สันติอาสาสักขีพยาน
เสียงเด็กน้อยวัยขวบกว่ายืนร้องไห้ท่ามกลางแดดที่ร้อนจัด บริเวณหน้าบ้านของเธอ เธอมีชื่อเรียงนามว่า ฮากีมะห์ ยูโซ๊ะ เด็กกำพร้าที่สูญเสียทั้งพ่อและแม่ เธอเหลือแค่เพียง น้าอายุประมาณ 20 ปี และปู่ วัย 47 ปี ที่คอยดูแลเขา และพี่ชาย คอซิบ ยูโซ๊ะ หรือ ฮากิม อายุ 2 ขวบครึ่ง คอยเป็นเพื่อนของเธอ
ทั้งนี้พ่อแม่ของทั้งสองถูกยิงเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบ โดยไร้การลงความเห็นว่า ทั้งสองเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ทำให้เด็กน้อยทั้งสองไม่ได้รับการดูแลเยียวยาตามเกณฑ์จากหน่วยงานใด ๆ ของภาครัฐทั้งสิ้น
แม่ของทั้งสอง “บัลดาตี ลาบอ” วัย 25 ปี สูญเสียในเหตุการณ์สะเทือนขวัญ เพราะถูกลอบยิงเสียชีวิตพร้อมกับยาย “นางเจ๊ะแมะ หะแย” อายุ 47 ปี ในสวนยางพารา เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ที่เขาเมาะแต บ้านกูจิงลือปะ ม.4 ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส
หนูน้อยทั้งสอง ต้องอยู่กับปู่หม้าย นายมะยาเซ๊ะ ลาบอ อายุ 47 ปี ซึ่งเป็นโรคเบาหวาน และน้า นางสาวซารีมะห์ อายุ 20 ปี กำลังเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนประทีปวิทยา ศาสนาชั้น 7 ส่วนสามัญไม่ได้เรียนแล้วด้วยฐานะทางเศรษฐกิจที่ไม่ดีนัก
“น้องสาวคนนี้เป็นคนดูแลเด็กทั้งสอง ดูแลทุกอย่าง ดีที่เขาเป็นคนที่ว่องไว กระฉับกระเฉง เวลาที่เธอไปเรียนหนังสือก็จะมีเพื่อนบ้าน หรือพาให้ย่าของเธอดูแลให้” เพื่อนบ้าน “กะนะห์” เล่าเรื่องราวของหนูน้อยให้เราฟัง และเล่าอีกว่า วันที่แม่ของทั้งสองเสียชีวิตนั้น เด็กชายคนโต “คอซิบ” ร้องไห้เรียกแม่เขาอย่างน่าเวทนา จนชาวบ้านที่มาทำศพให้ กลั้นไม่ไหว จนต้องร้องไห้ตาม
ทั้งนี้ ซารีมะห์ ผู้ดูแลเด็กทั้งสอง ก็ยังไม่ได้ทำงาน จึงไม่มีรายได้ซื้อนมให้ มีเพียงนมข้นหวานที่เขียนข้างกระป๋องเป็นตัวแดงว่า ห้ามใช้เลี้ยงเด็กทารกเป็นอาหารเสริม
“ก็ไม่มีทุนที่จะซื้อนมดีๆ ให้เด็กกิน ปรกติชาวบ้านที่ยากจนเขาก็จะซื้อนมข้นหวานอย่างนี้ให้ลูกกินกันทั้งนั้น” กะนะห์ เพื่อนบ้านแจ้งให้เราทราบอีกครั้ง
สำหรับวันที่แม่และยายของสองหนูน้อยจะถูกพร่าชีวิตทั้งสองนั้น ปู่ของเขาเล่าว่า
“ก่อนเกิดเหตุ 2 วัน เห็นพิรุธแล้ว มีรอยเท้าเดินและมีถุงข้าวอยู่ใกล้สวนยางตอนนั้น คิดว่า น่าจะเป็นถุงอาหารของเด็ก ๆ ที่ขึ้นมาฉลองอะไร เพราะหากเป็นเจ้าหน้าที่ อาหารน่าจะใส่ในกล่องโฟม วันนั้นไปกรีดยางด้วย แต่แยกคนละฝั่ง ไม่เกิน 7 โมงเช้า ก็มีเสียงปืนลั่น สงสัยแล้วว่า ต้องเกิดเหตุกับทั้งสองคนนี้แน่ ก็เลยรีบลงจากภูเขา เพื่อมาเรียกคนที่หมู่บ้าน หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาตรวจที่เกิดเหตุ และพาทั้งสองไปที่โรงพยาบาล” ปู่ของเขาเล่าด้วยเสียงเครือและน้ำตาคลอ พร้อมกับความกลัวที่แฝงอยู่นัยน์ตา
อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานบันทึกประจำวันอะไรใด ๆ จากเจ้าหน้าที่แจ้งให้ญาติทราบ ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว หรือสถานการณ์ความไม่สงบ แต่คนที่บ้านเชื่อว่า ทั้งสองเสียชีวิต เพราะฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งการไม่ได้รับการความชัดเจนเรื่องคดีทำให้ครอบครัวไม่สามารถไปร้องเรียนสิทธิเพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องเยียวยาได้
เมื่อถามถึงพ่อของหนูน้อยทั้งสองคน ก็ยิ่งสลดใจ เมื่อรู้ว่า พ่อของพวกเขา ก็ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อเดือนตุลาคม 2551 ตรงกับช่วงเดือนการถือศีลอด ระหว่างที่กำลังจะละศีลอด ก็มีเจ้าหน้าที่สนธิกำลังมาล้อมบ้าน พ่อของเขาจึงลงจากบ้านไปกับเจ้าหน้าที่ และมีคนบอกว่า เห็นเขาวิ่งอยู่ทุ่งนาขณะที่เจ้าหน้าที่ไล่ยิง ในที่สุดเขาสิ้นชีวิตท่ามกลางเจ้าหน้าที่ และความกลัวของชาวบ้าน โดยขณะที่ปู่ของทั้งสองเล่าให้ฟังนั้น เด็กชายคอซิบ ที่กำลังร่าเริงอยู่นั้น อยู่ๆ ก็กลับอารมณ์เสีย ทำท่าเหมือนโกรธคณะเยี่ยม กำมือและยกขึ้นเหนือไหล่พร้อมกัดปากตัวเอง จะตีพวกเรา เหมือนเขารู้ว่า อย่ามาต่อว่าพ่อของเขานะ
บ้าน “กูจิงลือปะ” เป็นพื้นที่ที่เคยเกิดการทำร้ายครู 2 คน เมื่อ 20 พฤษภาคม 2548 จนทำให้ ครู จูหลิง ปงกันมูล เสียชีวิต ส่งผลให้ชาวบ้านซึ่งเป็นผู้หญิงหลายคนถูกจับเป็นผู้ต้องคดี ทั้งที่รู้ว่าผู้ที่กระทำเป็นผู้ชาย แต่ในคดีนี้กลับเป็นผู้หญิงกว่า 20 คน ต้องไปขึ้นศาลนานเกือบ 6 ปีแล้วคดีก็ยังไม่สุด กระทั่งวันนี้ยังมีรายชื่อของชาวบ้านอีกหลายคนที่เจ้าหน้าที่ต้องการตัว แต่ทั้งนี้หากไปมอบตัวชาวบ้านก็ต้องเตรียมเงินเพื่อประกันตัว แม้ว่า ตนจะรู้ว่าไม่ได้กระทำผิด แต่การถูกตราว่า เป็นผู้ต้องหา ก็ต้องพยายามหาวิธีการเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตน
อย่างไรก็ตาม ในคดียิงสองแม่ลูกครั้งนี้ หากเจ้าหน้าที่ลงความเห็นสามฝ่ายว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เจ้าหน้าที่ก็ต้องสามารถระบุได้ว่า ผู้ตายมีเหตุความขัดแย้งกับใคร และคงไม่ยุติธรรมพอหากเจ้าหน้าที่จะไม่ยอมให้การเยียวยาตามเกณฑ์ เพราะคิดว่าผู้หญิงทั้งสองคนนี้ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการ ตามข่าวว่า “นางเจ๊ะแมะ หะแย” มีหมาย พรก. เนื่องจากทั้งสองคนถูกยิงตายขณะกรีดยาง ไม่ได้ปะทะหรือต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ และหากเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ถูกยิงจากกลุ่มขบวนการ เพราะคิดว่า มีการหักหลังกันยิ่งชัดเจนว่า เป็นเหตุสถานการณ์ความไม่สงบ
แม้ว่าหมู่บ้าน “กูจิงลือปะ” ถูกมองว่า เป็นหมู่บ้านที่น่ากลัว และลึกลับ เป็นที่หลบซ่อนของกลุ่มก่อความไม่สงบ แต่ที่สำคัญหนูน้อยทั้งสองเป็นผู้บริสุทธิ์ พวกเขาควรได้รับการดูแลเยียวยาจากภาครัฐ ไม่ควรให้พวกเขาเติบโตโดยลำพัง หากไม่เช่นนั้นแล้ว พวกเขาอาจจะกลายเป็นชนวนระเบิดเวลาที่จะกลายเป็นความรุนแรงในอนาคตต่อไปได้