เพียงแค่กระดาษเปื้อนหมึกที่เต็มไปด้วยข้อกล่าวหาอคติ ใส่ร้ายป้ายสี ไร้สาระเหตุผล นำสู่ความแตกแยกในสังคม
บุรฮาน อุเซ็ง
ขณะที่สังคมไทยกำลังมีความแตกแยกอย่างรุนแรงแล้ว ด้วยการแบ่งแยกประชาชนด้วยสีต่างๆ สีแดง สีเหลือง สีน้ำเงิน สีเขียว มีการใช้กฎหมายปกครองหลายมาตรฐาน ประชาชนมีความสับสน การแบ่งพรรคแบ่งพวก ไม่เว้นแม้แต่ในครัวเรือน สามีไปทาง ภรรยาไปอีกทาง ลูกๆ ไม่รู้ว่าจะเข้าไปทางไหน ขณะที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ได้มีความพยายามที่จะทำให้เกิดความแตกแยกด้วยการนำศาสนา ภาษา วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ อัตลักษณ์ ขนบธรรมเนียมประเพณี เป็นเป็นเครื่องมือข้ออ้างเป็นเครื่องแบ่งแยกที่จำนำสู่เงื่อนไขของการแบ่งแยกบูรณภาพแห่งดินแดน
หนังสือพ๊อกเก็ตบุกค์ ชื่อ “ตาลาติ๊ตำปง Talatitampong” ซึ่งผู้เขียนใช้นาม “พิชัยยุทธ์ สยามพันธกิจ” จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ สยามมิส พับลิชชิ่ง เฮาส์ E - mail :[email protected] จัดจำหน่ายทั่วประเทศโดยบริษัท เคล็ดไทย จำกัด พิมพ์ครั้งแรกไม่ทราบจำนวน เมื่อธันวาคม 2552 Isbn... 978 -616-90325-1-9 จำหน่ายเล่มละ 165.บาทผู้เขียนซื้อที่ ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เริ่มตั้งแต่ชื่อหนังสือ ตาลาติ๊ตำปง ซึ่งผู้เขียนหนังสือนี้ให้ความหมายแปลว่า กลยุทธ์แห่งการแทรกซึม ซึ่งเป็นเรื่องที่ตลกที่สุด อาจเป็นเพราะไม่รู้จะสรรหาคำ มาให้สมเหตุผลข้ออ้างที่จะกล่าวหาใส่ร้าย และให้ความหมาย คำแปล ในข้อเท็จจริง คำว่า ตาลาติ๊ตำปง เป็นบทสร้อยการละเล่น ของเด็กๆ มลายูมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในการเล่น และในการจับฉลาก หรือเสี่ยงทาย หรือการเลือกลำดับ เช่น “เปาหยิงชุบ” โดยพร้อมกันกล่าวว่า ตา- ลา-ติ๊-ตำ-ปง -วัน-ตู-ซม จึงไม่มีความหมายและคำแปลใดๆ
ผู้เขียนโปรยประโยคบนปกหนังสือ “บทวิเคราะห์ถึงนโยบายลับขององค์การอิสลามโลกที่ต้องการจะแทรกแซงและครอบงำภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย”
“กลยุทธ์อันชั่วร้ายที่พลเมืองไทยทุกคนจะต้องรู้ให้เท่าทัน ซึ่งมันได้เกิดขึ้นแล้ว”
ข้อความเขียนตอกย้ำในโบว์สีแดงบนปกด้วยข้อความ “นโยบายลับชององค์กรอิสลามโลกที่มีต่อประเทศไทย”
นับเป็นข้อความที่ปลุกระดมสร้างความฮึกเฮิมเกลียดชังต่ออิสลามโดยเสริมในคำนำจากสำนักพิมพ์อ้างเหตุผลเพื่อตามหาคำตอบสุดท้ายของแผนการลับ ตาลาติ๊ตำปง ขององค์กรอิสลามโลก เพื่อเตือนคนไทยผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตามสูตรให้เกิดความตื่นตัวและไม่ประมาทต่อศัตรูที่นับวันจะรุกรานเข้ามาสู่สังคมไทยในหลากหลายรูปแบบ
