เรื่องราวเรื่องเล่าความทรงจำปากน้ำสายบุรีความรุ่งเรืองที่หายไป
เมื่อสองวันที่พามาทีมงานsaiburi looker ได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลเรื่องราวความทรงจำสายบุรี โดยในครั้งนี้แหล่งขอมูลของเราเป็น “อากง”วัย85ปี มีชื่อว่า ฮกตอง แซ่อ๋อง หรือ นายดำรง จินดารัตน์ มีเชื้อสายจีน ฮกเกี้ยนและ อากงเป็นคนสายบุรีโดยกำเนิด ตั้งแต่วัยเยาว์จวบจนปัจจุบันวัย85ปีใช้ชีวิตอยู่ที่นี้มาตลอด คงสามารถถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับสายบุรี การเปลี่ยนแปลงของเมืองนี้จากอดีตจนปัจจุบันได้ดีทีเดียว พอเราได้แนะนำและพูดคุยเรื่องต่างๆได้สักพัก เราเลยชงคำถามเปิดเรื่องโดยเราได้ตั้งคำถาม อากงว่าสมัยก่อนทำงานอะไรเพียงเท่านั้น กล่องความทรงจำของอากงก็เปิดให้เราได้รับรู้รับฟังพร้อมมโนภาพได้ทันที อากงได้เริ่มต้นด้วยการเล่าถึงบรรยากาศการค้าขายตรงบริเวณปากน้ำ สายบุรีให้เราฟัง ”ตอนผมอายุ21ผมทำงานอยู่ที่ปากน้ำรับจ้างทำทุกอย่างได้ค่าจ้าง7บาทต่อเดือน แถวย่านนั้นบรรยากาศสมั้ยนั้นคึกคัก แต่ก่อนเจริญมากมีท่าเรือ ด่านภาษี มีด่านตรวจคนเข้าเมือง เพราะสายบุรีเป็นแหล่งรับซื้อสินค้าและกระจายสินค้าที่จะส่งต่อไปสิงคโปร์มาเลเซีย ไปกรุงเทพ สินค้าขึ้นชื่อของที่นี่สมัยนั้นก็พวกปลาแห้ง ปลาเค็ม มะพร้าวแห้ง กระปิ สินค้าพวกนี้มีเยอะมาก(เสียงสูง) พอถึงฤดูกระปิน่ะ!!ชาวบ้านก็จะทำกะปิ กองกันหน้าบ้านเป็นภูเขาเลย ทำมะพร้าวตากแห้งก็เยอะ ปลาแห้งปลาเค็มก็จะส่งไปสิงคโปร์ มะพร้าวแห้ง กะปิส่งไปกรุงเทพ ขาล่องลงมาก็จะขนพวกข้าวสารจากกรุงเทพเกลือก็จากบ้านแหลมกลับมาขายต่อพวกเรือจากตรังกานู ที่เข้ามารอรับซื้อที่สายบุรี
สมัยนั้นน่ะตรงปากอ่าวมีเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่จอดเต็มไปหมดมีทั้งเรือของคนที่นี่เรือของรัฐบาลเรือต่างชาติ และเรือที่เป็นที่รู้จักของคนสมัยนั้นเด่นๆจะมีอยู่สามลำมี เรือสายบุรี เรือนราธิวาส เรือภานุรังศรี เป็นเรือของรัฐ เรือสามลำนี้จะรับสินค้าจากกรุงเทพ แวะสายบุรีต่อไปสิงคโปร แล้วมีเรือขนสินค้าขนาดเล็กของชาวบ้านที่ขนของได้ประมาณ1000กิโล เรียกว่าเรือ พก รับจ้างขนสินค้าจากแพเพื่อไปส่งขึ้นเรือลำใหญ่ที่ทอดสมอตรงที่มีน้ำลึก ที่สายบุรีสินค้ามาจากหลายๆทีพวกเรือเล็กเนี่ยแหละก็จะเข้าไปรับสินค้าจากท่าหรือแพของเฒ่าแก่ที่รับซื้อรับส่งสินค้า ถ้าฝั่งทางบาเจาะต้นไทรเขาก็จะขนสินค้ากับเกวียนควายพามาส่งทีแพที่รับซื้อสินค้าตรงบ้านกอตอ บรรยากาศสมัยนั้นมันคึกคักมากคนนอกก็แห่เข้าทำกินในสายบุรี ต่างจากปัจจุบันหลายอย่างเปลี่ยนไปมาก”
และหนังจากที่ได้นั่งฟังจนเพลินเราเห็นสีหน้าของอากง ดูมีความสุขอิ่มเอมที่ได้เล่าเรื่องราวในความทรงจำของเขาความสำคัญในอดีตของพื้นที่แห่งนี้ แต่ในเวลาเดียวกันเราเองก็เกิดการตั้งคำถามขึ้นมาเท่าที่ฟังมา สายบุรีในสมัยก่อนกับปัจจุบันมันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน อะไรที่จุดเปลี่ยนของสายบุรี จากเมืองท่าที่สำคัญกลับหลงเหลือเพียงร่องรอยของความรุ่งเรือง เราก็เลยชงไปอีกคำถามนึงว่าทำไม่ถึงสายบุรีได้เปลี่ยนไป อากงเล่าว่า”หลังจากมีการสร้างทางรถไฟเกิดขึ้นการค้าขายการขนส่งทางเรือก็ซบเซาลงคนหันมาใช้ขนส่งทางรถไฟมากขึ้น ความเจริญการค้าขายก็ไปเกิดตรงเขตที่ทางรถไฟตัดผ่าน พวกแพรับซื้อรับส่งสินค้า ตรงปากน้ำสายบุรีก็ปิดตัวลง บางส่วนก็ย้ายที่ทำมาหากิน บ้างก็เปลี่ยนมาทำอาชีพประมง บ้างก็เปิดร้านโชห่วย ลองไปถามได้เลยร้านโชห่วยของคนจีนที่เปิดอยู่ตอนเนี่ยส่วนใหญ่ก็เป็นลูกหลานเฒ่าแกแพรับซื้อสินค้าทั้งนั้นแหละ” นี้ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากที่เราได้ไปสัมภาษณ์อากง เก็บเกี่ยวเรื่องราวความทรงจำที่ใกล้จะเลื่อนหายเขียนเป็นบนความ เพื่อให้ท่านที่อ่านได้อ่านและรับรู้เรื่องราวเหล่านี้ ยังมีเรื่องอีกเยอะที่อากงเล่าให้ฟังถ้ายังงัยรอติดตามตอนที่สองน่ะครับ SABURILOOKER