‘อสนียาพร นนทิพากร’
กรณีเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2558 เจ้าหน้าที่ทหารพรานหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 ได้ตั้งจุดสกัดในพื้นที่บ้านไอร์ซูซง ซึ่งเป็นบ้านย่อยของบ้านไอร์จูโจ๊ะ อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ได้ทำการตรวจค้นและควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัย จำนวน 2 คน ซึ่งทราบชื่อในเวลาต่อมาคือนายนาวาวี ยะโก๊ะ และนายอับดุลฮาเล็ง ฮาแว พร้อมทั้งได้ทำการตรวจยึดอาวุธปืน จำนวน 2 กระบอก
อาวุธปืนที่เจ้าหน้าที่ทำการยึดได้ 2 กระบอก กระบอกที่ 1 ปืนกลมือ (UZI) ขนาด 9 มม. LUGER เลขหมายประจำปืน 36400157 พร้อมซองกระสุนปืน จำนวน 2 อัน กระบอกที่ 2 ปืนพกออโตเมติก (NORINCO) ขนาด 9 มม. LUGER เครื่องหมายทะเบียน กท 4402220 เลขหมายประจำปืน 6008739 พร้อมซองกระสุนปืน จำนวน 2 อัน
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าอาวุธปืนกลมือ (UZI) ขนาด 9 มม. LUGER เป็นอาวุธปืนที่ถูกแย่งชิงมาจากเหตุกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงบุกเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการ ร้อย.ร.15121 หรือฐานพระองค์ดำเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2554
ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ติดตามอาวุธปืนที่ถูกแย่งชิงกลับคืนมาได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากยอดอาวุธปืนที่ถูกแย่งชิงจำนวนทั้งสิ้น 61 กระบอก ณ ปัจจุบันสามารถยึดคืนได้แล้ว จำนวน 22 กระบอก คงเหลือต้องติดตามกลับคืนมาอีก 39 กระบอก
สำหรับอาวุธปืนทั้ง 2 กระบอกนั้น นายนาวาวี ยะโก๊ะ ยอมรับว่า ได้เดินทางไปรับมาจากนายอับดุลการี หรือโต๊ะแช หะแว ผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับหัวหน้า COMPI บริเวณบ้านไอร์กาแซ ตำบลศรีสาคร อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ซึ่งนายอับดุลการีฯ ได้สั่งการให้ตนเองกับนายอับดุลฮาเล็ง ฮาแว เพื่อใช้ในการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในห้วงของวันที่ 10 ถึง 15 เมษายน 2558 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของชาวไทยพุทธ ในพื้นที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส
หลังจากได้รับมอบอาวุธปืน และรับคำสั่งแล้วตนเองพร้อมด้วย นายอับดุลฮาเล็ง ฮาแว กำลังเดินทางไปยังบ้านบือแนนากอ ตำบลตะมะยูง อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส เพื่อที่จะไปพบกับนายอาบัส หรือ บาซิ เจ๊ะหะ ผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ ซึ่งนายอาบัสฯ เคยถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวแต่ปัจจุบันอยู่ระหว่างหนีประกัน เพื่อร่วมกันวางแผนเตรีมการก่อเหตุในพื้นที่ แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวพร้อมอาวุธปืนเสียก่อน
ซึ่งในเวลาต่อมานายนาวาวี ยะโก๊ะ ได้เปิดเผยกับเจ้าหน้าที่ว่าได้เตรียมการวางแผนที่จะก่อเหตุซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรอำเภอศรีสาคร ระหว่างเดินทางสับเปลี่ยนเวรยาม บริเวณสี่แยกในพื้นที่ตำบลศรีสาคร อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ในค่ำคืนของวันที่ 10 เมษายน 2558
นายนาวาวี ยะโก๊ะ ได้ให้การยอมรับว่าเคยรับฟังประวัติศาสตร์รัฐปัตตานี, ผ่านการสาบานตน (ซูมเปาะ) และ ผ่านการฝึกร่างกายขั้นต้นมาแล้วซึ่งมีผู้ร่วมทำการฝึกร่วมกับตน 3 คน โดยมี นายอิสมาแอ มะนุ เป็นผู้ฝึก
นายนาวาวี ยะโก๊ะ และนายอับดุลฮาเล็ง ฮาแว มีความประสงค์ขอถอนคำสาบานตน (ซูมเปาะ) และในวันที่ 12 เมษายน 2558 เจ้าหน้าที่ได้เชิญ บาบอ มาดำเนินการถอนซูมเปาะให้บุคคลทั้งสองเป็นที่เรียบร้อย