ข้อกล่าวหาใส่ร้ายต่อศาสนาอิสลามและมุสลิมที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความคิดกดขี่ทางศาสนาและมีอคติสร้างความเกลียดชังด้วยข้อความ “ปัญหาด้านวิกฤตเศรษฐกิจ สงครามรูปแบบต่างๆ การรุกรานทางศาสนา หรือความเชื่อ การก่อการร้ายด้วยวิธีการอันป่าเถื่อน ฯลฯ เราก็จะพบความจริงเชิงประจักษ์ว่าในปัญหาหลักๆหลายปัญหามักจะมีชาวมุสลิม หรือกลุ่มคนที่นับถือศาสนาอิสลามเข้าไปเกี่ยวข้องและเป็นตัวปัญหาด้วยเสมอ และยกอ้างกล่าวหาว่ากลุ่มแขกมักกะสันที่อพยพมาจากซุลาเวซี เคยสร้างปัญหาในยุคสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช”
ข้อความในบทนำที่กล่าวว่า “การนำแผนการลับ ตาลาติ๊ตำปง โดยมหาเธ มุฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียโดยความร่วมมืออย่างเป็นกระบวนการทั้งจากองค์กรอิสลามโลก นักธุรกิจจากตะวันออกกลาง องค์กรอิสลามในประเทศไทย นักวิชาการที่นับถือศาสนาอิสลาม,ส.ส. – ส.ว.- นักการเมืองทุกระดับชั้นที่เป็นมุสลิม ซึ่งไม่มีจิตสำนึกในความเป็นคนไทย แต่มีสันดานชั่วคิดจะก่อกบฏ เหมือนกับพวกแขกมักกะสัน” เป็นข้อกล้าวหาตีคลุมชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามทุกสาขาวิชา ทุกแขนงอาชีพ ร่วมสร้างชาติสร้างเมือง มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศชาติอันเป็นที่รักยิ่งเป็นผู้ไม่ซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติทุกคน จึงไม่เข้าใจในเจตนาที่แอบแฝงในจิตใจอันชั่วร้ายของผู้ใช้นามพิชัยยุทธ์ สยามพันธกิจที่แท้จริง
ส่วนรายละเอียดตั้งแต่ในบทที่ 1 จนถึงบทที่ 25 เป็นหัวข้อของแผนการ หรือกลยุทธ์ต่างๆ ที่อ้างว่าเป็นแผนการที่ผู้เขียนจินตนาการขึ้นมาโดยที่อาจกล่าวได้ว่าไม่เพียงแต่ไม่สอดคล้องความเป็นจริง ไม่สมเหตุสมผล ซ้ำยังขัดแย้งจากหลักการคำสอนของศาสนาอิสลามที่บริสุทธ์ อันเป็นการส่อให้เห็นว่าผู้เขียนนอกจากเป็นผู้ที่มีอคติเป็นผู้ที่เขียนหนังสือด้วยความลำเอียง นึกเอง คิดเองละเมอด้วยความโง่เขลา เบาปัญญาเป็นมีอคติผู้ที่มีต่อชาวไทยนับถือศาสนาอิสลามทั้งประเทศ และทั่วโลก จึงขอยกสาระย่อในแผนการลับตาลาติ๊ตำปง ดังนี้
บทที่ 1.แผนการยุยงส่งเสริมให้เกิดความแตกแยกขึ้นในสังคมไทย .. กลุ่มองค์กรอิสลามโลก (ไม่ทราบว่าชื่อองค์กรอะไร) (ประเทศในตะวันออกกลาง +มาเลเซีย +อินโดนีเซีย +บรูไน ฯลฯ)คิดกลยุทธ์ที่จะเข้ามายึดครอง หรือครอบงำประเทศไทยตามแผนตาลาติ๊ตำปง กำหนดแผนส่งเสริมให้สังคมไทยเกิดความแตกแยกกันในทุกวิ๔ทางทั้งในทางตรงและในทางอ้อม (หน้า 23.) โดยให้พิจารณาเหตุการณ์ที่เหตุใดดูไบซึ่งเป็นเมืองอิสลามจึงยินยอมให้ พ.ต.ท.ทักษิณสามารถดำรงชีวิตอยู่และทำธุรกิจต่างๆได้อย่างสุขสบาย และเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ผู้เขียนเสนอหนทางแก้ไขด้วยการ “หันมาตั้งสติและตรึกตรองอย่างมีเหตุผล”
