คุฏบะฮฺอีดิลฟิตริ 1436
จุดจบ...ของผู้อธรรม
เผยแพร่โดย
สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยฟาฏอนี
بسم الله الرحمن الرحيم
จุดจบของผู้อธรรม
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
الله أكبر (9 ครั้ง) الله أكبركبيرا والحَمْدُ لله كَثِيْرًا، وَسُبْحَانَ الله بُكْرَةً وَأَصِيْلاً
الْحَمْدُ للهِ، نَحْمَدُهُ وَنَسْتَعِيْنُهُ وَنَسْتَغْفِرُهُ وَنَسْتَهْدِيْهِ وَنَتُوْبُ إِلَيْهِ، وَنَعُوْذُ بِاللهِ مِنْ شُرُوْرِ أَنْفُسِنَا وَمِنْ سَيِّئَاتِ أَعْمَالِنَا، مَنْ يَهْدِهِ اللهُ فَلاَ مُضِلَّ لَـهُ، وَمَنْ يُضْلِلْ فَلاَ هَادِيَ لَـهُ. وَأَشْهَدُ أَنْ لاَ إِلهَ إِلاَّ اللهُ وَحْدَهُ لاَ شَرِيْكَ لَهُ، وَأَشْهَدُ أَنَّ مُحَمَّدًا عَبْدُهُ وَرَسُولُهُ. اللّهُمَّ صَلِّ وَسَلِّمْ وَبَارِكْ عَلى نَبِيِّنَا مُحَمَّدٍ وَعَلى آلِهِ وَصَحْبِه وَمَنْ تَبِعَهُمْ بِإِحْسَانٍ إِلَى يَوْمِ الدِّيْن .
أَمّا بَعْدُ، فَأُوصِيْكُمْ وَإِيَّايَ بِتَقْوَى اللهِ عَزَّ وَجَلَّ وَطَاعَتِه ِلَعَلَّكُمْ تُرْحَمُوْنَ.
พี่น้องมุสลิมีนและมุสลิมาตชาวอีดิลฟิฏรีที่รักทั้งหลาย
เดือนแห่งการถือศีลอด กิยามตะรอวีหฺ อิอฺติกาฟ และการบริจาคทานได้จากพวกเราไปแล้ว พร้อมกับได้นำพาความประเสริฐและผลบุญของเดือนดังกล่าวจากไปด้วย จึงเป็นความโชคดีสำหรับผู้ที่ได้ปฏิบัติคุณงามความดีตลอดเดือนรอมฎอนที่ผ่านมา และขอไว้อาลัยแก่ผู้ที่เพิกเฉยละเลยและไม่สามารถกอบโกยผลกำไรอันมหาศาลของเดือนอันประเสริฐที่เพิ่งผ่านพ้นไป
พี่น้องชาวอีดิลฟิฏรีทั้งหลาย
วันนี้เป็นวันที่ยิ่งใหญ่ของมุสลิมทั่วโลก เป็นวันแห่งความปิติยินดีอย่างที่สุดสำหรับผู้ที่บริสุทธิ์ใจในการทำอิบาดะฮฺเพื่ออัลลอฮฺ เจ้าแห่งสากลโลก เป็นวันอีดซึ่งอัลลอฮฺได้ทรงมอบให้ หลังจากได้บัญญัติให้จ่ายซากาตฟิตริ เพื่อขัดเกลาให้ชีวิตมีความสะอาดผ่องแผ้วและชดเชยความบกพร่องของการปฏิบัติภารกิจตลอดช่วงรอมฎอนที่ผ่านมา
الله أكبر الله أكبر الله أكبر ولله الحمد
พี่น้องมุสลิมีนและมุสลิมาตที่รักทั้งหลาย
อัลลอฮฺ ซบ. นอกจากพระองค์จะดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมแล้ว พระองค์ยังปฏิเสธความอธรรม และห้ามการกระทำการที่เป็นอธรรมอีกด้วย ดังพระองค์ได้กล่าวว่า
ความว่า “แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงอธรรมแม้เพียงน้ำหนักเท่าผงธุลี” (อันนิสาอฺ/40)
ความว่า “และพระเจ้าของเจ้านั้นมิทรงอธรรมต่อปวงบ่าวของพระองค์” (ฟุศศิลัต/46)
ในหะดีษกุดซีย์บทหนึ่ง ท่านนบีมุฮัมมัด ซล. กล่าวว่า :อัลลอฮฺ ซบ. กล่าวว่า
يَا عِبَادِي إِنِّي حَرَّمْتُ الظُّلْمَ عَلَى نَفْسِي، وَجَعَلْتُهُ بَيْنَكُمْ مُحَرَّمًا، فَلَا تَظَالَمُوا
ความว่า “โอ้บ่าวของฉัน แท้จริงข้าได้ห้ามการอธรรมเกิดกับตัวข้า และข้ากำหนดให้มันเป็นที่ต้องห้ามระหว่างพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่าอธรรมซึ่งกันและกัน” (บันทึกโดยมุสลิม)
