Skip to main content

 

           

ในห้วงแห่งเวลาของการว่าด้วย "รอมฎอนสันติ" มาถึงห้วงแห่งเวลา "เข้าพรรษา" มีเหตุการณ์ให้ต้องระทึกขวัญกันบ่อยๆ   ยิงปืนเพื่อฆ่า เข้าไปในมัสยิด  ยิงปืนเพื่อฆ่า นักศึกษาวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร (ใครๆ ก็บอกว่าเป็น นักศึกษาพยาบาล)  ในเชิงสถิติการก่อเหตุอาจจะลด แต่อนาคตยังคงต้องตายกันอีกต่อไป

ในแต่ละศพ ในแต่ละการตาย ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องมุสลิม หรือพี่น้องไทยพุทธ มันเต็มไปด้วยความสูญเสีย  มันเต็มไปด้วยน้ำตา ความอัดอั้นที่ไม่สามารถจะพูดได้  มันเกิดมานานเกินไป จนกลายเป็นความเคยชินในการไปร่วมพิธีศพ 

ดูเหมือนการเดินหาแสงสว่างที่อยู่ปลายอุโมงค์  ยังอยู่อีกไกล  แต่เราก็ต้องเพียรพยายามที่จะต้องเดินต่อไป

แต่สิ่งที่คงต้องแปลกใจไม่ใช้น้อย คือการรวมตัวขององค์กรภาคประชาสังคมที่พอจะร่วมกันทำอะไรบางสิ่งบางอย่างในเรื่องเหล่านี้ น้อยมากจนมองไม่เห็นความร่วมมือ  มันแตกต่างกับการร่วมกันทำโครงการโดยสิ้นเชิง  การออกแถลงการณ์ จะเห็นมีกันเพียงไม่กี่กลุ่มไม่กี่องค์กร  แทบจะบอกได้ว่า ศพที่นอนอยู่ หรือแม้แต่ร่องรอยของการยิงในมัสยิด มันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ ฉันทำอยู่  เมื่อไหร่ จะมีการรวมตัวกันทุกๆ องค์กร เพื่อออกมาส่งเสียงบอกถึงการกระทำของ "มือที่เรามองไม่เห็น"  (เพราะเราไม่รู้ว่าใครทำ นอกจากเจ้าหน้าที่บอก)

ว่าด้วย สภาประชาสังคมชายแดนใต้

อีก ๑ องค์กร ที่จะไม่กล่าวถึง คงไม่ได้ คือ สภาประชาสังคมชายแดนใต้  บทบาทของการเป็นศูนย์รวมกลุ่มองค์กรต่างๆ ในภาคประชาสังคม เริ่มเป็นที่กล่าวขวัญถึงของกลุ่มเล็กๆ ในหลายๆ ประเด็น โดยเฉพาะในเรื่อง "เมื่อไหร่พี่ใหญ่จะตื่น"  

ไม่ว่าจะเป็นการออกแถลงการณ์ต่างๆ เราก็เห็นแต่องค์กรภาคประชาสังคม ที่ออกแถลงการณ์ เรื่องเล็ก เรื่องใหญ่  พี่ใหญ่ของเรา "ยืนหลับท่าเดียว" คิดว่า หลายๆ องค์กร คงต้องการท่าทีของ พี่ใหญ่ ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นกว่านี้  ขยับตัวให้เยอะขึ้น เป็นที่พึ่งสุดท้ายของ พวกเรา นะครับ

เหตุผลที่จะต้องกล่าวถึง  มีเพียงสั้นๆ ง่ายๆ คือ ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดๆ ก็ตามที่ พี่ใหญ่ขององค์กร หรือ สภาประชาสังคมชายแดนใต้ มักจะยืนนิ่งๆ เปรียบได้เหมือนกับคนหลับ ก็ไม่ปาน ไม่ส่งเสียง ไม่ทำอะไร  หลายๆ องค์กรในภาคประชาสังคม คงได้แต่เฝ้าหวังว่า ซักวันหนึง พี่ใหญ่ที่ยืนหลับ จะลืมตามองน้องๆ แล้วเริ่มขยับตัวในการแสดงออกแทนน้องๆ บ้าง ก็เท่านั้นเอง

เพียงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ จากเสียงผู้ชาย ปลายด้ามขวาน  เพียงเพราะ "ที่นี่  มีคนตาย"