Skip to main content

ไชยยงค์ มณีพิลึก

 
 
“จะต้องมีผู้รับผิดชอบในกรณีของบัญชีโยกย้ายแต่งตั้งที่ชื่อของ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา หายไป” คำพูดประโยคนี้เป็นคำพูดของ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. ที่มีต่อสื่อมวลชน ในวันที่เดินทางร่วมกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อมาร่วมงานสวดอภิธรรมศพของ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ที่วัดคลองเปล ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และขณะนี้คนไทยทั้งประเทศ กำลังรอดูอยู่ว่า ใครบ้าง ที่ต้องรับผิดชอบ ในการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม จนสุดท้ายกลายเป็น “ตราบาป” ที่ประทับแน่นอยู่กับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
 
เพราะโดยข้อเท็จจริง โผแต่งตั้งโยกย้ายของ บชภ.9 ในครั้งแรก ก่อนที่จะมีการแก้ไข และประกาศอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 25 มกราคม 2553 นั้น มีชื่อของ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ได้รับการแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่ง ผกก. ที่ สภ.เมืองตรัง ไม่ใช่ สภ.กันตัง อย่างที่ พ.ต.อ.สมเพียร ขอผ่านไปกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว นาย” ที่ พ.ต.อ.สมเพียร ให้ความเคารพ และ “เชื่อ” ในความเป็นคน “ตรง” คนหนึ่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
 
แต่โผ ที่ออกมา โดยมีชื่อ พ.ต.อ.สมเพียร ที่ถูก ลบ” ชื่อทิ้งในวินาทีสุดท้าย อยู่ในเอกสารหน้าที่ 7 บัญชีหมายเลข 0902 09201 0005 ซึ่งเป็นบัญชีการแต่งตั้งระดับรอง ผบก. จนถึง รอง ผกก. มีจำนวน 8 หน้า และในโผแต่งตั้งโยกย้ายดังกล่าว มีนายตำรวจ ที่มีรายชื่อเช่นเดียวกับ พ.ต.อ.สมเพียร ปรากฏอยู่ และถูก “ลบ” ชื่อออกจำนวน 5-6 นายด้วยกัน เช่น พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ ผกก.สภ. ท่าแพ จ.สตูล ที่มีชื่อย้ายไปเป็น รอง ผบก.ภ.จว.ตรัง มีเลขบัญชี 1901 07201 0003 แต่เมื่อมีการประกาศชื่อในวินาที่สุดท้าย พ.ต.อ.กอบ ไม่ได้ย้ายไปในตำแหน่งที่สูงขึ้น โดยมีชื่อของ พ.ต.อ.สมศักดิ์ วรรณวรรค ผกก. เข้าไป “เสียบ” แทน และนี่คือจุดเปลี่ยน ที่ทำให้ พ.ต.อ.สมเพียร ต้องอยู่ที่ สภ.บันนังสตา ตามเดิม
 
เพราะในบัญชีเดิมนั้น พ.ต.อ.ศุภวัฒน์ ทับเคลียว ผกก.สภ.อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ถูกแต่งตั้งให้เป็น ผกก.สภ.เมือง พัทลุง โดยมี พ.ต.อ.ชวลิต เปล่งเสียง ผกก.สภ..ป่าบอน จ.พัทลุง ย้ายมาเป็น ผกก.สภ.ท่าแพ แทน พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ แต่เมื่อ พ.ต.อ. ไม่ได้ย้าย จึงมีการ ย้าย พ.ต.อ.ชวลิต ไปเป็น ผกก.สภ.เมืองสตูล แทน และโยก พ.ต.อ.ศุภวัฒน์ ทับเคลียว ที่โผเดิมไปเป็น ผกก.สภ.เมืองสตูล ไปที่ สภ.เมืองตรัง แทนตำแหน่งของ พ.ต.อ.สมเพียร
 
ส่วนตำแหน่ง สภ.กันตัง จ.ตรัง ที่ พ.ต.อ.สมเพียร ขอย้ายไปนั้น บชภ.9 ได้ย้าย พ.ต.อ.วิชัย จันทวงศ์ ผกก.สภ.หาดสำราญ จ.ตรัง ซึ่งเป็นลูกน้องเก่าของ พล.ต.ท.วีรยุทธ สิทธิมาลิก ผบช.ภ.9 ไปแทน พ.ต.อ.เติม อินทสระ ที่เกณียณอายุราชการ
 