การอธรรมหรือ الظُلْمُ คือการวางสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ตรงกับที่ของมัน ซึ่งโดยความหมายรวมแล้วเราสามารถแบ่งประเภทของอธรรมเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1. อธรรมต่ออัลลอฮฺ ซบ. ด้วยการตั้งภาคีต่อพระองค์ ปฏิเสธและไม่เชื่อศรัทธาต่อพระองค์ ซึ่งถือเป็นการอธรรมที่ใหญ่สุด ดังอัลกุรอานกล่าวว่า
ความว่า “แท้จริง การตั้งภาคีคืออธรรมที่ยิ่งใหญ่” (ลุกมาน/13)
ความว่า “และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น คือ พวกที่อธรรม (แก่ตัวเอง)” (อัลบะกอเราะห์/254)
ความว่า “และไม่มีผู้ใดปฏิเสธโองการทั้งหลายของเรานอกจากพวกอธรรมเท่านั้น” (อัลอันกะบูต/49)
การตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ ซบ. ในรูปแบบต่างๆ การปฏิเสธศรัทธาต่อพระองค์ คืออธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่มนุษย์ในทุกยุคทุกสมัยตกอยู่ในภัยร้ายนี้และเป็นต้นเหตุทำให้ชีวิตสับสนว้าวุ่น สังคมประสบกับความหายนะ และไม่สามารถสรรค์สร้างสันติสุขที่แท้จริง
มนุษย์ที่ประสบความสำเร็จต้องการความมั่นคงทางจิตใจ พร้อมมีเข็มทิศชีวิตที่ดีในการสร้างความพึงพอใจในชีวิต อยู่บนโลกนี้อย่างสงบสุข ไม่ประมาทและไม่ละเมิดก้าวร้าว ซึ่งตัวกำหนดให้เกิดความมั่นคงทางจิตใจนี้คือความเชื่อศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ซบ. เพียงพระองค์เดียว ไม่ตั้งภาคีใดๆเทียบเท่าพระองค์ และยอมสวามิภักดิ์ต่อพระองค์เท่านั้น
2. อธรรมต่อตนเองด้วยการจมปลักในอบายมุข ตกอยู่ในกับดักอารมณ์ใฝ่ต่ำ ฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ ซบ. และรอซูล ซล. ทำตนเป็นคนเหนือกฎหมายของอัลลอฮฺ ซบ. ดังกุรอานกล่าวว่า
ความว่า “และอัลลอฮฺ ซบ. มิได้ทรงอธรรมต่อพวกเขา แต่พวกเขาได้อธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง” (อันนะห์ลุ/33)
แต่เนื่องจากมนุษย์ชอบทำสิ่งอธรรม ชอบตามอารมณ์เหนือเหตุผล มนุษย์จึงเป็นมัคลูกที่สร้างอธรรมต่อตนเองด้วยวิธีการที่แปลกประหลาดและรุนแรงที่สุด
มนุษย์ยอมปลิดชีวิตตนเอง ยอมให้ตนเองได้รับอันตรายทั้งทางตรงและทางอ้อม ยอมบริโภคสิ่งมึนเมา เสพยาเสพติด ก้าวร้าวและล่วงละเมิด ถึงแม้จะเกิดอันตรายต่อตนเองและผู้อื่นก็ตาม มนุษย์จึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีศักยภาพในการทำลายล้างมากที่สุด สอดคล้องกับอัลกุรอานกล่าวว่า
ความว่า “แท้จริงมนุษย์ เป็นผู้อธรรมงมงายยิ่ง” (อัล-อะห์ซาบ/72)
3. อธรรมต่อผู้อื่น ด้วยการล่วงละเมิดและเบียดเบียนสิทธิผู้อื่น สร้างความเดือดร้อนผู้อื่นด้วยการกระทำ และวาจา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การอธรรมต่อผู้อ่อนแอและไม่มีทางสู้
อธรรมประเภทนี้ครอบคลุมทุกการล่วงละเมิด เช่น การฉ้อโกงทรัพย์สินผู้อื่น สาปแช่งคนนั้น ขโมยทรัพย์สินคนนี้ ล่วงละเมิดศักดิ์ศรีคนโน้น ทุบตีคนนั้น ดังนั้น เมื่อคนอธรรมได้เสียชีวิต ความดีงามของเขาทั้งหมดที่เขาเคยกระทำบนโลกดุนยา จะถูกแบ่งให้คนที่เขาเคยเบียดเบียนเหล่านั้น เพื่อชดเชยความผิดพลาดของเขา หากยังชดเชยไม่หมด อัลลอฮฺ b จะสั่งให้เอาความผิดพลาดของคนเหล่านั้นมาสะสมไว้ที่เขา จนกระทั่งเขาต้องตกนรก และนี่คือความหมายของผู้ล้มละลายที่แท้จริง (ขออัลลอฮฺคุ้มครอง)