บทที่ 2.การนำเด็กชาวไทยที่ยากจนไปศึกษาต่อยังมาเลเซียหรือตะวันออกกลาง นำไปปลูกฝังความเกลียดชังรัฐบาลไทยที่ต่างประเทศ(ตะวันออกกลางหรือมาเลเซีย)รวมทั้งการก่อการร้ายโดยอ้างว่าไปเรียนศาสนาเป็นการบังหน้า
หนทางแก้ไข รัฐบาลต้องให้ความสำคัญต่อกระบวนการศึกษาของชาติมากขึ้น พ่อแม่ผู้ปกครองต้องรู้ให้เท่าทันแผนการอันชั่วร้าย
บทที่ 3 การให้ชาวมุสลิมที่ภาพพจน์ดีแทรกซึมเข้าไปหรือมีบทบาทในสถาบันหลักของไทย แผนการลับตาลาติ๊ตำปง เจาะจงเพื่อส่งคนชาวมุสลิมให้แทรกซึม หรือมีบทบาทในทั้ง 3 สถาบันหลัก เพื่อจะได้รู้ข้อมูลเชิงลึก ,จุกแข็ง,จุดอ่อน ปัญหาต่างๆแล้วค่อยๆหาทางครอบงำ หรือทำลายลงในอนาคตเมื่อมีโอกาส
หนทางแก้ไข รัฐบาล หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องติดตามปัญหาและหาทางป้องกันอย่างใกล้ชิด
บทที่ 4 การต่อต้านหรือขัดขวางไมให้ชาวมุสลิม.ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้เข้ามาศึกษาในระบบของรัฐบาลไทย หากประชาชนมุสลิมมีความรู้มากขึ้น โอกาสที่โจรแบ่งแยกดินแดนจะไปหลอกลวงหรือครอบงำก็จะเป็นเรื่องยาก จึงมีการเผาโรงเรียน ข่มขู่ ฆ่าอาจารย์โจมตีหลักสูตร
หนทางแก้ไข รัฐบาล เจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปช่วยดูแลเอาใจใส่การพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ ความปลอดภัย ตรวจสอบเงินทุน หรือเงินบริจาคที่มาจากตะวันออกกลาง
บทที่ 5 เพิ่มประชากรมุสลิมในทุกๆวิถีทางเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรอง ด้วยการตั้งองค์กรกุศลช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ส่งเสริมมุสลิมให้แต่งงานช่วยชาวต่างด้าวมุสลิม อพยพเข้าประเทศ
หนทางแก้ไข ให้ชาวพุทธศึกษาธรรมะอย่างถ่องแท้ เข้มงวดต่างด้าว การพิจารณาต่างด้าวเปลี่ยนสัญชาติ, ส่งเสริมชาวพุทธแต่งงานและรณรงค์ให้มีลูกกันมากขึ้น
บทที่ 6 ครอบงำระบบเศรษฐกิจของสังคมไทย ตาลาติ๊ตำปง ใช้กำลังทางเศรษฐกิจและการเงินเพื่อให้เข้ามาครอบงำประเทศไทยและอาเซียนในหลากหลายรูปแบบ ให้กองทุนเข้ามากว้านซื้อธุรกิจ กว้านซื้อที่ดิน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ตธุรกิจอื่นๆในตลาดหลักทรัพย์ ธุรกิจผลิตอาหาร
ธุรกิจต่างๆ ที่ถูกกล่าวหาว่าถูกครอบงำไม่มีตัวเลขทางสถิติแสดงสนับสนุนข้อกล่าวหาใด
หนทางแก้ไข คนไทยผู้รักชาติทั้งหลายต้องตระหนักในทุกลมหายใจเข้าออกว่า แผ่นดินของประเทศนี้ในทุกตารางนิ้วล้วนถูกแลกมาด้วยเลือดและเนื้อของบรรพบุรุษของเรา....
