Skip to main content

 

 

 

เรื่องและภาพ   รักชาต  สุวรรณ์  เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ  (ฺB4P)
       ----------------------------------------------------------------------------------------
        
        
       เมื่อทราบข่าวมีเหตุกราดยิงร้านขายของชำ ชาวไทยพุทธ ในพื้นที่ ต.พร่อน อ.เมือง จ.ยะลา ถึงแม้ร่างกายยังไม่ไหว แต่ใจไหวแน่นอน โทรศัพท์แจ้งต่อผู้ร่วมงานเตรียมตัวเพื่อเข้าพื้นที่ แล้วในเวลา 10.30 น. ก็เข้าพื้นที่บ้านดุซง หมู่ 2 ต.พร่อน แบบไม่เคยเข้ามาก่อน
        
       เมื่อถึงบ้านที่เกิดเหตุพบกับญาติของ คุณลุงขนบ คำจันทร์ ซึ่งปัจจุบันยังคงรักษาตัวอยู่ ในระหว่างนั้น ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 และกำลังทหารก็มาถึงพอดี
        
       ได้เข้าไปพูดคุยกับ พี่เยื้อน แก้วแดง ซึ่งเป็นน้องของคุณลุงขนบ พี่เยื้อน บอกว่า ครอบครัวของตัวเองอยู่ตรงนี้มาเป็นร้อยปี นับตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวดแล้ว เป็นคนที่นี่แต่กำเนิด คนไทยพุทธที่อยู่แถวนี้ ปัจจุบันเหลืออยู่แค่ 5 ครัวเรือน และอีก 1 ครัวเรือน ลูกสาวก็เข้ารับอิสลาม ซึ่งทั้ง 5 ครัวเป็นญาติกันทั้งนั้น
        
       ในอดีตแถวนี้มีชุมชนคนไทยพุทธอยู่หลายครัวเรือน แต่ต่างแยกย้ายขายที่ทางไปอยู่ที่อื่นกันหมด ไม่ได้ขายตอนเหตุการณ์สถานการณ์รุนแรงเวลานี้ แต่ขายก่อนเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่ซะอีก บ้างก็ไปมีครอบครัวอยู่ข้างนอก จึงขายที่ข้างในนี้ไป จนปัจจุบันเหลืออยู่แค่ 5 ครอบครัวดังกล่าว
        
       คนไทยพุทธที่นี่จะสนิทสนมกับ คนมุสลิม เป็นอย่างดี มีอะไรช่วยเหลือกันตลอด บ้านไทยพุทธมีงาน คนมุสลิมก็จะมาร่วม หรือบ้านคนมุสลิมมีงานแต่งงาน คนไทยพุทธก็จะไปร่วม เป็นอย่างนี้มาโดยตลอด เคยมีทหารมาขอใช้ที่ดินข้างบ้านเพื่อตั้งฐาน เราก็ไม่อนุญาตให้ใช้ เพราะเข้าใจดีว่า หากทหารมาตั้งฐาน พี่น้องมุสลิมเขาก็คงไม่สบายใจนัก เลยไม่ให้ใช้ที่ดิน
        
       “ตัวเองก็เพิ่งจะเปิดหน้าบ้านเพื่อทำเป็นตลาดนัด เพื่อให้คนในหมู่บ้านมาค้าขาย ซึ่งก็ไม่มากนัก มีแม่ค้าสัก 10 คนได้ ซึ่งในเวลาเกิดเหตุแม่ค้าก็กำลังจะเก็บร้านกันแล้ว ตัวเองก็อยู่ในบ้าน เมื่อได้ยินเสียงปืนก็วิ่งออกมาดู ก็โดนยิงกราดใส่จนต้องเข้าบ้าน ข้างบ้านมีรอยรูกระสุนปืนอยู่” พี่เยื้อน เล่าให้ฟัง
        