เช่นเดียวกับการกินทรัพย์สินของเด็กกำพร้าโดยอธรรม ดังที่อิมามอัสสุดดีย์อธิบายว่า ผู้ที่กินทรัพย์สินเด็กกำพร้าโดยมิชอบ เขาจะถูกฟื้นชีวิตในสภาพที่ไฟลุกท่วมตัว พร้อมไฟที่ออกจากปาก หู จมูกและตาของเขา ผู้ใดพบเห็นก็จะรู้ว่าเป็นผู้ที่กินทรัพย์สินเด็กกำพร้าโดยอธรรม
คนที่ผลัดหนี้ทั้งๆ ที่มีความสามารถ ดังหะดีษกล่าว ความว่า: “การผลัดหนี้ของคนรวย ถือเป็นการกระทำที่อธรรม” (มุตตะฟัก อะลัยฮฺ)
เช่นเดียวกับคนที่เบี้ยวจ่ายค่าตอบแทนหรือเงินเดือนคนงาน
ในหะดีษกุดซีย์ระบุความว่า: อัลลอฮฺ ซบ. กล่าวความว่า
“บุคคล 3 ประเภท ที่ข้าเป็นศัตรู และผู้ใดที่เป็นศัตรูข้า เขาผู้นั้นไม่มีผู้ให้ความช่วยเหลือแน่นอนคือ 1) ผู้ที่สาบานในนามของข้า แล้วเขาผิดสาบาน 2) คนที่ขายชายที่เป็นไท (ไม่ใช่ทาส) และหากินกับรายได้นี้ 3) คนที่จ้างคนให้ทำงานเมื่อลูกจ้างทำงานเสร็จแล้วเขาไม่จ่ายค่าจ้าง” (บันทึกโดยอิบนุมาญะฮฺด้วยสายรายงานที่หะสัน)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฆ่ามุอฺมินโดยเจตนา ถือเป็นอธรรมอันยิ่งใหญ่ ที่อัลกุรอานได้กล่าวในซูเราะห์อันนิสาอฺอายัตที่ 93 ความว่า
“ผู้ใดที่ฆ่ามุอฺมินเพียงคนเดียวโดยเจตนา การตอบแทนที่เขาจะได้รับคือนรกญะฮันนัม โดยเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล อัลลอฮฺ b ทรงกริ้วโกรธเขาและสาปแช่งเขา และได้ทรงเตรียมไว้สำหรับเขาซึ่งการลงโทษอันใหญ่หลวง”
อัลลอฮฺ ซบ. ได้สาธยายโทษของการฆ่ามุอฺมินโดยเจตนา โดยจะได้รับโทษ 5 ชนิดอันแสนสาหัสเพื่อยืนยันว่า ชีวิตของคนๆหนึ่งมีคุณค่าแค่ไหนในอิสลาม
รายงานโดยอุบาดะฮฺ บิน ศอมิต กล่าวว่า เราะซูลลุลลอฮฺ ซล. กล่าวความว่า
“ผู้ใดที่ฆ่ามุอฺมินคนเดียวและเขาภูมิใจในการฆ่านี้ อัลลอฮฺ ซบ. ไม่ตอบรับการงานของเขาทั้งที่เป็นการทำความดีทั้งหลายหรือชดเชยด้วยมูลค่ามากมายเท่าใดก็ตาม” (บันทึกโดยอบูดาวูด และอัลบานีย์ระบุเป็นหะดีษเศาะฮีหฺ)
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ยังมีรูปแบบการอธรรมมากมายที่พี่น้องควรศึกษาเพิ่มเติม
الله أكبرالله أكبرالله أكبرولله الحمد
พี่น้องชาวอีดิลฟิฏรีทั้งหลาย
การกระทำที่อธรรมเกิดขึ้นได้ในระดับครอบครัว โดยเฉพาะการกระทำความรุนแรงต่อสมาชิกในครอบครัว การละเลยและไม่มีความรับผิดชอบของพ่อแม่ที่จะดูแลและอบรมลูกๆอย่างใส่ใจและรู้เท่าทัน เราจึงเห็นลูกๆในปัจจุบันเติบโตท่ามกลางความละเลยของพ่อแม่ จนกระทั่งพ่อแม่บางคนไม่ทราบว่าลูกชายวัยรุ่นไปซิ่งรถกันที่ไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชุดเสื้อผ้าที่ลูกสาวสวมใส่ถูกต้องตามหลักศาสนาหรือไม่ เงินที่เรามอบให้ลูกทุกวัน ทุกอาทิตย์หรือทุกเดือนจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ถูกใช้เพื่อประโยชน์ของลูกอย่างแท้จริง ยังไม่รวมกับเรื่องการเรียนของลูกๆ คะแนนของลูกในแต่ละภาคเรียนเป็นอย่างไรบ้าง พึงทราบว่าการเพิกเฉยในสิ่งที่เรามีความสามารถ คือ การเห็นชอบและจะต้องถูกสอบสวนในวันอาคิเราะฮฺแน่นอน
นบี มูฮำหมัด ซล. กล่าวความว่า: “เป็นการเพียงพอแล้วสำหรับคนๆหนึ่งที่จะได้รับบาปด้วยการเป็นคนละเลยคนที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา” (บันทึกโดยอะหฺมัด 14/180, อบูดาวูด 1692)
