ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ (DSW)
แท้จริงแล้ว ชีวิตคนเรานั้นเป็นของพระผู้เป็นเจ้า และเราทุกคนจะต้องกลับไปหาพระองค์ไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ง บ่ายวันนี้ ข่าวสารจากแดนไกลทำให้เราตระหนักว่าบุคคลสำคัญที่มีส่วนในการแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งด้วยวิธีการอันสันติคนหนึ่งได้ออกเดินทางกลับคืนสู่พระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่มีวันกลับ ‘อาเยาะห์มะ’ สำหรับบางคนหรือ ‘แบมะ’ ที่หลายคนเรียกขานในที่นี้คือชายที่ชื่อ ‘อัฮหมัด สมบูรณ์ บัวหลวง’ ชายที่มีชื่อแปลกหู ซึ่งสะท้อนการต่อสู้ต่อรองที่ดำเนินมาตลอดชีวิตของเขา
พระผู้เป็นเจ้าทรงเมตตายิ่งนักที่ให้เขาได้เดินทางจากไปในระหว่างที่กำลังทำงานที่เขารัก
อัฮหมัด สมบูรณ์ เคยกล่าวไว้ในหลายที่ต่างกรรมต่างวาระว่าเขาเป็นคนชอบเดินทาง เดินทางแต่ละครั้งก็ไกลๆ นานๆ และบ่อยครั้งก็เป็นการเดินทางข้ามผ่านบทสนทนาที่ถกเถียงแลกเปลี่ยนกับผู้คนจำนวนมากถึงทางออกจากความขัดแย้งที่ใช้กำลังความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนใต้ หรือ ‘ปาตานี’ แห่งนี้ เขายังใช้เวลาหลายปีที่ผ่านมาเดินทางลงสนามในชายแดนใต้เพื่อเก็บเกี่ยวเรื่องราวของผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ อัฮหมัด สมบูรณ์ เป็นผู้บันทึกและเขียนเรื่องราวเหล่านั้นอยู่บ่อยครั้ง กระทั่งถึงปัจจุบัน
นี่คืองานสร้างสันติภาพของชายคนนี้ ซึ่งตระหนักตนเองดีว่าเป็น ‘คนมลายู’ ที่ต้องการสังคมที่ผู้คนใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข มีเกียรติศักดิ์ศรี และสัมผัสได้ถึงความเป็นธรรม อาเยาะห์มะในความทรงจำของหลายคนจึงเป็นคนที่เปิดกว้าง พร้อมรับฟัง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างใจเย็นและด้วยท่าทีซึ่งเข้าอกเข้าใจ แบมะของบางคนยังเป็น ‘ผู้เชื่อมต่อ’ สานความสัมพันธ์และทำให้การสนทนาที่หลายคนคิดว่ายากจะเกิดขึ้นนั้น เป็นไปได้
งานที่ลงแรงหลายสิบปีได้ก่อผลอยู่บ้างแล้วในปัจจุบัน การกลับไปสู่ความเมตตาของเขาครั้งนี้ย้ำเตือนให้เห็นความเพียรพยายามและความอดทนเฝ้ารอ บางทีนี่อาจเป็นมรดกที่ อัฮหมัด สมบูรณ์ ได้ทิ้งไว้ให้สำหรับคนรุ่นหลัง นั่นคือการคิดถึงทางเลือกของการต่อสู้ต่อรองและการให้โอกาสกับวิธีการที่ไม่ใช้ความรุนแรงอย่างถึงที่สุด ดังที่ตัวเขาเองไดยืนยันสิ่งนี้ตลอดมา จวบจนลมหายใจสุดท้ายในโลกนี้