แนวทางการต่อสู้ของ ผกร.ในปัจจุบัน
‘อสนียาพร นนทิพากร’
สถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้นับตั้งแต่ต้นปี 2547 ซึ่งเป็นจุดเริ่มไฟใต้จนถึงปัจจุบัน สถานการณ์ยังคงอยู่ในวังวนเดิมๆ นั่นคือ กลุ่มนักรบ“อาร์เคเค”ยังคงมีการก่อเหตุ และมีการตอบโต้กันไปมากับเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ก่อเหตุเหล่านี้อยู่ภายใต้สังกัดของขบวนการบีอาร์เอ็น และที่ไม่ได้สังกัดขบวนการนี้ แต่มีจุดมุ่งหมายในการเป็นปรปักษ์ต่อเจ้าหน้าที่รัฐ และอำนาจรัฐ มุ่งปฏิบัติการในการสร้างความสูญเสียให้เกิดขึ้น ด้วยวิธีการก่อวินาศกรรม วางเพลิง และซุ่มโจมตีในลักษณะของสงครามกองโจร
มาจนถึงปัจจุบันเหตุการณ์ได้ผ่านมาร่วมสิบกว่าปีไม่มีทีท่าว่าจะดับมอด กลุ่มผู้ก่อเหตุมีการคอยเติมเชื้อไฟให้ลุกโหมอยู่เป็นระยะๆ ถึงแม้ว่าหลายฝ่ายพยายามได้ร่วมกันดับ
การก่อความรุนแรงได้สร้างความสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสังคมไทยในภาพรวม การดำเนินนโยบายดับไฟใต้มีความผันผวนและเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ ผู้นำรัฐบาลแต่ละยุคแต่ละสมัยย่อมมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังมีความเชื่อมโยงกับปัจจัยภัยแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นในพื้นที่ รวมถึงปัจจัยที่เกิดขึ้นจากแรงกดดันจากภายนอกประเทศ
การก่อเหตุของกลุ่ม ผกร.ในปัจจุบันยังคงเดินหน้าสร้างสถานการณ์ไม่เว้นวัน หลายเหตุการณ์ หลายพื้นที่ยังคงวนเวียนคอยทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ทำร้ายเด็กและผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องได้รับผลกระทบอย่างเช่นเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดหน้าสถานีรถไฟจะนะ จังหวัดสงขลา เจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ร้อยตำรวจเอก เสียชีวิต เด็กน้อยอายุแค่ 4 ขวบ ต้องสังเวยกับเหตุการณ์ และล่าสุดเหตุลอบระเบิดร้านขายของชำหลังสถานีรถไฟ บ้านตาแปด อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา มีราษฎรเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 15 ราย หนึ่งในนั้นมีเด็กอายุ 11 ปี ต้องได้รับบาดเจ็บ
นั่นคือภาพรวมที่ได้กล่าวไปแล้วว่าวังวนความชั่วร้ายของผู้ก่อเหตุยังคงวนเวียนในรูปแบบเดิมๆ ส่วน เจ้าหน้าที่หลังเกิดเหตุมีการบังคับใช้กฎหมายในการติดตามจับกุมผู้กระทำผิด ขยายผลด้วยการซักถามนำไปสู่การตรวจค้นฐานปฏิบัติการ แหล่งผลิตวัตถุระเบิด รวมไปถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ได้เป็นจำนวนมากในห้วงที่ผ่านมา
ผู้เขียนมีความสงสัยใคร่รู้ว่าสมาชิก ผกร.ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมมีแรงจูงใจอะไรในการเข้าร่วมกับกลุ่มขบวนการ จนนำไปสู่การก่อเหตุทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่ อีกทั้งทัศนคติ แนวความคิดแนวทางการต่อสู้ของขบวนการในปัจจุบัน ที่สำคัญอุดมการณ์ของกลุ่มขบวนการยังคงมีอยู่หรือไม่? เนื่องจากพฤติกรรม รูปแบบการก่อเหตุได้เปลี่ยนไป