เช่นเดียวกันกับอธรรมในระดับสังคม การเลือกตั้งคือสนามประลองการแข่งขันที่ไม่พ้นข้อครหาเรื่องคอร์รัปชั่นและซื้อตำแหน่ง ไม่ว่าด้วยวิธีไหนก็ตาม ทั้งๆที่เราได้ยินหะดีษนบี มูฮำหมัด ซล. ที่กล่าวความว่า:
“เมื่อใดที่กิจการทุกอย่างถูกมอบหมายไปยังคนที่ไม่เหมาะสม จงรอคอยความปั่นป่วนเถิด" (รายงานโดยอัลบุคอรีย์)
เป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันเราเป็นสังคมที่เต็มไปด้วยโรคร้าย ยาเสพติดเกลื่อนเมือง ค้าขายแม้กระทั่งมนุษย์ด้วยกันเอง กระบวนการค้ามนุษย์จึงระบาดในบางสังคมมุสลิมอย่างน่าตกใจ ยอมขายศักดิ์ศรีและศาสนาเพื่อแก้ปัญหาปากท้อง สาเหตุส่วนหนึ่งเพราะเราอธรรมเรื่องการแต่งตั้งผู้นำในทุกระดับนั่นเอง
แม้กระทั่งสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ แต่ดูเหมือนว่า ถูกเนรมิตให้กลายเป็นพื้นที่ที่มีงานรื่นเริง แหล่งทำอบายมุขทุกประเภทตลอดทั้งปีไปแล้ว บางกิจกรรม มุสลิมถูกเกณฑ์เข้าไปมีส่วนร่วม ทั้งๆ ที่หมิ่นเหม่กับการกระทำภาคีต่ออัลลอฮฺ ซบ. โดยเปิดเผย เสี่ยงที่จะได้รับการโกรธกริ้วของอัลลอฮฺ ซบ. ซึ่งในทัศนะของอิสลามแล้ว จะกลายเป็นต้นเหตุของภัยพิบัติต่างๆในสังคมเลยทีเดียว
หากเรามองสังคมในระดับประเทศ พบว่า เรายังเป็นสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน การปฏิรูปความเหลื่อมล้ำ คือหนทางหลักความปรองดองคนในชาติ ผู้คนจำนวนมากที่ยังจนเพราะโครงสร้างทางสังคมไม่เอื้อต่อคนจน ในการยกระดับคุณภาพชีวิตตนเอง เรายังเป็นสังคมที่รวยกระจุกจนกระจายอยู่ ดังนั้นการแก้ความเหลื่อมล้ำต้องแก้ไขที่โครงสร้างทางสังคม เช่น จัดระเบียบการจัดการทรัพยากร จัดระบบสวัสดิการการดูแลผู้คน ให้โอกาสทางการศึกษาและอาชีพอย่างเท่าเทียมกัน แม้กระทั่งการมีส่วนร่วมในการบริหารการปกครอง ก็ต้องใช้หลักยุติธรรมเป็นฐานสำคัญ การลดช่องว่างทางสังคมต้องเป็นเป้าหมายของการพัฒนาจากนี้ไป
الله أكبرالله أكبرالله أكبر ولله الحمد
พี่น้องชาวอีดิลฟิฏรีทั้งหลาย
เป็นที่น่าเสียดายที่สังคมในปัจจุบัน ยังเสน่หากับอธรรม ผู้ปกครองยังหวงแหนอำนาจและใช้อำนาจอย่างไร้ความยุติธรรม โดยเฉพาะในเวทีโลกปัจจุบันที่ผู้นำยังคงเหลิงกับอำนาจที่ได้มา ถึงแม้จะต้องแลกด้วยซากศพนับหมื่นนับแสน ตราบใดที่ยังสามารถเกาะเก้าอี้ได้อย่างเหนียวแน่น บ้านเมืองต้องพังพินาศย่อยยับก็ไม่สนใจดังที่เกิดขึ้นที่ซีเรียที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อสังเวยอำนาจผู้นำบ้าอำนาจไปแล้ว 300,000 กว่าศพ ผู้คนไร้ที่อยู่อาศัยมากกว่า10 ล้านคน บ้านเมืองกลายเป็นดินแดนมิคสัญญี แต่ก็ไม่ทำให้ผู้นำเผด็จการอย่างบัชชาร์ลดความบ้าระห่ำของตนเองได้เลย เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อียิปต์ที่ประชาชนต้องอยู่ภายใต้อำนาจเผด็จการ เยาวชนนับหมื่นถูกจับเข้าคุก ส่วนหนึ่งถูกตัดสินประหารชีวิตอย่างอธรรม การปฏิบัติตามหลักศาสนาถูกควบคุมอย่างเข้มงวด มีการบิดเบือนศาสนาและไส่ไคล้ศาสนาอิสลามว่าเป็นต้นเหตุของความรุนแรง จำกัดบทบาทมัสยิดให้เป็นสถานละหมาดอย่างเดียว ซึ่งการกระทำในลักษณะนี้คือ อธรรมอันใหญ่หลวง
