Skip to main content

 March, 18 2016  

Original Link Clik Here .

 

ผลกระทบกรณีบุกโรงพยาบาลเจาะไอร้อง: เจ้าหน้าที่ร้องมีการบิดเบือนข่าว ยืนยันไม่ถอนทหารจากพื้นที่อ่อนไหว ชี้จะทำให้มีการโจมตีมากขึ้น ส่วนกลุ่มคนพุทธบอกการมีทหารอยู่ในแต่ละจุดต้องหารือประชาชนและควรทบทวนเป็นระยะ

ผลกระทบของการก่อเหตุบุกโรงพยาบาลเพื่อใช้เป็นสถานที่โจมตีกองร้อยทหารพรานที่ 4816 ที่เจาะไอร้อง นราธิวาสยังเกิดเป็นระลอกต่อเนื่องไม่หยุดโดยเฉพาะในด้านข่าวสาร ล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวได้รับข้อความชี้แจงจากพันเอกปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้าว่า แม้ทุกภาคส่วนออกมาประณามกลุ่มก่อเหตุที่ใช้สถานที่ที่เป็นเป้าหมายอ่อนแอในการปฏิบัติการว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง แต่ก็มีคนบางกลุ่มบิดเบือนข้อเท็จจริงว่าเป็นการสร้างสถานการณ์โดยเจ้าหน้าที่รัฐ แถลงการณ์ระบุชื่อนายทวีศักดิ์ ปิ แห่งสำนักสื่อ Wartani ว่าเป็นผู้เผยแพร่ข้อความที่ถือว่าบิดเบือน

แถลงการณ์ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้ายังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ที่ผ่านมากลุ่มผู้ก่อเหตุพยายามดำเนินการต่อสถานที่อ่อนไหวมาตลอด เช่นมีเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่อนามัยที่ยะรังเสียชีวิตสองราย การวางระเบิดในลานจอดรถยนต์โรงพยาบาลโคกโพธิ์ การก่อเหตุที่โรงพยาบาลมายอ วางระเบิดโรงเรียน สถานีอนามัย ฯลฯ พร้อมย้ำว่าเจ้าหน้าที่ต้องสามารถควบคุมพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเรียกร้องให้ถอนทหารให้ห่างไกลเป้าหมายอ่อนแอจะเป็นการสนับสนุนให้ผู้ก่อเหตุปฏิบัติการต่อเป้าหมายเหล่านี้มากขึ้น นอกจากนั้นเรื่องของอาวุธปืนกลเบาเอ็ม 60 ที่ใช้ก่อเหตุเป็นอาวุธที่ถูกปล้นไปจากกองพันพัฒนาที่ 4 ตั้งแต่เมื่อ 4 มกราคม 2547 จำนวนสองกระบอก บวกกับที่ปล้นไปจากเจ้าหน้าที่เมื่อ 14มกราคม 2551 อีกหนึ่งกระบอก อาวุธนี้ใช้ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง แถลงการณ์เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการ “บิดเบือนข้อเท็จจริง”

จากการติดตามข้อความในโซเชียลมีเดียพบว่า ข้อความที่นายทวีศักดิ์เผยแพร่เป็นโพสต์ในหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัว มีภาพที่ถ่ายมาจากภาพจากกล้องวงจรปิด มีการตั้งข้อสังเกตเรื่องของอาวุธที่ใช้ตลอดจนในภาพที่วงกลมที่ผ้าพันคอว่าคล้ายของเจ้าหน้าที่ โดยนายทวีศักดิ์บอกว่า เป็นเพียงการหยิบความเห็นในโซเชียลมีเดียมาสะท้อนเพื่อให้เห็นถึงข้อสงสัยของคนทั่วไป และควรที่เจ้าหน้าที่จะออกมาชี้แจงผลการสอบสวน

