ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ "เจาะไอร้อง" วันที่ 13 มีนาคม 2559 ผมเองก็ไม่กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นอะไรมากมายนัก ถึงแม้ วันที่ 14 มีนาคม จะมีการลงพื้นที่แถวๆ นั้นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้พูดคุยกับชาวบ้านในเรื่องเหล่านี้ ด้วยกลัวว่ามันจะมีผลกับความรู้สึกของพี่น้องคนพุทธในพื้นที่ ถึงการจะอยู่กันอย่างไรดี หรืออาจจะมีประเด็นให้ต้องคิดตามมาก็ตาม (ต่อไปไม่แน่นะครับ 13 มี.ค. นอกจากจะเป็นวันสถาปนา แล้วมันอาจจะเป็นวันสำคัญของเจาะไอร้อง หรือโรงพยาบาลเจาะไอร้อง ทางความรู้สึก ก็เป็นได้)
การติดตามอ่านทางสื่อต่างๆ ทั้งในเฟสบุ๊ค หรือสื่อออนไลน์ต่างๆ ก็ช่วยเพิ่มพูนแนวคิดอยู่บ้าง ถึงแม้สื่อบางสื่ออาจจะโดนต่อว่าจากรัฐ หรือจากผู้คนเยอะแยะก็ตาม แต่โดยส่วนตัวคิดว่า มนุษย์แตกต่างจาก สัตว์ ตรงที่มีการคิดวิเคราะห์ก่อนการพิพากษา นั้นเอง
ผมมาสะดุดกับบทสัมภาษณ์ของข่าว 3 มิติ ที่มีต่อนายอาบูฮาเฟซ อัล ฮากิม หนึ่งในสมาชิกกลุ่มมารา มันเป็นสิ่งที่ผมเองเฝ้ารอคำตอบจากในเรื่องนี้มาเกือบปีทีเดียวครับ
หลายท่านอาจจะงง คำตอบอะไร คำตอบที่ผมคิดมาโดยตลอด คือ การออกมายอมรับ หรือปฏิเสธ จากองค์กรนี้ มันจะช่วยให้การพูดคุยระหว่างรัฐไทย กับมารา ปาตานี อาจจะคลายปมจากความอึดอัดใจของคนในพื้นที่ลงได้บ้าง ถึงแม้อาจจะมีบางเสียง บางกลุ่มจะคิดว่า เป็นคำแก้ตัว ก็ตามที่
อย่างน้อยๆ แล้วการออกมาปฏิเสธของ มารา ปาตานี มันก็ทำให้เราเห็นว่า การพูดคุยสันติสุข มันยังพอมีที่ว่างให้เราเดินต่อไปได้บ้าง แม้มันจะโดนขัดขวางจากใครที่เราไม่สามารถออกมาพูดได้ก็ตาม
ครั้งหนึ่ง ผมเองมีโอกาสออกจากบ้าน ไปจิบน้ำชา กับผู้หลักผู้ใหญ่ ที่อยู่นอกรั้วบ้านอยู่บ้าง และก็มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้บ้างเช่นกัน
ผมเคยถามไปซะด้วยซ้ำว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการออกมาพูดถึง ยอมรับ หรือปฏิเสธในเหตุการณ์แต่ละเหตุ ว่าทำ หรือไม่ได้ทำ และประเด็นเหล่านี้ มันก็อยู่ในใจตลอดมา
ด้วยคิดว่า อย่างน้อยๆ การออกมายอมรับ หรือปฏิเสธ มันช่วยให้บรรยากาศของการแสวงหาสันติสุข มันชัดเจนยิ่งขึ้น ก็ต้องขอบคุณ สื่อข่าว 3 มิติ ที่ได้ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง และภาพของสันติสุข มันชัดเจนยิ่งขึ้น (สำหรับมุมของผม นะครับ)
แต่เมื่อมีการออกมาปฏิเสธ โดยนายอาบูฮาเฟซ อัล ฮากิม หนึ่งในสมาชิกกลุ่มมารา แล้ว สิ่งหนึ่งที่ผมคิด คือ เหมือนมีการหยิบชิ้นปลามันขึ้นมาทันที คือ การเรียกร้องให้รัฐไทย แสดงความจริงจัง จริงใจต่อการพูดคุยมากยิ่งขึ้น และการสร้าง หรือหาพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งคิดว่า จากบทสัมภาษณ์ เหมือนต้องการให้รัฐไทย แสดงออกมาซึ่งความจริงใจ และชัดเจนยิ่งขึ้นเช่นกัน อันนี้ ผมก็เห็นด้วยอยู่นะครับ มันควรจะมีความชัดเจนที่สุดละครับ และจริงๆ แล้ว มารา ปาตานี ควรจะออกมาพูดตั้งแต่กรณี ฆ่าแล้วเผา คนไทยพุทธ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2559 ซะด้วยซ้ำไป
