ปรัชญเกียรติ ว่าโร๊ะ
ภาพจาก AP
ภาพปีศาจของมุสลิมในสังคมไทยถูกตอกย้ำเรื่อยมาจากทั้งบริบทโลก นับตั้งแต่เหตุวินาศกรรมพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ กลางนครนิวยอร์กในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 จนถึงเหตุการณ์ระเบิดกลางกรุงบรัสเซลส์ 22 มีนาคม 2559 ผนวกของกับภาพของขบวนการปลอดปล่อยปาตานีที่ลุกขึ้นมาจับอาวุธสู้รับรัฐไทยมาตั้งแต่ปี 2502 และปฏิบัติการณ์ความรุนแรงรอบใหม่ในปี 2547 จนถึงปัจจุบัน12 ปี ของความไม่สงบที่ชายแดนใต้ยังไม่มีวีแววว่าจะสงบ
สังคมไทยกลางกระแสความขัดแย้งหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จนถึงรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 จนทำให้ผู้คนพยายามทำความเข้าใจสังคมไทย‘ธงชัย วินิจจะกูล’ ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประวัติศาสตร์ไทยแห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซินแมดิสัน สหรัฐอเมริการะบุถึงมรดกสำคัญที่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ทิ้งไว้ณ ปัจจุบัน คือ ระบบการปกครองแบบรวมศูนย์ ลัทธิรัฐเดี่ยวที่แข็งทื่อ ประวัติศาสตร์แบบราชาชาตินิยม พุทธศาสนากับความเป็นไทย และสังคมอินทรียภาพที่มีอำนาจทรงธรรมเป็นหัวใจขององคาพยพทั้งหมด โดยมี (สถาบัน) พระมหากษัตริย์เป็นปัจจัยร่วมที่ยึดโยงรากฐานเหล่านี้ของรัฐไทยสมัยใหม่เข้าด้วยกันและปฏิเสธความเป็นอื่นทั้งหลาย
อิสลาม และ มลายู เป็นหนึ่งในความเป็นอื่นของหลายๆ ความเป็นอื่นของสังคมไทย ถูกตอกย้ำหลังจากเกิดเหตุการณ์กลุ่มอัลกออิดะฮ์19 คนจี้เครื่องบินก่อเหตุวินาศกรรมพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ กลางนครนิวยอร์กในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 จนมีผู้เสียชีวิตเกือบ 3 พันคนและนับตั้งแต่บัดนั้นมุสลิมทั่วโลกถูกจับจ้องประหนึ่งปีศาจ ศาสนาอิสลามกลายเป็นสัญลักษณ์ของการก่อการร้ายในบริบทโลก
3 ปีต่อมา ณ ชายแดนใต้ เหตุการณ์ความรุนแรงก็ปะทุขึ้นรอบใหม่ในปี 2547 ทั้งที่ก่อนหน้ามีแค่เหตุการณ์ประปรายแม้มีการก่อเกิดขบวนการปลดปล่อยปาตานีออกจากราชอาณาจักรไทย ในปี 2502 โดยแนวร่วมแห่งชาติปลดปล่อยปาตานี (BNPP) ปี 2503 เกิดแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติปาตานี (BRN)ปี 2511 ก็เกิดองค์กรปลดปล่อยสหปาตานี (PULO) ขึ้นเพื่อจับอาวุธต่อสู้เพื่อเอกราชออกจากราชอาณาจักรไทยโดยหยิบความความเป็นมลายู และอิสลามที่ถูกกดทับจากความเป็นไทย และพุทธมาเป็นอุดมการณ์ในการต่อสู้หลังปี 2497 ที่หะยีสุหลง อับดุลกาเดร์ สูญหายอย่างลึกลับ
แล้วความขัดแย้งถูกหล่อเลี้ยงด้วยความรุนแรงมาตลอด 12ปีโดยไม่มีวี่แววว่าจะสงบข้อมูลสถิติจำนวนเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ (DeepSouthWatch) ระบุว่าใน 11ปี ตั้งแต่ปี 2547-2558 เกิดเหตุการณ์ทั้งสิ้น 15,374 เหตุการณ์ มีผู้เสียชีวิต 6,543 รายและมีผู้บาดเจ็บจำนวน 11,919 ราย
