อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตากรุณาเสมอขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนทูตมุฮัมมัดและผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีแด่ผู้อ่านทุกท่าน
เมื่อเวลา 11.15 น. วันพฤหัสที่ 14 มกราคม 2559 เกิดเหตุระเบิดและกราดยิง กลางกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ทางการอินโดนีเซียยืนยันว่า กลุ่มไอเอส (อ่านรายละเอียดกลุ่มไอเอสได้ที่http://www.deepsouthwatch.org/node/6877) มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดกลางกรุงจาการ์ตา ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บครั้งนี้
ด้านนายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซียออกมาประณามการโจมตีครั้งนี้แล้ว พร้อมขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ อย่าตื่นตะหนกกับเหตุการณ์ดังกล่าว ในขณะที่สมาพันธ์นักปราชญ์มุสลิมนานาชาติ (IUMS)ได้ออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์ทำนองนี้ว่าผิดหลักการอิสลามและย้ำเตือนว่าการใช้ความรุนแรงอ้างในนามศาสนาไม่ใช่ทางออกแต่กลับไปเข้าทางศัตรูอิสลามและเรียกร้องให้ทุกท่านใช้สติในการแก้ปัญหาด้วยใช้หลักการอิสลามสายกลางและคืนกระบวนการยุติธรรมสู่สังคมอันจะเป็นปัจจัยสู่สันติภาพ
สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงจาการ์ตาเปิดเผยว่า เบื้องต้นยังไม่มีรายงานว่า มีคนไทยเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ กลุ่มไอเอส เองออกมายอมรับความผิดชอบซึ่งสอดคล้องกับข่าวทุกสำนักข่าว มันสะท้อนแนวคิดสุดโต่งนำโดยไอเอสที่อาจจะขยายกว้างในประเทศอาเซียนอื่นๆ ด้วย
ดังนั้นประสบการณ์จากสงครามที่ซีเรียและอิรัค ควรได้รับการถอดบทเรียนเพื่อนำมาแก้ปัญหาผ่านหลักวิชาการอิสลามสายกลางและวิธีทางการเมืองควบคู่กันไป
อย่าลืมว่าอินโดนีเซียและ มาเลเซียเองถึงแม้เป็นประเทศมุสลิมแต่เป็นรัฐเซคคิวลาร์มิได้นำหลักกฎหมายอิสลามมาใช้ในประเทศตัวเองอย่างสมบูรณ์ อาจเป็นปัจจัยหลักให้วัยรุ่นที่ต้องการสร้างรัฐทางอุดมคติให้ได้อย่างรวดเร็ว มิได้ใช้แนวคิดประชาธิปไตยในการนำเสนอพรรคการเมืองนิยมอิสลามเช่นพรรคยุติธรรมในอินโดนีเซีย และพรรคพาส (Party of Islam)เพราะไอเอสอาจมองว่าการใช้วิธีการนี้ช้า ไม่ประสบความสำเร็จหรือหากประสบความสำเร็จอาจถูกแทรกแซงจากตะวันตก ไม่ว่าที่ อัลจีเรีย หรืออียิปต์ ในขณะที่คนมาเลเซีย และอินโดนีเซียได้เคยออกรบที่อัฟกานีสถานหรือเข้ากลุ่มไอเอสที่ซีเรีย
สำหรับชายแดนใต้การแก้ปัญหาจากรัฐตลอด 12 ปียังไม่ประสบความสำเร็จเชิงประจักษ์ไอเอสอาจออกร่วมรบกับกลุ่มวัยรุ่น ที่เข้าร่วมขบวนการ เพราะเป้าหมายหลักการเคลื่อนไหวครั้งนี้คือการสร้างรัฐที่ใช้กฎหมายอิสลามในโลกนูซันตาราหลังญามาอะห์อิสลามียะห์เคยปฏิบัติการแต่ไม่ประสบความสำเร็จแต่ไม่ใช่กระต่ายตื่นตูมส่งหน่วยความมั่นคงไปเอาข้อมูลครูสอนภาษาอังกฤษ ภาษาอินโดนีเซียชาวอินโดนีเซียที่โรงเรียนต่างๆที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เมื่อ 20 มกราคม 2559 ทั้งๆที่เขาหมายถึงสถาบันการศึกษาอินโดนีเซีย สมาคมอดีตศิษย์เก่านักเรียนอินโดนีเซีย ทำMOU ร่วมกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ สำนักงานกรรมการอิสลาม มีการรายงานผ่านสำนักงานการศึกษาเอกชน โดยเฉพาะที่อำเภอจะนะ (ผู้เขียนเข้าร่วมประชุมด้วยที่ที่ว่าการอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลาแต่ดีที่นายอำเภอจะนะเข้าใจเชิญผู้บริหาร หน่วยงานรัฐ การศึกษา เจ้าของโรงเรียน นายกสมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดสงขลา รวมทั้งครูทำความเข้าใจ)
สิงคโปร์เองที่เป็นสังคมพหุสังคมสูงแต่อยู่ภายใต้คนจีนในขณะมุสลิมถูกลดบทบาทหรือเกือบไม่มีบทบาทในทางการเมือง
ข้อเสนอแนะผู้เขียนต่อ สถาบันอิสลามทั้งที่ดูแลชุมชนมุสลิมและสถาบันการสอนอิสลามสายกลางรวมทั้งปราชญ์อิสลามศึกษาในประเทศเหล่านี้ต้องทำงานเชิงรุกในชุมชนและสถาบันการศึกษาเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวรวมทั้งสร้างเครือข่ายสถาบันอิสลามสายกลางระดับอาเซียน ในขณะที่ประชาสังคมชายแดนใต้และอาเซียนต้องรีบทำงานหนักขึ้นในการใช้สันติวิธีในการหนุนเสริมกระบวนการสันติภาพรวมทั้งต้องสามารถเชื่อมกับประชาชน อีกทั้งรัฐและสถาบันอิสลามสายกลางหรือผู้เห็นต่างทั้งในประเทศและต่างประเทศ
มิฉะนั้นแนวคิดสุดโต่ง ความรุนแรงหรือสงครามกลางเมืองระดับอาเซียนอาจได้เห็นรวมทั้งการแก้ปัญหาชายแดนใต้อยากขึ้นหลายเท่าตัวแต่ก็ควรระวังผู้ฉวยโอกาสในอุตสาหกรรมความมั่นคงที่มีงบประมาณนับแสนล้านสร้างผลประโยชน์ต่อตัวเองและพวกพ้องทั้งในและต่างประเทศโดยเฉพาะมหาอำนาจต่างๆเพราะอาเซียนคือภูมิรัฐศาสตร์โลก
