แถลงการณ์ crcf กรณีเจาะไอร้อง- นำคนผิดมาลงโทษ ไม่ซ้อมทรมาน
เผยแพร่วันที่ 16 มีนาคม 2559
แถลงการณ์มูลนิธิผสานวัฒนธรรม
การยึดโรงพยาบาลเจาะไอร้องละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและประเพณีปฏิบัติด้านมนุษยธรรม ขอให้นำคนผิดมาลงโทษแต่ต้องปฏิบัติต่อผู้ต้องสงสัยอย่างเป็นธรรม ไม่ซ้อมทรมาน
จากเหตุการณ์เข้ายึดโรงพยาบาลเจาะไอร้องโดยกลุ่มกองกำลังไม่ทราบฝ่ายเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2559 จากข้อเท็จจริงเพิ่มขึ้นที่เผยแพร่ว่ามีภาพของกลุ่มบุคคลจำนวนมากกว่า 20 คนใช้อาวุธสงครามจำนวนมากมีลักษณะเป็นการปฏิบัติการทางทหารของกองกำลังไม่ทราบฝ่าย มีการกระจายกำลังเข้าควบคุมโรงพยาบาล ก่อนใช้อาวุธปืนสงครามหลายชนิดโจมตีกองร้อยทหารพรานที่ 4816 โดยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) มีหลักฐานว่ามีปลอกกระสุนชนิดต่างๆ อาทิ M60 และปืนอาก้ากว่า 2,000 ปลอก การกระทำดังกล่าวระบุว่าเพื่อโจมตีฐานกำลังทหารพรานที่อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลสาธารณะ การกระทำดังกล่าวเป็นละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและประเพณีปฏิบัติด้านมนุษยธรรมอย่างโจ่งแจ้ง หากเป็นการพิจารณาตามกรอบกฎหมายอาญาระหว่างประเทศ (Rome Status) การกระทำในลักษณะนี้เข้าข่ายเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ซึ่งเป็นอาชญกรรมที่ร้ายแรง
มูลนิธิผสานวัฒนธรรมมีความเห็นต่อเหตุการณ์ดังกล่าวดังนี้
1. โรงพยาบาล หน่วยพยาบาลต้องได้รับการเคารพและคุ้มครองจากทุกฝ่าย ไม่ว่าฝ่ายใด จะโจมตี ขัดขวางการปฏิบัติงานด้านการแพทย์ หรือโจมตีหน่วยงานด้านการแพทย์ หรือใช่หน่วยงานด้านการแพทย์เป็นฐานในการโจมตี หรือดำเนินการเพื่อให้เกิดการได้เปรียบในการรบมิได้ การละเมิดกฎเกณฑ์ดังกล่าว เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ไม่ว่าจะทำด้วยเหตุผลหรือข้ออ้างใดๆก็ตาม เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
2. ขอประณามและเรียกร้องให้สังคมช่วยกันประณาม การที่กองกำลังติดอาวุธได้ใช้โรงพยาบาลเจาะไอร้องเป็นฐานหรือเกราะกำบังในการเข้าโจมตีเจ้าหน้าที่ และขอให้ฝ่ายที่ปฏิบัติการดังกล่าวประกาศตัวรับผิดชอบ ขอโทษต่อบุคคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วยในโรงพยาบาลดังกล่าว และต่อสาธารณะชน และต้องแสดงให้เห็นว่าผู้ที่กระทำผิดของตน โดยเฉพาะระดับบังคับบัญชาต้องรับโทษ ทั้งจะต้องประกาศว่าจะไม่ก่อให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
3. แม้ว่าจะเป็นอาชญกรรมที่ร้ายแรงก็ขอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่รับผิดชอบยังคงดำเนินการติดตามจับกุมและดำเนินคดีต่อกลุ่มบุคคลดังกล่าวตามกรอบของกฎหมาย ห้ามไม่ให้มีการทรมานและปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรมซึ่งก็จะกลายเป็นละเมิดกฎหมายด้วยเช่นกัน โดยขอเรียกร้องให้ประชาชน ช่วยกันดูแลสอดส่อง บุคคลใดก็ตาม ที่ได้กระทำการอันมีลักษณะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ เพื่อเป็นข้อมูลในการนำตัวผู้กระทำผิด รวมทั้งบุคคลที่รับผิดชอบในระดับผู้บังคับบัญชา มาดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ทั้งในระดับชาติหรือในระดับสากลต่อไป
4. ประชาชน โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่างรู้สึกเบื่อหน่ายต่อการใช้ความรุนแรงต่อกันของฝ่ายต่างๆ เนื่องจากประชาชน ไม่ว่าจะมีเชื้อชาติ ศาสนา หรือหรือความคิดเห็นหรือความเชื่อทางการเมืองหรืออื่นใดก็ตาม ล้วนเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติการทางอาวุธโดยตรงมาเป็นระยะเวลา 12 ปีแล้ว จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่ขัดแย้งและใช้ความรุนแรงต่อกันยุติความรุนแรงและเจรจากันเพื่อสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป
ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติม พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ Tel. 02-6934939