อัลลอฮฺ ซบ. กล่าวว่า
ความว่า “และผู้ใดอีกเล่าที่จะอธรรมยิ่งไปกว่าผู้ที่สกัดกั้นการกล่าวพระนามของอัลลอฮฺในมัสยิดต่างๆของพระองค์ และพยายามทุกวิถีทางเพื่อทำลายมัสยิดเหล่านั้น” (อัลบากอเราะห์/114)
ปัจจุบันเข็มชี้วัดระหว่างความดีความชั่วได้ถูกบิดเบือนไปแล้ว ผู้ไล่ล่ากลายเป็นคนดีและน่าสงสาร ในขณะที่เหยื่อผู้ถูกล่ากลายเป็นผู้ก่อการร้ายและถูกรุมประณาม ดังที่เกิดเหตุการณ์ที่ฟิลัสฏีนที่ชาวฟิลัสฏีนถูกไล่ต้อนออกจากแผ่นดิน บ้านเกิดท่ามกลางระเบิดทำลายล้างและอาวุธสงคราม จนต้องอพยพหนีตายอาศัยอยู่ที่ค่ายอพยพอย่างถาวร เมื่อลุกขึ้นต่อสู้ทวงถามแผ่นดินของตนเองกลับถูกประชาคมโลกตีตราว่าเป็นอาชญากรสงคราม ในขณะที่อิสราเอลกลับได้รับการปกป้องและเห็นใจจากประชาคมโลก
เช่นเดียวกันกับโรฮิงญา ที่สังคมไทยในภาพรวมยังมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม ใส่ร้ายพวกเขาด้วยข้อกล่าวหาที่ปราศจากความยุติธรรม แต่กลับหลับตาและเพิกเฉยต่อการกระทำของผู้ไล่ฆ่าพวกเขาเหมือนสัตว์เดรัจฉาน เราไม่เคยตั้งคำถามรัฐบาลเมียนมาและองคาพยพของรัฐบาลนี้ว่า ทำไมถึงเกลียดชังและดำเนินมาตรการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา ทำไมต้องไปบิดเบือนและตัดตอนประวัติศาสตร์อันยาวนานเป็นพันๆ ปีของพวกเขา แล้วมาสรุปยอดเสมือนพวกเขาเพิ่งปรากฏตัวแค่ร้อยกว่าปีเอง แม้กระทั่งประชาคมอาเซียนและประชาคมโลกก็ยังอ่อนแอและยังไร้เดียงสาเกินไป ที่จะสร้างแรงกดดัน มิให้เมียนมากระทำต่อพี่น้องโรฮิงญาอย่างโหดเหี้ยมที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์นี้
และสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน คือการสร้างอธรรมในนามศาสนา ชีวิตมนุษย์กลายเป็นสิ่งไร้ค่าที่สุด นับเป็นความมืดในความมืดอันทับซ้อนที่โลกมุสลิมประสบอยู่ในปัจจุบัน ดังที่เกิดขึ้นที่ประเทศอิรัก ซีเรีย เยเมนและลิเบีย การกำเนิดของกองกำลังติดอาวุธ เข่นฆ่าพี่น้องมุสลิมด้วยกัน จะไม่เป็นผลดีและไม่ก่อประโยชน์ใดๆ แก่ประชาชาตินี้ ยกเว้นจะเป็นการสร้างบาดแผลใหม่เและหลั่งเลือดที่ไหลทะลักออกจากเรือนร่างเดียวกันที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น ถึงแม้จะอ้างคำสอนศาสนา หรือเป็นการปูทางให้เกิดรัฐอิสลามในอุดมคติก็ตาม
หากรัฐอิสลามยุคนบี มูฮำหมัด ซล. และเศาะฮาบะฮฺเผยแพร่อิสลาม เหมือนกับการเผยแพร่ของกลุ่มติดอาวุธบางกลุ่มที่แอบอ้างความชอบธรรมในปัจจุบันแล้ว อิสลามคงถูกกลบนิ่งในทะเลทรายของคาบสมุทรอาหรับ และไม่มีทางเผยแพร่ไปทั่วทุกมุมโลกเช่นปัจจุบันแน่นอน
الله أكبرالله أكبر الله أكبر ولله الحمد
พี่น้องชาวอีดิลฟิฏรีทั้งหลาย
อิดิลฟิฏรีในครั้งนี้จึงน่าเป็นโอกาสที่ดีให้เราทุกคนตื่นตัวและรู้ถึงภัยอันตรายของอธรรม เพราะอธรรมคือมะเร็งร้ายที่พร้อมแสดงอาการเมื่อถึงเวลาที่กำหนด การสร้างความยุติธรรมคือการตัดมะเร็งร้ายมิให้สร้างอันตรายแก่สังคมโลกและเป็นการสร้างสังคมสันติสุขอย่างถาวร
อัลลอฮฺ ซบ. กล่าวว่า
ความว่า “และบรรดาผู้อธรรมจะได้รู้ว่า ทางกลับอันใดที่พวกเขาจะกลับคืนสู่” (อัชชูอารออฺ/227)
الله أكبر،الله أكبر،الله أكبر ولله الحمد.