บทที่ 7 สนับสนุนให้ชาวมุสลิมให้เข้ามาอยู่ในเขตกรุงเทพ ฯมากขึ้น การเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯเพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า แผนตาลาติ๊ตำปง หวังให้ชาวมุสลิมพัฒนาศักยภาพด้านต่างๆสูงขึ้น แล้วแทรกซึมเข้าไปในทุกสาขาอาชีพ ย่อมจะสามารถยึดครอง หรืออิทธิพลต่อประเทศไทย
หนทางแก้ไข ชาวไทยพุทธทุกคนต้องเป็นหูเป็นตาให้แก่สังคม เห็นคนต่างด้าว อพยพเข้ามาอยู่ในเขตกรุงเทพฯให้แจ้งเบาะแสแก่ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐ รัฐควรตรวจสอบ ตั้งคณะกรรมการหรือหน่วยเฉพาะ เป็นต้น
บทที่ 8 ให้นายทุนชาวมาเลเซียเข้ามาครอบงำระบบหวยเถื่อนของไทย ธุรกิจหวยเถื่อนที่มีมูลค่ามหาศาล องค์กรอิสลามเห็นมูลค่ามหาศาล สามารถกอบโกยรายได้ และทำให้สังคมไทยหมกหมกหมุนอยู่กับการพนัน เป็นการครอบงำสังคมไทยในทางอ้อม
ผู้เขียนลืมไปว่าศาสนาอิสลาม มีบทบัญญัติห้ามการพนัน และมุสลิมส่วนใหญ่แล้วไม่เล่นการพนัน จะเป็นว่าบ่อนการพนันที่เก็นติงไฮแลนด์ เจ้าหน้าที่จะตรวจและห้ามมุสลิมเข้าไปในบ่อนที่สร้างให้ต่างศาสนิกโดยเฉพาะ
หนทางแก้ไข รัฐต้องแก้ไขอย่างเด็ดขาด ดึงหวยใต้ดินให้ขึ้นมาบนดิน
บทที่ 9 สนับสนุนให้คนมุสลิมชั้นสูงแต่งงานกับคนชั้นสูงของไทย เป็นกลยุทธ์ครอบงำ ก้าวสู่ฐานอำนาจสำคัญ และเข้ามีอิทธิพลในทางอ้อมกับสังคมไทย ส่งผลกระทบในสังคมระยะยาว
หนทางแก้ไข หากจำเป็นต้องแต่งงาน ก็จะต้องไม่เปลี่ยนศาสนาอย่างเด็ดขาด หญิงสาวชาวบ้านเป็นเป้าใช้เงินหลอกให้แต่งงาน เพื่อใช้สิทธิบางเรื่องได้สะดวกรัฐต้องแก้ไข
บทที่ 10 จัดตั้งสถาบันทางการเงินของอิสลาม เจตจำนงแอบแฝง ผสมผสานเพื่อใช้สถาบันทางการเงินของอิสลามในการสร้างความเข้มแข็งและอำนาจต่อรองให้แก่ชาวมุสลิมและใช้กองทุนเพื่อสร้างภาพเชิงบวกเพื่อโน้มน้าวให้คนไทยดปลี่ยนศาสนาในทางอ้อม
หนทางแก้ไข รัฐต้องตั้งหน่วยงานพิเศษตรวจสอบเงินทุนที่ไหลมาจากต่างประเทศ สร้างค่านิยมไม่ให้คนไทยยอมขายที่ดินให้แก่ชาวต่างชาติ รวมถึงธุรกิจอื่นๆ
บทที่ 11 สร้างสถานการณ์ว่าคนไทยพุทธรังแกข่มเหงชาวไทยมุสลิมต่อโลก กลุ่มคนไทยกว่าร้อยคนพยายามจะสร้างกระแสว่าชีวิตพวกเขาถูกรังแกข่มเหงจากเจ้าหน้าที่รัฐไทยใน 3 จังหวัดจนต้องอพยพหนีเข้าประเทศมาเลยเซีย โจรบางกลุ่มทำร้ายชาวบ้านจับชาวบ้านเป็นตัวประกันแล้วไม่ยอมเจรจากับเจ้าหน้าที่รัฐไทยกลับมีข้อเสนอให้ส่งนักข่าวจากมาเลเซียเข้าไปเจรจาแทน
ข้อมูลไม่ตรงข้อเท็จจริง จับแพะชนแกะหลายๆเหตุการณ์กล่าวหาอย่างเลื่อนลอยไร้ความจริง
หนทางแก้ไข รัฐต้องหนักแน่นต่อความมั่นคง อย่าให้องค์กรระหว่างประเทศ หรือเพื่อนบ้านเข้ามายุ่งเกี่ยวอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