เหตุผลหนึ่งที่สำคัญ ที่ทำให้ โผ” ของ บชภ.9 ต้องเปลี่ยนแปลงจนวินาที่สุดท้าย ทำให้ชื่อของตำรวจ “นักรบ” ที่ไม่มีทั้ง “เงิน” และ “ตั๋ว” จากนักการเมือง เป็นใบเบิกทาง เกิดจาก มีนายตำรวจจำนวนหนึ่ง ที่ต้องการย้ายไปอยู่ในตำแหน่งที่ดี ต่างวิ่งเต้นผ่านนักการเมือง 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ผ่านทาง สส. และ สว. ในพื้นที่ นอกจากนั้น ยังมี “ตั๋ว” จาก นายตำรวจใหญ่ ใน สนง.ตำรวจแห่งชาติ ที่ “ฝาก” มา จนทำให้การ แต่งตั้ง โยกย้ายใน บช.ภ.9 ตกอยู่ใน วังวน “อัปยศ” เพราะไม่สามารถที่จะ แต่งตั้งโยกย้ายให้เกิดความเป็นธรรมได้
 
ซึ่งในการแต่งตั้งโยกย้ายใน บชภ.9 นั้น มีนายตำรวจที่ถูก “คัด” ชื่อ ออก เพราะ สู้กับ “เงิน” และ “ตั๋ว” ของนักการเมืองไม่ได้จำนวนหนึ่ง อาทิ พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ พ.ต.อ. พ.ต.อ.บุญเลิศ ตรัสศิริ พ.ต.ท.วรงค์ เกิดสวัสดิ์ พ.ต.ท. อดินันท์ อิสมาแอล พ.ต.ท.จวบไหมสุข และนายตำรวจ ระดับ สารวัตร และรอง สารวัตร อีกจำนวนหนึ่ง แต่ไม่มีนายตำรวจคนไหน ที่กล้าลุกขึ้น ทวงถามความชอบธรรมให้กับตนเอง เหมือนกับ พ.ต.อ.สมเพียร เพราะหลายคนอายุราชการยังมาก จึงไม่ต้องการ “เสี่ยง” ให้มีการขึ้น “บัญชีดำ” ในฐานะตำรวจ “หัวแข็ง” ซึ่งมีเพียง พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ และ พ.ต.ท.อวบ ไหมสุข เท่านั้น ที่ได้ยื่นฟ้องกับศาลปกครองสงขลา เพื่อขอความเป็นธรรมแล้ว ในขณะนี้
 
การที่ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา เดินทางไปร้องขอความเป็นธรรม จาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. จึงเป็นการ ร้องขอ ชีวิต” เป็นครั้งสุดท้ายต่อผู้นำประเทศ และต่อผู้บังคับบัญชาระดับสูง แต่ก็ไม่ได้รับการ ช่วยเหลือ และหาก พ.ต.อ.สมเพียร ไม่จบชีวิตในวันที่ 12 มี.ค. ที่ผ่านมา ในวันที่ 17 มี.ค. คือวันที่ พ.ต.อ.สมเพียร ได้นัดหมายกับ “เพื่อน” บางคนที่รับราชการในกรุงเพทฯ เพื่อให้ไปเป็นเพื่อนในการเดินทางไป “ทวง” ถามความ “อยุติธรรม” อีกครั้ง แต่ น่าเสียดาย ที่ ผู้นำประเทศ และ ผู้บังคับบัญชา ไม่ยอมให้ “ชีวิต” กับ พ.ต.อ.สมเพียร ตามที่ ร้องขอ  และน่าเสียดาย ที่ “การเมือง” และ สนง.ตำรวจแห่งชาติ ได้สร้าง “ตราบาป” ให้เกิดขึ้นกับ วงการตำรวจทั้งประเทศ และครอบครัว “เอกสมญา” อย่างไม่น่าให้อภัย
 
วันนี้ พ.ต.อ.สมเพียร หรือจ่าเพียร ได้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติ สมกับเป็น นักรบแห่งเทือกเขาบูโด” แต่ภารกิจของของคนอยู่หลังจะต้องไม่จบไปกับ พิธีพระราชทานเพลิงศพของ พ.ต.อ.สมเพียร ทุกภาคส่วนจะต้องทำหน้าที่ ในการทำความจริงให้ปรากฏว่า ใครที่อยู่เบื้องหลัง แก้โผแต่งตั้ง เพื่อไม่ให้ พ.ต.อ.สมเพียร ได้โยกย้ายตามที่ร้องขอ ทุกอย่าง จะต้องมีคำตอบที่ชัดเจน และต้องมีผู้รับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น อย่าให้ความสูญเสียของ พ.ต.อ.สมเพียร เป็นเพียง ปรากฏการหนึ่งในสังคมไทย ที่สุดท้ายเป็นเพียง “ฟ้าแลบ” ที่มาอย่างรวดเร็ว และจบไปอย่างรวดเร็ว เช่นกัน หลับเถิดผู้กล้า ผู้อยู่หลังจะต้องทวงถามความ “จริง” ให้กับดวงวิญญาณของท่านอย่างแน่นอน