นอกเหนือจากโพสต์ของนายทวีศักดิ์ ยังมีข้อความสเตตัสส่วนตัวของอีกหลายคนในเฟซบุ๊กที่แสดงความสงสัยไว้คล้ายคลึงกัน ในกรณีของนายทวีศักดิ์ ทั้งเรื่องของอาวุธ การปฏิบัติการที่มีลักษณะผิดไปจากเดิม ด้านนายทวีศักดิ์กล่าวกับบีบีซีว่า ตนไม่มีเจตนาที่จะใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ เป็นเพียงต้องการสะท้อนสิ่งที่เป็นข้อสงสัยของบุคคลทั่วไปในโซเชียลมีเดีย นำมาตั้งข้อสังเกตเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนพร้อมเสนอให้เจ้าหน้าที่ชี้แจง “ผมไม่มีเจตนาใส่ร้ายใด ๆ เจ้าหน้าที่ไม่ควรผลักผมให้ไปอยู่ฝั่งตรงข้าม”

ก่อนหน้านี้มีองค์กรสิทธิและองค์กรระหว่างประเทศหลายรายร่วมกันประณามการเข้ายึดโรงพยาบาลดังกล่าว แม้ว่าจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแต่หลายฝ่ายระบุว่า การใช้สถานที่เช่นโรงพยาบาลเป็นที่ปฏิบัติการถือว่าผิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศพร้อมเรียกร้องให้กลุ่มผู้ก่อเหตุเคารพกติการะหว่างประเทศ ในขณะเดียวกัน ก็มีหลายกลุ่มเรียกร้องด้วย ให้เจ้าหน้าที่ถอนทหารออกจากสถานที่อ่อนไหว เช่นสถานพยาบาล สถานที่ทางศาสนา โรงเรียน เป็นต้น อันเป็นข้อเรียกร้องที่หลายกลุ่มพยายามเคลื่อนไหวมานานแล้ว

อาบูฮาฟิซ อัลฮากีม แห่งกลุ่มมารา ปาตานีกล่าวกับบีบีซีไทยว่า ไม่เห็นด้วยกับปฏิบัติการดังกล่าวที่มีการใช้พื้นที่โรงพยาบาลเป็นสถานที่ปฏิบัติการซึ่งขัดหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่กลุ่มพยายามหลีกเลี่ยงตลอดจนขัดกับหลักศาสนาอิสลาม กลุ่มมาราเองยังไม่รู้ว่าผู้ลงมือเป็นใคร แต่อาจเป็นไปได้ว่าเป็นกลุ่มอาร์เคเคในพื้นที่ แต่อาบูฮาฟิสกล่าวว่า เขาตอบเรื่องนี้ในฐานะสมาชิกกลุ่มบีไอพีพีและมารา ปาตานี ไม่อาจตอบแทนบีอาร์เอ็นได้

ด้านนายรักชาติ สุวรรณ์ จากเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพกล่าวกับบีบีซีไทยว่า เรื่องของการมีกำลังเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เป็นการช่วยดูแลความปลอดภัยประชาชนที่ชาวพุทธส่วนใหญ่เห็นด้วยอยู่แล้ว แต่สถานการณ์ในระยะหลังมีความเปลี่ยนแปลงไปมากจากเดิม บางที่อาจมีความจำเป็นน้อยลง บางแห่งชาวบ้านอาจรู้สึกว่าการมีทหารเข้าไปอยู่ส่งผลต่อความสัมพันธ์เดิมที่ดีอยู่แล้วของพุทธและมุสลิมในที่นั้น ๆ ตลอดจนบางจุดคนพุทธเองรู้สึกว่าการมีทหารในวัดไม่เหมาะสมเนื่องจากพฤติกรรมบางอย่าง แต่ในอีกหลายจุดชาวบ้านยังต้องการเจ้าหน้าที่ ดังนั้นการจะอยู่ที่ไหนอย่างไรอยากให้มีการหารือระหว่างชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่และทบทวนความเหมาะสมเป็นระยะๆ