บทที่ 12 จัดทำแผนที่สถานทางยุทธศาสตร์ หรือสถานที่สำคัญของประเทศไทย ด้วยการจ้างนักศึกษาชาวมุสลิมดำเนินการอย่างลับๆ ส่งให้ กลุ่มกำหนดในแผนตาลาติ๊ตำปง ตามหลัก “รู้เขา..รู้เรา” นั้นเอง
ทางแก้ไข รัฐต้องทุ่มงบพัฒนาหน่วยข่าวกรอง และให้หน่วยงานติดตามความเคลื่อนไหว
บทที่ 13 การส่งคนเข้าไปปลุกระดมในชุมชนมุสลิมในจังหวัดต่างๆ เพื่อจะสร้างอำนาจการต่อรองกับรัฐบาลไทยและชาวพุทธเวลามีความขัดแย้งในเรื่องต่าง
ข้อกล่าวหานี้อาจจะเห็นและเคืองแค้นการเผยแพร่ศาสนาแบบตับลีคที่มีการชุมนุมในชุมชนมุสลิมทั่วประเทศ
หนทางแก้ไขชาวไทยที่รักชาติต้องเป็นหูเป็นตา รัฐต้องใช้หน่วยข่าวกรองสืบสวน ขจัดบุคคลที่เป็นภัยอันตรายเหล่านี้ สร้างความเข้าใจกับมุสลิมทั้งหลายไม่ให้ความร่วมมือ
บทที่ 14 กลืนสังคมไทยให้เหมือนกับการไหลของสายน้ำ ดำเนินการอย่างเงียบๆ กว่าจะรู้ก็สายแล้ว
หนทางแก้ไข จำกัด ควบคุมการไหลซึมของมันด้วยสติที่ชาญฉลาดกว่า
บทที่ 15 คัดเลือกเด็กมุสลิมที่มีศักยภาพสูงเพื่อสืบทอดแผนการลับตาลาติ๊ตำปง ในการสถาปนารัฐอิสลามขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หนทางแก้ไข รัฐควรนำเด็กมุสลิมที่ยากจน ขาดโอกาสเข้ามาสู่ระบบการศึกษาที่ถูกต้องเหมาะสม
บทที่ 16 ทำลายธุรกิจของคนไทยพุทธใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลุ่มแบ่งแยกไม่พอใจคนไทยพุทธเพราะต้องการทำให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นรัฐอิสลามโดยสมบูรณ์ตามแผนการลับตาลาติ๊ตำปง
หนทางแก้ไข เจ้าหน้าที่ของรัฐ ฝ่ายความมั่นคงต้องช่วยกันปกป้องชีวิตและทรัพย์สินชาวพุทธไม่นิ่งดูดาย
บทที่ 17 ชักจูงให้คนไทยไปเล่นในบ่อนคาสิโนที่มีชาวมาเลเซียหรือชาวมุสลิมเป็นเจ้าของ องค์กรอิสลามโลก และนายทุนชาวมาเลเซีย ลงทุนสร้างและซื้อกิจการบ่อนคาสิโนหลายแห่งให้เป็นของตน สร้างกลยุทธ์ในการชักชวน หลอกล่อยั่วกิเลสตัณหานักพนันสัญชาติไทย เพื่อดูดเงินไทย ทำให้คนไทยอ่อนแอ ครอบงำเป็นลูกหนี้
หนทางแก้ไข วางกฎเกณฑ์ปรามคนไทย รณรงค์ ปราบปราม จริงจังและต่อเนื่อง ตั้งบ่อนคาสิโนในไทย
บทที่ 18 เรียกร้องให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตปกครองพิเศษ เป็นข้อเสนอของ แกนนำ หรือเครือข่าย โจรแบ่งแยกดินแดน, นักวิชาการ นักการเมือง นักวิชาการ NGO มหาเธ มูฮัมมัดที่เป็นเครือข่ายแผนตาลาติ๊ตำปง นักการเมือง,บุคคลที่ไม่หวังดี เป็นการนับหนึ่งการแบ่งแยกดินแดนอย่างเบ็ดเสร็จ คนไทยต้องจดจดชื่อ สกุลมันไว้ให้แม่นยำ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานภาพใดใดในสังคม ต้องถือว้ามัน “เป็นศัตรูของชาติ”
หนทางแก้ไข รัฐและสังคมอย่าไปหลงเชื่อต้องต่อต้านและขจัดออกจากอำนาจรัฐทันที่ ไม่หลงเพ้อเจอเรื่องการเจรจากับแกนนำกลุ่มโจรแบ่งแยกดินแดน และต้องนำดินแดนของไทยอีก 4 รัฐ กลันตัน ปะลิส เคดาห์ ตรังกานู กลับคืนทุกตารางนิ้วอีกด้วย เป็นพันธะสัญญาและภารกิจอันศักดิ์สิทธิที่ต้องประกาศให้พวกป่าเถื่อนรับรู้เอาไว้