بَارَكَ اللهُ لِيْ وَلَكُمْ فِي الْقُرْآنِ الْعَظِيْمِ، وَنَفَعَنِيْ وَإِيَّاكُمْ بِمَا فِيْهِ مِنَ الآيَاتِ وَالذِّكْرِ الْحَكِيْمِ، وَتَقَبَّلَ مِنِّي وَمِنْكُمْ تِلاَوَتَهُ، إِنَّهُ هُوَ السَّمِيْعُ الْعَلِيْمِ. وَأَسْتَغْفِرُ اللهَ لِيْ وَلَكُمْ وَلِسَائِرِ الْمُسْلِمِيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ وَالْمُؤْمِنِيْنَ وَالْمُؤْمِنَاتِ فَاسْتَغْفِرُوهُ، إِنَّهُ هُوَ الْغَفُوْرُ الرَّحِيْمُ
(คุตบะฮฺ สอง)
اللهُ أَكْبَرُ (7 ครั้ง)، اللهُ أَكْبَرُ كَبِيْرًا وَالحَمْدُ للهِ كَثِيْرًا، وَسُبْحَانَ اللهِ بُكْرَةً وَأَصِيْلاً الْحَمْدُ للهِ الَّذِي نَزَّلَ الْفُرْقَانَ عَلَى عَبْدِهِ لِيَكُونَ لِلْعَالَمِينَ نَذِيرًا، وَجَعَلَهُ يَهْدِي لِلَّتِى هِيَ أَقْوَمُ. وَأَشْهَدُ أَنْ لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللهُ وَحْدَهُ لا شريك له. وَأَشْهَدُ أَنَّ مُحَمَّداً عَبْدُهُ وَرَسُوْلُهُ. اللهُمَّ صَلِّ وَسَلِّمْ وَبَارِكْ عَلَى نَبِيِّنَا مُحَمَّدٍ وَعَلَى آلِهِ وَصَحْبِهِ وَمَنْ وَالاَهُ.
أَمَّا بَعْدُ، فَيَا أَيُّهَا الْمُسْلِمُوْنَ اتَّقُوا اللهَ عَزَّ وَجَلَّ وَاعْلَمُوْا أَنَّ اللهَ يُحِبُّ الَّذِيْنَ اتَّقَوْا وَالَّذِيْنَ هُمْ مُحْسِنُوْنَ.
พี่น้องชาวอิดิลฟิฏรีทั้งหลาย
อธรรมคือความมืดมิดในวันกิยามะฮ์ ผู้อธรรมถึงแม้จะมีอำนาจล้นฟ้าแค่ไหน สักวันอำนาจเหล่านี้ก็จะเสื่อมสลายไป นี่คือสัจธรรมของโลกนี้
พี่น้องลองไตร่ตรองดูว่า นัมรูด จอมราชันย์ยุคนบีอิบรอฮีม โดนยุงเข้าไปในรูหูจนทะลุเข้าไปในสมองดิ้นตายอย่างทรมาน กอรูน ผู้มีทรัพย์สินมากมายถูกธรณีสูบ ฟิรเอาวน์ ผู้ตั้งตนเองเป็นพระเจ้า มีอำนาจล้นฟ้าสุดท้ายจมน้ำตาย อะบูญะฮัล ฉายาฟิรเอาวน์ของประชาชาตินี้ตายในสมรภูมิสงครามด้วยฝีมือของเด็กหนุ่ม ฮิตเลอร์เกิดอาการหลอนทางประสาทและฆ่าตัวตาย มุศตอฟาคะมาลอะตาร์เตอร์ก ตายด้วยพิษมดแดง เอเรียลชารอน อดีตนายกรัฐมนตรีอิสราเอลจอมกระหายเลือด ตายอย่างทรมานหลังจากสลบอยู่บนเตียงนานกว่า 8 ปี
หากเราศึกษาอย่างละเอียดแล้วเราจะพบว่า ไม่มีผู้อธรรมคนไหนในโลกนี้ที่มีบั้นปลายชีวิตที่น่ายกย่องสรรเสริญแม้แต่คนเดียว
อัลลอฮฺ ซบ. กล่าวว่า
ความว่า “ดังนั้น เจ้าจงพิจารณาดูเถิดว่า บั้นปลายของพวกอธรรมเป็นเช่นไร” (อัล-เกาะศ็อศ/40)
อัลลอฮฺ ซบ. จะประวิงเวลาให้ผู้อธรรมกระทำตามอำเภอใจ จนทำให้เขาตายใจว่า ไม่มีผู้ใดทำอะไรเขาได้เลย แต่พระองค์จะไม่เพิกเฉยกับการกระทำของเขาอย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลาแห่งการสำเร็จโทษ พระองค์จะลงโทษอย่างแสนสาหัส บรรดาผู้อธรรมจะต้องลิ้มรสชาติของการอธรรมทุกอย่างที่เขาปฏิบัติ ดุอาอฺของคนถูกอธรรมจะถูกตอบรับจากอัลลอฮฺ ซบ. ทันทีโดยไม่มีสิ่งกีดกั้นใดๆ
นบีมูฮำหมัด ซล. ได้สัญญาว่า บาปทุกอย่างอัลลอฮฺ ซบ. อาจประวิงเวลาลงโทษในวันอาคีเราะห์ ยกเว้นบาป 2 อย่าง คือ อธรรมและเนรคุณต่อพ่อแม่ ซึ่งอัลลอฮฺ ซบ. จะลงโทษให้เป็นที่ประจักษ์บนโลกนี้เลย