ย้อนทำความรู้จักอัลกออิดะฮ์จากเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ 2544
เหตุวินาศกรรมพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ กลางนครนิวยอร์กในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 ถูกอ้างโดยอัลกออิดะฮ์ว่าเป็นผู้ก่อเหตุถ้าย้อนรอยจุดกำเนิดของอัลกออิดะฮ์แล้วก็คือ กลุ่มแนวร่วมอิสลามโลกเพื่อญิฮาดต่อต้านยิวและครูเสด (WIFJAJC) ที่เคยเป็นผู้ปฏิบัติการสู้รบกับสหภาพโซเวียตในสงครามอัฟกานิสถานของโซเวียตอันเป็นสงครามตัวแทนระหว่างสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียต (ธันวาคม 2522 – กุมภาพันธ์ 2532) ได้รับอาวุธยุทธภัณฑ์พร้อมเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ซาอุดีอาระเบีย เป็นต้น
ครั้นสงครามอ่าวเปอร์เซีย (2 สิงหาคม 2533 – 28 กุมภาพันธ์ 2534 ) เกิดขึ้นหลังซัดดัมฮุสเซนนำกองทัพอิรัก อันเป็นพันธมิตรของสหภาพโซเวียตบุกยึดคูเวตที่เป็นเจ้าหนี้อิรักเมื่อ 2 สิงหาคม 2533 ท่ามกลางการประณามจากนานาชาติ และซาอุดิอาระเบียที่เป็นเจ้าหนี้อีกรายของอิรักที่รู้สึกกังวล เพราะก่อนหน้านี้อิรักกดดันทั้ง2 ประเทศยกหนี้ให้อิรักทั้งหมด แต่ถูกตอบปฏิเสธ
อุซามะฮ์ บินลาดิน เสนอให้ซาอุดีอาระเบียใช้ประโยชน์กลุ่มแนวร่วมอิสลามโลกเพื่อญิฮาดต่อต้านยิวและครูเสด (WIFJAJC) ที่เคยสู้รบกับสหภาพโซเวียตในอัฟกานิสถาน ทว่าซาอุดีอาระเบียกลับไม่ใยดีต่อคำเสนอของอุซามะฮ์บินลาดินแต่ซาอุดีอาระเบียไปขอความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกาเมื่อ 17 มกราคม 2534 จอร์จเอช. ดับเบิลยู. บุช ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ณ ขณะนั้น นำกองทัพสหรัฐอเมริกา ซาอุดีอาระเบีย สหราชอาณาจักร และอียิปต์ บุกช่วยคูเวตให้รอดพ้นจากการโดนยึดโดยอิรัก อุซามะฮ์ บินลาดิน จึงโกรธเคืองซาอุดีอาระเบีย เขาถือว่าการเข้าตั้งฐานทัพของสหรัฐอเมริกาในนครมักกะฮ์ และนครมะดีนะฮ์คือการยึดครองแผ่นดินอิสลาม จนอุซามะฮ์บินลาดินถูกบีบให้ลี้ภัยไปยังซูดาน กระทั่งปี 2542 อุซามะฮ์ บินลาดิน ในฐานะผู้นำอัลกออิดะฮ์ ประกาศสงครามต่อต้านสหรัฐอเมริกา อิสราเอลและชาติตะวันตกแล้วเริ่มปฏิบัติการก่อการร้าย
20 กันยายน 2544 จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ณ ขณะนั้น ประกาศสงครามต่อต้านการก่อการร้าย แล้วดาหน้าบุกอัฟกานิสถานเมื่อ 7 ตุลาคม 2544 ร่วมกับสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และแนวร่วมอิสลามเพื่อการปลดปล่อยอัฟกานิสถานเพื่อทำลายกลุ่มอัลกออิดะฮ์ และกลุ่มตอลีบัน ต่อมา 20 มีนาคม 2546 สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักรก็กรีฑาทัพสู่อิรักอีกครั้งด้วยสมมติฐานว่าอิรักครอบครองอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูงอาจคุกคามความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร
ปารีส 2558 -บรัสเซลส์ 2559 และทำความรู้จัก IS เบื้องต้น
7 มกราคม 2558 ทั้งโลกก็หวนกลับมาจับจ้องความเป็นปีศาจของอิสลามอีกครั้ง เมื่อเกิดเหตุมือปืน 2 คนเปิดฉากถล่มยิงด้วยปืนออโตเมติกใส่สำนักงานชาร์ลี เอ็บโด นิตยสารล้อเลียนในกรุงปารีส ของสาธารณรัฐฝรั่งเศส พร้อมกับตะโกนว่า “อัลเลาะห์ผู้ทรงยิ่งใหญ่” และมีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 12 คน และบาดเจ็บอีก 11 คน
ต่อมากลางคืนของวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558 สาธารณรัฐฝรั่งเศสก็เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นอีกครั้งเมื่อเกิดเหตุการณ์กราดยิง การระเบิดฆ่าตัวตาย และการจับตัวประกันในกรุงปารีสและแซ็ง-เดอนี มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 153 คน บาดเจ็บอีก 352 คนวันถัดมากลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีที่เกิดขึ้นว่ามีเหตุจูงใจคือการตอบโต้ที่ฝรั่งเศสเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามกลางเมืองซีเรียและอิรัก
กลุ่มรัฐอิสลาม (IS) จึงถูกอยากทำความรู้จักมากยิ่งขึ้นย้อนอดีตกลับไปพบว่า IS กำเนิดมาจากกลุ่มจามาตตอฮิดวัลญิฮัด ในปี 2542 ซึ่งสวามิภักดิ์ต่ออัลกออิดะฮ์ที่สู้รบต่อต้านสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรบุกยึกอิรักในปี 2546 IS เป็นกลุ่มที่สุดโต่งจนถึงขนาดอัลกออิดะฮ์รับไม่ได้ และประกาศตัดความสัมพันธ์เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557
22 มีนาคม 2559 เกิดเหตุระเบิด3ครั้งโดยมือระเบิดฆ่าตัวตาย 3 คนในกรุงบรัสเซลส์ ของราชอาณาจักรเบลเยียม มีผู้เสียชีวิต 31 คนและผู้ได้รับบาดเจ็บ 300 คน และกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ได้ออกมาอ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุอีกครั้ง
พุทธเริ่มสุดโต่งและพัฒนาการ ISLAMOPHOBIA แบบ ไทย ไทย
ISLAMOPHOBIA แบบไทยไทย เกิดขึ้นผ่านการเผยแพร่ซ้ำแล้วซ้ำอีกของ‘แผนการยึดครองประเทศไทยภายใน 10 ปี’ ทางอินเตอร์เน็ต ทั้งการฟอร์เวิร์ดเมลล์ และโพสต์บนเว็บไซต์หลายๆ เว็บ หลังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในชายแดนใต้ปี 2547และมีการเผยแพร่ซ้ำจนถึงปัจจุบันโดยระบุว่า ‘แผนการยึดครองประเทศไทยภายใน 10 ปี เป็นเอกสารลับเฉพาะแปลมาจากอักษรมลายูยาวี เช่น วางแผนยึดสถาบันพระมหากษัตริย์เปลี่ยนให้เป็นกษัตริย์มุสลิม วางแผนเปลี่ยนกองทัพไทยให้เป็นกองทัพมุสลิมเชื่อมโยงกับการรัฐประหารของพลเอกสนธิ บุญยรัตกลินหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.)ในการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549สร้างรัฐอิสลามซ้อนขึ้นในรัฐไทยและขยายตัวกลืนรัฐไทยทั้งหมดให้กลายเป็นสาธารณรัฐอิสลาม เป็นต้น