บทที่ 19 เรียกร้องให้รัฐบาลถอนกองทัพออกจาก 32 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ใดบังอาจเรียกร้องย่อมมีเจตจำนง 4 ประการคือ 3 จังหวัดไม่ใช่อธิปไตยของไทย ,ต้องการให้คนดีถูกรายวัน,กลัว ขจก.ถูกปราบปราม ,ต้องการให้การปกครองไทยอ่อนแอ และมีพวกแกนนำมุสลิมทั้งในพื้นที่ และกทม. นักวิชาการ NGO ,นักสิทธิมนุษยชน
หนทางแก้ไข ไม่เปิดประเด็น ถือว่าเป็นผู้ไม้ประสงค์ดี เป็นส่วนหนึ่งของแผนการลับตาลาติ๊ตำปง
บทที่ 20 กดดันให้ชาวพุทธอพยพออกจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้ 3 จังหวัดเหลือแต่ชาวมุสลิม และนำมุสลิมจากมาเลเซีย กัมพูชา อินโดนีเซีย อาเจะห์อยู่ในพื้นที่ให้มากขึ้น
หนทางแก้ไข เจ้าหน้าที่รัฐต้องเข้าไปดูแล
บทที่ 21 นำสารเสพติดเข้ามาทำลายสังคมไทย
หนทางแก้ไข รัฐบาล เจ้าหน้าที่ต้องป้องกัน ปราบปรามอย่างเด็ดขาด สร้างครอบครัวให้เข้มแข็ง
บทที่ 22 ใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางส่งออกอาหารฮาราลเพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่ชาวมุสลิมในประเทศไทยและความมั่นคงด้านอาหารแก่ชาวมุสลิมทั่วโลก พยามกว้านซื้อที่ดินในไทย
หนทางแก้ไขรัฐต้องกำหนดนโยบายอย่างรอบคอบ เหมาะสมไม่ตกเป็นเครื่องมือ
บทที่ 23 เปลี่ยนชื่อกิจการต่างๆของชาวมุสลิมให้เป็นภาษาสากลเพื่อลดความหวาดระแวง
หนทางแก้ไข ต้องปรับตัวและทัศนคติอย่างขนานใหญ่ เรียนรู้ตลอดเวลาและไม่ประมาท
บทที่ 24 ใช้กลยุทธ์ทางการเงินโจมตีระบบเศรษฐกิจและการเงินของไทย เพื่อให้ธุรกิจการค้าไทยเกิดปัญหาและอ่อนแอ่
หนทางแก้ไข ต้องจดจำบทเรียนปี2540 ด้วยความไม่ประมาท
บทที่ 25 บริจาคเงินและให้ชาวมุสลิมเข้าไปเป็นสมาชิกพรรคการเมืองหลักทุกพรรค เป็นกลยุทธ์ชาวยิวที่สามารถครอบงำสหรัฐอเมริกาและโลกโดยองค์กรลับ “ไซออนนิสต์” ซึ่งชาวมุสลิมไทยพยายามครอบงำศูนย์กลางอำนาจของประเทศไทย
หนทางแก้ไข พรรคการเมืองต่างๆในประเทศไทยต้องตระหนักในเรื่องความมั่นคงของชาติให้มากกว่าเศษเงินที่บริจาค และควบคุมดูแลคุณสมบัติพื้นฐานให้สอดคล้องสถาบันหลักของชาติ
ข้อความทั้งหมดในหนังสือ ตาลาติ๊ตำปง ทั้ง 25 กลยุทธ์ ไม่มีหลักการ เหตุผลอธิบายที่เป็นรูปธรรม มีเหตุมีผล หรือมีตัวเลขทางสถิติสนับสนุน แต่เป็นข้อกล่าวหาที่เหมื่อนผู้ที่มีความเคืองแค้นที่เป็นเต็มไปด้วยอคติทั้ง 4 คือ ฉันทาคติ โทสาคติ ภยาคติ และโมหาคติ เป็นพื้นฐานและถือโอกาสกล่าวหา ใส่ร้ายมุสลิมอย่างเมามัน หากชาวต่างศาสนิกอ่านและเชื่อแล้ว นับได้ว่าเป็นการเพาะเชื่อความเกลียดชัง สร้างปมเคืองแค้นในจิตใจที่รอวันที่มีโอกาสประทุขึ้นมานับได้ว่าเป็นภยันตรายที่จะมองข้ามมิได้ และขอเรียกร้องให้ผู้ที่มีความรับผิดชอบดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งก่อนสายเกินไป