บ้านเมืองหรือประเทศชาติ ถึงแม้จะมีความเจริญสูงสุดเพียงใดก็ตาม แต่หากความเจริญเหล่านี้ ตั้งอยู่บนขั้นบันไดที่มีอธรรมเป็นฐาน สักวันก็จะล่มจมแน่นอน
ในปัจจุบันประเทศมหาอำนาจต้องประสบกับเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ บริษัทยักษ์ใหญ่ต้องปิดตัวล้มลงอย่างไม่เป็นท่า ถึงแม้จะไปปล้นสะดมกอบโกยทรัพยากรจากประเทศอื่นมากมายก็ตาม แต่ทุกอย่างก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงคำบัญชาของอัลลอฮฺ ซบ. ได้
อัลลอฮฺ ซบ. กล่าวว่า
ความว่า “แท้จริงบรรดาผู้อธรรมนั้นจะไม่ได้รับความสำเร็จ” (อัลอันอาม/21)
ความอยุติธรรมถึงแม้จะยืดเยื้อยาวนานแค่ไหนก็ย่อมต้องมีจุดจบ ค่ำคืนแห่งอธรรมจะต้องมีรุ่งอรุณความยุติธรรมและแห่งชัยชนะเสมอ
อัลลอฮฺ ซบ. ได้กล่าวแก่บรรดาผู้ถูกอธรรม หลังจากที่เขาร้องเรียนต่อพระองค์ว่า
وَعِزَّتِي وَجَلَالِي لَأَنْصُرَنَّكِ وَلَوْ بَعْدَ حِينٍ
ความว่า “ด้วยเกียรติและความยิ่งใหญ่ของข้า แน่นอนข้าจะต้องให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าถึงแม้จะนานแค่ไหนก็ตาม” (บันทึกโดยอัฏเฏาะบะรอนีย์ ดู เศาะฮีหฺ อัลญามิอฺ เลขที่ 117)
จงฟังกุรอานที่กล่าวว่า
ความว่า “และเมืองเหล่านั้น เราได้ทำลายพวกเขาเมื่อพวกเขา อยุติธรรม และเราได้กำหนดเวลาสำหรับความพินาศของพวกเขาไว้แล้ว” (อัลกะฮ์ฟี/59)
พี่น้องชาวอีดิลฟิฏรีทั้งหลาย
ณ มิมบัรแห่งนี้ จึงขอเชิญชวนและเรียกร้องทุกท่านให้หันกลับสู่อัลลอฮฺ ซบ. ยึดมั่นในศาสนาอิสลามที่แท้จริง ปฏิบัติตามซุนนะฮ์ในทุกการกระทำของเรา ละเลิกการอธรรมทุกประเภท ไม่ว่าในระดับครอบครัว ชุมชน หมู่บ้าน ระดับประเทศหรือนานาชาติ แต่ละฝ่ายต้องให้ความสำคัญกับหลักยุติธรรมให้เป็นแกนหลักในการพัฒนาบ้านเมืองและสังคม
ขอให้พี่น้องให้อภัยซึ่งกันและกัน และตระหนักให้ดีว่า1 เดือนที่เราถือศีลอด เราสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างไรบ้าง อะไรบ้างคือตัวชี้วัดว่าเรามีตักวาที่เพิ่มขึ้น อย่าให้รอมฏอนเป็นเพียงเทศกาลอดอาหารประจำปีที่ไม่มีผลใดๆต่อการเปลี่ยนแปลงตัวเองและสังคมเลย
พึงทราบว่า ส่วนหนึ่งของสัญญานที่อะมั้ลของเราจะถูกตอบรับหรือไม่นั้น คือการที่เราสามารถรักษาความต่อเนื่องของความดีที่เรากระทำ ด้วยเหตุนี้บรรดาชาว สะลัฟจะพิถีพิถันและมีกังวลใจเรื่องการตอบรับของอะมั้ลเป็นอย่างยิ่ง เพราะอัลลอฮฺ ซบ. กล่าวว่า
ความว่า “แท้จริงอัลลอฮฺจะทรงรับจากหมู่ผู้มีความยำเกรงเท่านั้น” (อัลมาอิดะฮ์/27)
พี่น้องชาวอีดิลฟิฏรีทั้งหลาย
ภารกิจของผู้ก่อการดียังไม่สิ้นสุด ความดีงามจะไม่ปิดฉาก ถึงแม้รอมฏอนจะปิดฉากไปแล้วก็ตาม ชัยฏอนจะหวนกลับมาหลอกลวงเราด้วยความขยันขันแข็งอีกครั้ง ดังนั้นเราอย่าตกหลุมพรางชัยฏอน เผื่อว่าชีวิตเราจะประสบผลสำเร็จทั้งดุนยาและอาคีเราะห์ อามีน ยา ร็อบบัล อาละมีน
إِنَّ اللهَ وَمَلاَئِكَتَهُ يُصَلُّوْنَ عَلَى النَّبِيِّ، يَا أَيُّهَا الَّذِيْنَ آمَنُوْا صَلُّوْا عَلَيْهِ وَسَلِّمُوْا تَسْلِيْمًا. اللَّهُمَّ صَلِّ وَسَلِّمْ وَبَارِكْ عَلَى عَبْدِكَ وَرَسُوْلِكَ مُحَمَّدٍ وَعَلَى آلِهِ وَصَحْبِهِ.