ผมคิดเองว่าเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2559 เป็นวันสื่อสันติภาพ ซึ่งมีการกล่าวดุลยปาฐกของ “อาวัง ญาบะ” ประธานมาราปาตานี ในงาน“วันสื่อสันติภาพชายแดนใต้/ปาตานี ครั้งที่ 3 และสมัชชาสันติภาพ 2016 เผยความท้าทายและก้าวต่อไปการพูดคุยสันติภาพ 4 ข้อที่ทำให้โต๊ะพูดคุย 3 ปีที่แล้วชะงัก วางสองกระบวนการพูดคุยรอบใหม่ ขอทุกฝ่ายร่วมขับเคลื่อนสันติภาพ การเจรจาสันติภาพสามารถนำไปสู่การแก้ปัญหาของประชาชนปาตานี
[ข้อมูลจาก deepsouthwatch]
แต่เกิดฆ่าแล้วเผาคนไทยพุทธุ์ในวันที่ 30 มีนาคม 2559 ซึ่งมีความคิดค้าน หรือแย้งอยู่ในใจว่า ใครทำ เพราะ "อาวัง ญาบะ" ประธานมาราปาตานี เพิ่งมาพูดในเรื่องของการเจรจาสันติภาพ เมื่อวันก่อน แต่วันนี้เกิดฆ่าแล้วเผา มันเกิดอะไรขึ้นกับการพูดคุยสันติภาพ มันเกิดอะไรกับมาราปาตานี มันคือคำถามที่ค้างคาในใจเช่นกันฃ
หากเรากำลังเคลื่อนไหวในเรื่องของการพูดคุย ในเรื่องของสันติสุข เราก็หวังเช่นกันว่า ระหว่างทางการพูดคุย และทำความเข้าใจกันอยู่นั้น เหตุที่เกิดขึ้น ต้องไม่ใช้เพราะฝีมือ หรือการกระทำของ มาราปาตานี หรือถ้าใช้ต้องมีเหตุที่จะต้องอธิบายได้เช่นกันไม่งั้นคนที่กำลังทำงานอยู่ในระดับล่างจะเสียความตั้งใจขนาดไหน
" พี่น้องคนไทยพุทธบางส่วน มีการตั้งคำถามไปยังรัฐ อยู่เหมือนกันว่า โครงการพาคนกลับบ้าน ถูกต้องแล้วหรือไม่ เป็นการพาคนกลับมาเพื่อก่อเหตุอีกหรือไม่ พาเขากลับบ้าน ถามเราบ้างแล้วหรือไม่ ในเมื่อเขาเหล่านั้น อาจจะเป็นคนที่ฆ่าครอบครัวเรา อาจจะเป็นคนที่ระเบิดเรา รัฐ เข้าใจความรู้สึกเราหรือไม่ "
แม้แต่เหตุการณ์เจาะไอร้อง พี่น้องคนไทยพุทธบางส่วน ก็จะแสวงหาคำตอบที่ว่า เจ้าหน้าที่อยู่ยังไง ถึงให้คนเหล่านั้นบุกเข้ามาถึงโรงพยาบาลได้ หรือทำไมรัฐไม่ปราบปราม บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
เรื่องราวเหล่านี้ คงต้องทำความเข้าใจกันอีกเยอะทีเดียวครับ ความสูญเสียของทุกฝ่าย ความรู้สึกที่มันถูกเก็บไว้ในใจที่ไม่สามารถระบายให้ใครต่อใครฟังได้ นอกจากคนไทยพุทธด้วยกัน ความหวาดระแวงที่มีอยู่ ความคลางแคลงใจที่มีต่อรัฐ ก็มีเช่นกันไม่แตกต่างไปจากพี่น้องต่างศาสนิก
เรื่องนี้ละเอียดอ่อนต่อความเป็นพลเมือง ต่อความพลเรือนในพื้นที่แห่งนี้จริงๆ
แต่ก็ต้องขอบคุณ สื่อต่างๆ ที่พยายามสื่อสารให้ได้อ่านกัน ขอบคุณสื่อข่าว 3 มิติ ที่คลายความอึดอัดใจให้กับผม
Rukchart Suwan
Cr : ภาพจาก Google