เหตุการณ์วันนี้ ที่ชายแดนใต้
คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงราษฎรไทยพุทธเสียชีวิตและเผา 1 ราย ขณะกรีดยางพารา ทราบชื่อ นายฉัตรชัย แซ่ทอง อายุ 55 ปี ที่อยู่ 55 ม.5 ต.บาโระ อ.ยะหา จ.ยะลา เหตุเกิด ม.5 ต.บาโระ อ.ยะหา จ.ยะลา
พบศพราษฎรชายเสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อ อส.ทพ.อานัส ดามูซอ อายุ 26 ปี สังกัด ฉก.ทพ.41 (ทำงานด้านการข่าว) นอนเสียชีวิตอยู่ริมเชิงเขาในป่ารกข้างทาง สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ลำตัวหลายนัด ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุน 7.62 จำนวน 7 ปลอก สถานที่เกิดเหตุ ถนนสายเปาะยานิ-เจาะบองอ หมู่ที่ 3 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา
คนร้ายไม่ทราบชื่อและจำนวนลอบยิ่งเจ้าหน้าที่ไฟฟ้า ทราบชื่อ นายสุทัศน์ ไกรวรรณ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ในพื้นที่ ม.2 บ้านบาซาเวาะเซ็ง ต.ปิตูมุดี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง พ.ต.อ.องอาจ ทองมา อายุ 82 ปี (ข้าราชการ ตร.เกษียณ อดีต ผกก.ยะรัง) ที่อยู่ 15/12 ม.3 ต./อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เสียชีวิตและเผา ขณะปั่นจักรยานออกกำลังกาย
เหตุร้ายรายวั้น ที่มีได้ในหลายๆ พื้นที่ ของประเทศไทย [แต่] เหตุร้ายรายวัน ที่นี้ มีได้ไม่เหมือนใคร เกิดเหตุใหญ่ ๔ รายใน ๑ วัน
เวลาเช้า มียิง แล้วยังเผา
เกิดความเศร้า ในพื้นที่อีกหลายหน
ออกกรีดยาง ตามวิถี ของคนจน
ก็ยังโดน แอบยิง เผาทิ้งไป
สายลงหน่อย ยังมีศพ ให้พบเห็น
ชีวิตเป็น เช่นไร ใคร่จะรู้
เป็นทหาร ชุดดำ คงได้ดู
เท่าที่รู้ ถูกยิง ทิ้งข้างทาง
เวลาเที่ยง ยังมียิงคนไฟฟ้า
ความเป็นมา อย่างไร ไม่ต้องสน
เห็นเป็นยิง ยิง ยิงอย่างแยบยล
เกิดเป็นคน ในพื้นที่ มีแต่ภัย
ตกตอนเย็น ยังคงยิง และมีเผา
คนแก่เฒ่า ออกกำลัง ตามวิถี
ใครจะรู้ ว่าชีวิต จักไม่มี
ขี่จักรยาน ดีดี มาถูกยิง
ชีวิตของคนชายแดนใต้ มันมีอะไรที่จะต้องเข้าใจอีกเยอะแยะมากมาย วิถีข้างกายของเรา เริ่มหายไปจากพื้นที่ ความเป็นจริงที่ถูกปฏิเสธ กองขยะที่ทับถมลงมา เราค่อยๆ กวาดมัน ซุกไว้ในผืนเสื่อ เพื่อไม่ให้ใครเห็น ปกปิดไม่ให้ใครรู้
วิถีของความเป็นพุทธ วิถีของความเป็นมุสลิมในพื้นที่ มันเกาะเกี่ยวถักทอกันเป็นอย่างดีมาโดยตลอด อะไรทำให้สิ่งเหล่านี้หายไป
วิถีของความเป็นคนพุทธ ที่ยึดแน่นกับความเป็นรัฐ จนแกะไม่ออก เริ่มเป็นสิ่งยุ่งยากต่อการจัดการตนเอง ความยึดติดจนแน่นเกินไป ทำให้เราผูกยึดวิถีชีวิตไว้กับรัฐ จนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แน่นจนต้องโอนอ่อนตามแรงลมที่พัดกระโชกอย่างหน้ากลัว
ความเป็นวิถีแห่งมุสลิม ที่ติดแน่นกับศาสนา ซึ่งก็ไม่ใช้เรื่องผิดอะไรที่ผู้คนจะมี หากแต่มันแน่นจนกลายเป็นกำแพง เป็นกรอบแห่งตน จนผู้อื่นไม่สามารถจะมองเห็นได้ ยากต่อความเข้าใจ
หากแม้น ทั้ง ๒ วิถี ที่ยึดแต่วิถีแห่งตนไว้อย่างเหนียวแน่นแล้ว คงจะเป็นการยาก ที่จะหันเข้าสู่ความเป็นวิถีสากล ที่จำเป็นต้องมี
อาจจะเป็นไปได้ อาจจะไม่แน่ อาจจะเป็นจริง หากสิ่งเหล่านี้ ถึงยุคการล้มสลาย วิถีใหม่ที่นับถือเหตุ และผล นับถือความเป็นตัวตน แห่งตน อาจจะเกิดขึ้นมาทดแทน ก็เป็นไป
เพียงแค่แนวคิด ความรู้สึก ที่ต้องการสื่อให้เพื่อนๆ ได้รับรู้