หลังจากถอนคำสาบานตน หรือซูมเปาะห์ นายนาวาวี ยะโก๊ะ ให้การยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ RKK หลังจากเข้าเป็นสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง และได้ผ่านการฝึกหลักสูตร RKK แล้ว ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ตำบลศรีสาคร อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส จำนวน 3 เหตุการณ์ด้วยกัน
เหตุการณ์ที่ 1 ร่วมก่อเหตุลอบใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่รถฮัมวี่ ก่อนที่จะจุดชนวนระเบิดซ้ำเจ้าหน้าที่ทหารชุด รปภ.ครู ร้อย ร.3112 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 37 ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 5 นาย ที่บ้านฆอลอกาเว หมู่1 ตำบลศรีสาคร เมื่อ 31 มกราคม 2556 ในครั้งนั้นมีผู้ร่วมก่อเหตุ จำนวน 9 คน โดยนายนาวาวี ยะโก๊ะ ทำหน้าที่เป็นคนซุ่มยิง
เหตุการณ์ที่ 2 ร่วมก่อเหตุขว้างระเบิด และยิงใส่จุดตรวจร่วมเฉลิมชัย ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย เหตุเกิดเมื่อ 16 เมษายน 2556 มีผู้ร่วมก่อเหตุ จำนวน 3 คน โดยนายนาวาวี ยะโก๊ะ ทำหน้าที่ยิงรบกวน
เหตุการณ์ที่ 3 ร่วมก่อเหตุซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4903 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 บนถนนในหมู่บ้านไอร์แตแต ม.5 ต.กาหลง อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ขณะกลับจากไปร่วมงานแข่งขันกีฬา ส่งผลให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 5 นาย เสียชีวิตที่โรงพยาบาล 2 นาย (อส.ทพ.นัฐพงศ์ พิมรัตน์ และ อส.ทพ.วิษนุ นวลแก้ว) เมื่อ 22 มิถุนายน 2557 มีผู้ร่วมก่อเหตุ 3 คน โดยนายนาวาวี ยะโก๊ะ ทำหน้าที่ซุ่มยิง
ในส่วนของการพิสูจน์หลักฐานความเชื่อมโยงทางคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 ได้มีการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ของอาวุธปืน 2 กระบอก พบว่ามีความเชื่อมโยงกับการการก่อเหตุ 6 คดี ด้วยกัน กล่าวคือ
อาวุธปืนกระบอกที่ 1 ปืนกลมือ (UZI) ขนาด 9 มม. LUGER เลขหมายประจำปืน 36400157 พร้อมซองกระสุนปืน จำนวน 2 อัน จำนวน 1 กระบอก ตรวจพบประวัติในสารบบของ ศพฐ.10 จำนวน 4 คดี ด้วยกัน
คดีที่ 1 เมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2554 เหตุคนร้ายลอบยิงนายชัยภัทร นกเขาแดง (เสียชีวิต) นางแดง นกเขาแดง (ไม่ได้รับบาดเจ็บ) เหตุเกิดบริเวณสวนยางพาราบ้านไอร์วอ หมู่ 1 ตำบลกาหลง อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส
คดีที่ 2 เมื่อ 20 มีนาคม 2554 เหตุคนร้ายยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีสาคร (ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ) เหตุเกิดบริเวณจุดตรวจถาวนเฉลิมชัย หมู่ 1 ตำบล/อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส
คดีที่ 3 เมื่อ 16 เมษายน 2556 เหตุลอบยิงจุดตรวจถาวนเฉลิมชัย หมู่ 1 ตำบล/อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส
คดีที่ 4 เมื่อ 14 พฤษภาคม 2556 เหตุคนร้ายซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 ขณะขับรถปิดท้ายขบวนรักษาความปลอดภัยคณะแพทย์กองทัพบก จังหวัดชายแดนภาคใต้ บนถนนสายบ้านอีนอใน หมู่ 2 ตำบล/อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส
อาวุธปืนกระบอกที่ 2 ปืนพกออโตเมติก (NORINCO) ขนาด 9 มม. LUGER เครื่องหมายทะเบียน กท 4402220 เลขหมายประจำปืน 6008739 พร้อมซองกระสุนปืน จำนวน 2 อัน ตรวจพบประวัติในสารบบของ ศพฐ.10 จำนวน 2 คดี ด้วยกัน
