปฏิเสธความเชื่อในพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งในคำพูด มีความเป็นหนึ่งในทุกๆ การงาน มีความเป็นหนึ่งในด้านการปฏิบัติ เราต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต เราต้องปฏิรูปวิธีคิด เราอย่าได้เป็นดั่งประโยคที่ว่า Bagai merungkup ditepi gantang,yang datang tak bertambah,yang pergi tak berkurang (เหมือนดั่งซบนิ่งอยู่ใกล้ตะกร้า อันที่มามิเพิ่มจำนวน อันที่จากไปก็มิน้อยเช่นกัน) เราจงกลับไปยังคำสอนของพระองค์ในซูเราะห์ อัลอะลัก อายะห์ที่ 1-4
ความว่า จงอ่านด้วยพระนามแห่งพระเจ้าของเจ้าผู้ทรงบังเกิด ทรงบังเกิดมนุษย์จากก้อนเลือด จงอ่านเถิด และพระเจ้าของเจ้านั้นผู้ทรงใจบุญยิ่ง ผู้ทรงสอนการใช้ปากกา

ท่านแขกผู้มีเกียรติ์ทีเคารพ จงจำไว้เถิดว่า !!!!!!!
คนรุ่นก่อนนั้นสายตาพร่ามัวและเริ่มไม่ชัดเจนแล้ว แต่พวกเขายังคงมีความหวังที่ดี เป็นเพราะยังมีที่ดินให้เราได้ยืนอยู่ จงจำไว้ว่าทุกการงานที่ท่านต้องการทำ ท่านควรผ่านวิธีการ ไม่ควรรีบร้อน ต้องเป็นไปตามขั้นบันได เพราะนั่นเสมือนเป็นกองทัพหนึ่งสำหรับหน้าประวัติศาสตร์หนึ่ง ท่านญามาลุดดีน อัลอัฟฆอนีย์ได้กล่าวไว้ว่า
จะไม่สามารถรวมเป็นหนึ่งสำหรับกลุ่มชนที่ปราศจากลิ้น
จะไม่มีลิ้นสำหรับกลุ่มชนที่ปราศจากวรรณกรรม
จะไม่มีเกียรติ์สำหรับกลุ่มชนที่ปราศจากประวัติศาสตร์
จะไม่มีประวัติศาสตร์สำหรับกลุ่มชนที่ปราศจากซึ่งนักเขียนที่สละเขียนและบันทึก
วีรกรรมของวีรบุรุษของพวกเขาเอง
จนได้เป็นแบบอย่างสำหรับชนรุ่นหลังได้

ขอบคุณขอความสันติจงมีแด่ท่าน
มอ.ปัตตานี 01 มีนาคม 2014