ปี 2550 มีการเรียกร้องให้บัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย การเรียกร้องดังกล่าวดำเนินมาจนถึงปัจจุบันเมื่อปี 2555 มีการต่อต้านการสร้างมัสยิดในอำเภอเวียงป่าเป้าจังหวัดเชียงราย เพราะเกรงว่าเป็นการเผยแพร่เหตุการณ์จาก3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลัววิถีชีวิตและวัฒนธรรมอิสลามมากระทบ
2558 เกิดการต่อต้านการสร้างมัสยิดขึ้นที่อำเภอภูเวียงจังหวัดน่าน เพราะกลัวจะเกิดความไม่สงบเหมือนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และประเทศมุสลิม ขณะคนอำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ลุกฮือขึ้นต้านนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลที่จะสร้างกระทั่งปี 2559 ก็มีกระแสการต่อต้านการสร้างมัสยิดในจังหวัดนครพนมในเฟสบุค เช่นเดียวกับกระแสต่อต้านในเฟสบุคจากมลายูมุสลิมที่จังหวัดปัตตานีจะสร้างพุทธมณฑลปัตตานี
สิ่งหนึ่งที่น่าจับตายิ่ง คือ พระมหาอภิชาติปุณฺณจนฺโท หัวหน้าพระวิทยากรประจำพระอารามหลวง วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม โพสต์ในเฟสบุ้คเพื่อตอบโต้ความรุนแรงต่อพระสงฆ์ในสามจังหวัดภาคใต้ ว่า
"ถ้าพระใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกระเบิดหรือถูกยิงตาย 1 รูป ด้วยน้ำมือของโจรก่อการร้ายมลายู ต้องแลกกับการไปเผามัสยิดทิ้งไป 1 มัสยิด โดยเริ่มจากภาคเหนือลงมาเรื่อยๆ แล้วก็ขับไล่ลัทธินั้นออกไปจากพื้นที่ทุกวิถีทางจนกว่าจะไม่เหลือคนที่นับถือลัทธินั่นเลยแม้แต่คนเดียวในพื้นที่นั่นๆและต่อต้านการเข้ามาของลัทธินี้ทุกอย่างในจังหวัดนั้นๆโดยกระทำการต่อต้านทุกวิถีทาง"
ไม่ยกเว้น แม้แต่กระทั่ง ‘เพียงดิน รักษ์ไทย’ หรือ เสน่ห์ ถิ่นแสน วิทยากรเสื้อแดง อดีตข้าราชการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ศึกษาและใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐอเมริกา ที่พยายามก่อตั้ง‘ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน’ ต่อสู้ทางการเมืองเพื่อระบอบประชาธิปไตย โดยจัดรายการผ่านยูทูบช่องมหาวิทยาลัยประชาชน และเขียนบทความเผยแพร่ทาง http://www.piangdinacademy.org/ ผลิตซ้ำ ‘แผนร้ายมุสลิมจ้องยึดรัฐไทย เพื่อแปลงเป็นรัฐอิสลาม’อยู่เนืองๆ
จากเหตุการณ์ระเบิดตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ 11 กันยายน 2544 -เหตุการณ์ระเบิดกลางกรุงบรัสเซลส์ 22 มีนาคม 2559 ภาพมุสลิม และศาสนาอิสลาม จึงถูกย้ำในความเป็นปีศาจ และกลายเป็นสัญลักษณ์ของการก่อการร้ายและความรุนแรงยิ่งขึ้น ขณะที่ในบริบทสังคมไทยเองก็มีภาพปีศาจอีกตัวที่ซ้อนตัวแรกอยู่ คือ ความเป็นมลายูมุสลิม ของผู้คนส่วนใหญ่ในปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ผู้คนส่วนหนึ่งพยายามลุกขึ้นต่อสู้มาตลอดประวัติศาสตร์หลังราชอาณาจักรปาตานีถูกราชอาณาจักรสยามตีแตกเมื่อปี 2329 แล้วตกเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรสยามโดยสมบูรณ์เมื่อ 2452 หลังสนธิสัญญาอังกฤษ–สยาม
เผยแพร่ครั้งแรกที่ http://www.pataniforum.com/single.php?id=570