คดีที่ 1 เมื่อ 13 กันยายน 2556 เหตุคนร้ายลอบยิงราษฎรหาของป่า และมีการยิงปะทะกัน (ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต) เหตุเกิดบริเวณถนนบ้านจือกอ หมู่ 3 ตำบลศรีบรรพต อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส
คดีที่ 2 เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2557 เหตุคนร้ายลอบยิงนายจรูญ ศรีจันทร์ (เสียชีวิต) นางเตือนใจ บุญเกลี้ยง (ได้รับบาดเจ็บ) ขณะกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์บนถนนสายศรีสาคร-บ้านกาหลง หมู่ 5 ตำบล/อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส
ผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ของอาวุธปืน 2 กระบอก มีการใช้ในการก่อเหตุและอยู่ในบัญชีคดีความมั่นคงอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นหลักฐานการตรวจสอบกระสุนปืน อาวุธปืนในสารบบของตำรวจ ที่มีความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุคดีสำคัญที่ผ่านมาในการใช้เพื่อดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิด
แต่หลักฐานที่สำคัญคือการที่ นายนาวาวี ยะโก๊ะ ได้ให้การยอมรับสารภาพว่าเป็นสมาชิกแนวร่วม RKK ต่อเจ้าหน้าที่โดยไม่มีการบังคับขู่เข็ญ และใช้ความรุนแรงใดๆ อีกทั้งไม่ได้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน การปฏิบัติอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายซึ่งเป็นนโยบายของผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เจ้าหน้าที่ได้เชิญบิดา มารดา ของนายนาวาวีฯ เข้าร่วมรับฟังการซักถามครั้งนี้ด้วยตลอดทุกขั้นตอนเพื่อความโปร่งใส
เมื่อบิดา มารดา ของนายนาวาวี ยะโก๊ะ ได้รับฟังคำรับสารภาพของบุตรชายตนเองว่าเป็นสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง มีความรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากในห้วงที่ผ่านมาไม่เคยทราบพฤติกรรมของบุตรชายตนเองมาก่อนเลยว่าเป็นสมาชิกแนวร่วม RKK เพราะที่ผ่านมาบุตรชายของตนเองเป็นคนดีของครอบครัว ขยันทำงานเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบ ซึ่งเมื่อรู้ว่าเป็นสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง เคยก่อเหตุสร้างสถานการณ์ ด้วยการใช้อาวุธปืนลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์ รู้สึกตกใจ และเสียใจที่บุตรชายเข้าร่วมกับขบวนการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นส่วนรวม
จะมีพ่อแม่ผู้ปกครองอีกกี่ครอบครัวที่ต้องเสียใจ เมื่อลูกหลานของตนเองซึ่งเป็นเยาวชน กำลังศึกษาเล่าเรียน แต่กลับถูกกลุ่มขบวนการชักจูงให้เดินในทางที่ผิด ต้องหมดสิ้นอนาคตถูกหลอกใช้ให้เข้าร่วมกับขบวนการ โดยการก่อเหตุสร้างสถานการณ์โดยที่พ่อแม่ ลูกเมียไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่าบุคคลใกล้ชิดในครอบครัวตนเป็นแนวร่วมขบวนการโจรใต้ แต่เมื่อรู้อีกทีเจ้าหน้าที่จับกุมตัว และได้มีการยอมรับสารภาพว่าตนเองเป็นสมาชิกแนวร่วม RKK ที่ได้ผ่านการซูมเปาะ
สถาบันครอบครัวเป็นสถาบันหลักที่มีความสำคัญยิ่งที่จะเป็นรากฐานที่ดีของชุมชน สังคมและประเทศชาติ ผู้ปกครองควรที่จะเอาใจใส่ดูแลสอดส่องพฤติกรรมของบุตรหลานของท่าน ซึ่งจะเป็นอนาคตและกำลังหลักเป็นที่พึ่งพาของพ่อแม่ในวันข้างหน้า อย่าได้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มขบวนการที่มีการบิดเบือนประวัติศาสตร์ บิดเบือนหลักคำสอนของศาสนา ยุยงปลุกปั่นกล่าวหาว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ความไม่ได้รับความเป็นธรรมในสังคม ต้องรู้เท่าทันกลุ่มขบวนการที่มักชอบแอบอ้างกระทำการเพื่อพี่น้องมลายูปาตานี ทั้งที่กระทำทุกอย่างเพื่อแสวงหาอำนาจ แสวงประโยชน์ของกลุ่มคนเพียงไม่กี่คน