اللَّهُمَّ تَقَبَّلْ مِنَّا صِيَامَنَا وَصَلاَتَنَا وَقِيَامَنَا وَتِلاَوَتَنَا وَصَدَقَاتِنَا، اَللَّهُمَّ إِنَّا نَسْأَلُكَ عَمَلاً صَالِحاً يُقَرِّبُنَا إِلَيْكَ. اللَّهُمَّ اغْفِرْ لِلْمُسْلِمِيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ وَالْمُؤْمِنِيْنَ وَالْمُؤْمِنَاتِ الأَحْيَاءِ مِنْهُمْ وَالأَمْوَاتِ. اللَّهُمَّ أَعِزَّ الإِسْلاَمَ وَالْمُسْلِمِيْنَ، وَأَذِلَّ الشِّرْكَ وَالْمُشْرِكِيْنَ، وَدَمِّرْ أَعْدَاءَ الدِّيْنِ. اَللَّهُمَّ يَا عَزِيْز ، يَا قَهَّار، يَا جّبَّار عَلَيْكَ بِالْيَهُوْدِ الظَّالِمِيْنَ الْمُعْتَدِيْنَ عَلَى الْمُسْلِمِيْنَ فِىْ غَزَّة بِعِزَّتِكَ وَقُوَّتِكَ وَخُذْهُمْ أَخْذَ عَزِيْزٍ مُقْتَدِر. اَللَّهُمَّ انْصُرْنَا وَانْصُرِ المُسْلِمِينَ الَّذِيْنَ يُجَاهِدُوْنَ فىِ سَبِيْلِكَ فِى كُلِّ مَكَانٍ ، وَلاَ سِيَّمَا فِي غَزَّة بِفَلَسْطِيْن وَسُورِيَا وَالْعِرَاق. اَللَّهُمَّ إِنَّا نَجْعَلُكَ فِى نُحُوْرِ مَنْ عَادَانَا وَنَعُوْذُ بِكَ مِنْ شُرُوْرِهِمْ. اَللَّهُمَّ اشْفِ مَرْضَانَا وَارْحَمْ مَوْتَانَا وَانْقِذْ مُسْتَضْعَفِيْنَا وَلاَ سِيَّمَا فِى غَزَّةَ وَسُوْرِيَا وَالْعِرَاق وَرُوْهِنْجَا. اَللَّهُمَّ اجْعَلْنَا جَمِيْعًا مِنَ المُؤْمِنِيْنَ الصَّابِرِيْنَ الصَّادِقِيْنَ الْقَانِتِيْنَ المُتَّقِيْنَ الصَّالِحِيْنَ وَاجْعَلْنَا هَادِيْنَ مُهْتَدِيْنَ غَيْرَ الضَّالِّيْنَ وَلاَ مُضِلِّيْنِ، سِلْمًا لأَوْلِيَائِكِ وَحَرْبًا لأَعْدَائِكَ، نُحِبُّ بِحُبِّكَ مَنْ أَحَبَّكَ وَنُعَادِي بِعَدَاوَتِكَ مَنْ خَالَفَكَ. اللهم اهْدِنَا وَاهْدِ شَبَابَنَا إِلَى صِرَاطِكَ الْمُسْتَقِيْم وَأَصْلِحْ أَحْوَالَهمُ وَأَخْلاَقَهُمْ وَ أَعْمَالَهُمْ، وَبَاعِدْهُمْ مِنَ الْفَوَاحِشَ مَا ظَهَرَ مِنْهَا وَمَا بَطَنَ. رَبَّنَا هَبْ لَنَا مِنْ أَزْوَاجِنَا وَذُرِّيَّاتِنَا قُرَّةَ أَعْيُنٍ وَاجْعَلْنَا لِلْمُتَّقِيْنَ إِمَامًا. رَبَّنَا ظَلَمْنَا أَنْفُسَنَا وَإِنْ لَمْ تَغْفِرْ لَنَا وَتَرْحَمْنَا لَنَكُوْنَنَّ مِنَ الْخَاسِرِيْنَ. رَبَّنَا آتِنَا فِيْ الدُّنْيَا حَسَنَةً وَفِيْ الآخِرَةِ حَسَنَةً وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ. سُبْحَانَ رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَةِ عَمَّا يَصِفُوْنَ وَسَلاَمٌ عَلَى الْمُرْسَلِيْنَ وَالْحَمْدُ للهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ.
والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته.
หมายเหตุ
สามารถอ่านฉบับสมบูรณ์ตามไฟล์ที่แนบไว้