       ภายหลังเกิดเหตุก็ได้ถามลูกๆ แล้วว่าจะเอาไง จะย้ายหรือไม่ย้าย ลูกๆ บอกว่าไม่ย้าย แต่สวนตัวก็ไม่เคยคิดจะย้ายไปไหน จะมาทำเราทำไม เราไม่ยุ่งกับใคร เราอยู่ของเราแบบนี้ ไม่เคยสร้างปัญหาให้ใคร มาทำเราเพื่ออะไร 
        
       สำหรับ นายอับดุลซอมะ เมาะสาแม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ก็กล่าวว่า จะย้ายไปไหนกัน เมื่อเกิดที่นี่ ที่ดินอยู่นี่ จะย้ายไปทำไม เราสนิทกัน เราอยู่ด้วยกันมาโดยตลอด
        
       ผมเลยถามไปว่า อย่างนั้นจะทำยังไงกันต่อ สามีพี่เยื้อน ตอบมาว่า อยากได้กล้องวงจรปิด แต่ไม่ใช้ติดเฉพาะหน้าบ้านคนไทยพุทธ ต้องติดเพื่อส่วนรวมให้แก่คนในหมู่บ้านได้ปลอดภัย ถึงแม้ผู้ใหญ่อับดุลซอมะ จะบอกให้ติดเฉพาะตรงนี้ก็ได้ เพราะมันเกิดเหตุตรงนี้ก็ตาม
        
       เมื่อผมถามต่อว่า เคยรู้เรื่องของการที่มีการพูดคุยสันติสุขกันหรือไม่ พี่เยื้อน และสามีตอบเหมือนกันว่า ไม่เคยรู้เรื่อง ไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เลย จะทำยังไงให้มันสงบเท่านั้นพอ
       
       หลังจากนั้น เราได้ไปเยี่ยมคุณลุงขนบ คำจันทร์ ที่นอนรักษาตัวอยู่ ดูแล้วคุณลุงกำลังใจดีมาก ยิ้มแย้ม พูดคุย หัวเราะ ทั้งๆ ที่มีลูกกระสุนปืนฝังอยู่ในปอด 1 นัด และในตับ 1 นัด คุณลุงยังบอกว่า ปล่อยมันเอาไว้อย่างนั้นแหละ
        
       ถามคุณลุงว่า จะทำยังไงต่อ คุณลุงตอบกลับมาแบบคิดหนักว่า ก็คงกลับไปอยู่ที่บ้านนั่นแหละ อยู่อย่างนั้น
        
       ฝ่ายลูกสาวคุณลุงบอกว่า จริงๆ แล้วที่บ้านจะเปิดเป็นร้านขายของชำ แต่จะเปิดในช่วงเวลาเย็นจนถึงสว่าง เหมือนเซเว่น-อีเลฟเว่น ผลัดเวรกันนอนระหว่างพ่อกับแม่ ดึกดื่นจะมีวัยรุ่นมาเรียกประตูซื้อของเป็นประจำ จนวัยรุ่นแถวนั้นจะเรียกพ่อเรียกแม่ไปด้วย ซึ่งต้องเรียกว่าสนิทกันมากก็ว่าได้
        
       แต่ถ้าพ่อหายดี กลับไปอยู่บ้านก็จะไม่ให้ขายของแล้ว ให้อยู่บ้านเฉยๆ ก็ไม่ได้คิดสงสัยอะไรใครทั้งนั้น เพราะอยู่กันมาหลายชั่วอายุคน เป็นร้อยปีแล้ว รู้จักกันหมด ต่อไปคงต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
        
       ที่บ้านตนเองก็เกิดเหตุมาครั้งนี้ครั้งที่ 2 ครั้งแรกตอนปี 2547 เกิดขึ้นกับปู่ที่นอนเล่นอยู่หน้าบ้าน ปู่โดนยิง แต่ไม่เสียชีวิต มาครั้งนี้โดนกับพ่อ จริงๆ แล้วอยู่ที่นี่ไม่มีเหตุการณ์อะไรเลย อยู่แบบสบายๆ 
        
       ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่นึกว่าจะเจอหลากหลายเรื่องราวที่เราคิดว่าจะต้องตามกันต่อไป

 

ขอบคุณ ผู้จัดการ Online