Prof.Dr. Umar Ubaid Hasnah
ผอ.สถาบันวิจัยและอิสลามศึกษา
กระทรวงศาสนสมบัติและกิจการอิสลาม กาตาร์
เนื่องในสัมมนาอิสลามศึกษานานาชาติ มอ.ปัตตานี
เรื่อง Islamic Value in Changing World
ณ วิทยาลัยอิสลามศึกษา มอ.ปัตตานี
ในเบื้องต้นกระผมใคร่ขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้โอกาสแก่พี่น้องมุสลิมในประเทศไทยปฏิบัติคำสอนศาสนาอย่างอิสระเสรี ซึ่งบรรยากาศเช่นนี้ เราไม่ค่อยพบเห็นมากนัก แม้กระทั่งในบางประเทศอิสลามก็ตาม
บทบาทในการสัมมนาในครั้งนี้ นอกจากสร้างคุณค่าทางอารยธรรมอันสูงส่งแก่มนุษย์แล้ว ยังเป็นการกลับมาของบทบาทปาตานีอีกครั้ง ที่ดินแดนแห่งนี้เคยเป็นแหล่งอารยธรรมที่รุ่งเรืองในอดีต โดยเฉพาะ การเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาในภูมิภาค
อิสลามเป็นศาสนาที่ข้ามพ้นข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ เชื้อชาติ ภาษาและสีผิว เพราะอิสลามคือศาสนาแห่งมนุษยชาติทั้งมวล ดังนั้นทุกชาติพันธุ์ ต่างก็มีส่วนร่วมสร้างอารยธรรมอิสลามอย่าวเคียงบ่าเคียงไหล่ อิสลามคือศาสนาที่มีความหลากสีตามสีดินที่เป็นต้นกำเนิดมนุษย์ ความแตกต่างทางกายภาพเหล่านี้ได้สรรค์สร้างความสวยงามของโลกมาแล้ว
อิสลามคือดวงดาว หากดวงหนึ่งดับแสง ดวงอื่นๆก็พร้อมทอแสงอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย เพราะอิสลามคือศาสนาที่อยู่บนฐานของความอิสระเสรี ไม่มีการบังคับขู่เข็ญ การให้ความอิสระถือเป็นการต่อยอดและให้โอกาส ในขณะที่การบังคับขู่เข็ญคือการตัดตอนและปิดประตูมิให้มนุษย์ขยับตัวสู่การพัฒนา
อิสลามเป็นศาสนาแห่งดุลยภาพ ความปรานี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบันที่มีการเข่นฆ่า สุดโต่ง และรุนแรง เนื่องจากการขาดหายไปของอิสลามที่แท้จรืงบนเวทีโลก
ฐานสำคัญของอารยธรรมโลกในปัจจุบัน ถูกค้ำโดยการบังคับขู่เข็ญ การลิดรอนสิทธิเสรีภาพ การยึดครองประเทศและการรุกราน
ขอขอบคุณทีมงานคุณภาพของการสัมมนาในครั้งนี้ทุกท่าน ขอขอบคุณรัฐบาลไทยและมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ที่เห็นความสำคัญของการสานเสวนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพราะความรู้เท่านั้นคือพลังที่แท้จริง หาใช่อาวุธและกองกำลังทางการทหาร
ผมขอเรียนย้ำว่า อิสลามคือศาสนาแห่งการสานเสวนา ถักทอสายใยแห่งความสัมพันธ์ ไม่ใช่ศาสนาแห่งการเผชิญหน้าด้วยวิธีรุนแรง เพราะอิสลามสนับสนุนการใช้ชีวิตอย่างสันติ แม้กระทั่งยามศึกสงคราม เมื่อใดที่ศัตรูพร้อมเจรจาสงบศึก อิสลามสั่งให้สนองตอบการเรียกร้องนี้ทันที ถึงแม้กำลังประจันบานในสมรภูมิสงคราม และถึงแม้อาจเป็นกลลวงของศัตรูก็ตาม
--------------