สาเหตุของผู้หลงผิดในการเข้าร่วมขบวนการ
ผู้เขียนได้รับการเปิดเผยข้อมูลจากแหล่งข่าวหน่วยงานความมั่นคงท่านหนึ่งที่เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอยู่ในศูนย์ซักถาม ได้กล่าวว่าที่ผ่านมาได้มีการเก็บข้อมูลของผู้หลงผิดจากการซักถามเบื้องต้น สอบถามสาเหตุของการเข้าร่วมขบวนการของผู้หลงผิดเหล่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ได้ให้ข้อมูลว่าถูกชักชวนจากเพื่อน จากผู้ที่เคารพนับถือให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในการต่อสู้ โดยอ้างการต่อสู้เพื่อ พี่น้องชาวมุสลิมที่ไม่ได้รับความยุติธรรม มีส่วนน้อยที่คิดแก้แค้นเจ้าหน้าที่โดยใช้ความรุนแรง
และผู้ที่ถูกซักถามส่วนมากได้ให้คำตอบว่าจากการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในพื้นสมาชิกไม่มีอุดมการณ์ในการต่อสู้ มีส่วนน้อยมากที่ต่อสู้ด้วยอุดมการณ์เพื่อปลดปล่อยรัฐฟาตอนี
กลุ่มเยาวชนคือเป้าหมายของขบวนการ
จากสถิติการควบคุมตัวในการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ ข้อมูลที่น่าตกใจและน่าเป็นห่วงในปัจจุบันพบว่ามีกลุ่มเยาวชนถูกจับกุมเป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่เข้าร่วมขบวนการ ทำการก่อเหตุด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และเมื่อผ่านกระบวนการดื่มน้ำสาบาน และทำพิธีซูมเปาะแล้วไม่สามารถถอนตัวออกจากองค์กรได้ แทบหมดโอกาสกลับมาสู่สังคมปกติ ทั้งๆ ที่ไม่อยากจะร่วมทำการก่อเหตุแต่เมื่อไม่ให้ความร่วมมือกลับถูกแกนนำข่มขู่ หากจะหนีไปก็ไม่รอดเพราะทุกพื้นที่ที่มีพี่น้องมุสลิมอาศัยอยู่นั้น ย่อมหมายถึงทุกแห่งจะมีคนของขบวนการแฝงตัวอยู่ และจะมีคนคอยติดตามหมายปองเอาชีวิตเพื่อปิดปากในที่สุด
แรงจูงใจให้ผู้หลงผิดตัดสินใจเข้าร่วมขบวนการ
แรงจูงใจให้ผู้หลงผิดตัดสินใจเข้าร่วมขบวนการ ส่วนใหญ่เกิดจากการบ่มเพาะด้วยการบิดเบือนความเชื่อทางด้านศาสนา มีการปลูกฝังแนวความคิด การปลุกระดมการทำสงครามญิฮาด ผูกมัดด้วยการสาบานตน (ซูมเปาะ) และเหตุผลที่ใช้ได้ตลอดคือการถูกสยามรุกรานศาสนา และแผ่นดินเกิด ในเมื่อผู้ที่ถูกปลุกระดมไม่ทราบถึงหลักการที่แท้จริง จึงหลงผิดเข้าร่วมกับขบวนการในที่สุด เนื่องจากกลัวเกรงถ้าไม่ปฏิบัติตามพระเจ้าจะลงโทษ เมื่อเข้าร่วมแล้วจะได้รับผลบุญ และสามารถสร้างบารมีให้กับตนเองด้วยการลงมือทำการเข่นฆ่าคนต่างศาสนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อชาวไทยพุทธ
การปลุกจิตสำนึกสร้างความเป็นอัตลักษณ์ชาวมลายู กลุ่ม ผกร.ใช้ความรู้สึกที่แตกต่าง สร้างความแปลกแยกของคนในพื้นที่ อ้างชนชาติพันธุ์มลายูปาตานี กระตุ้นให้มีความรู้สึกอันแรงกล้าในการลุกขึ้นมาปกป้องอัตลักษณ์ทางเชื้อชาติ และศาสนาของคนในพื้นที่ร่วมกัน
การกล่าวอ้างไม่ได้รับความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ การถูกครอบงำทางการเมือง ถูกเลือกปฏิบัติทางสังคม ถูกกดขี่ข่มแหงรังแกจากเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ในฐานะผู้ปกครอง และคนมลายูคือผู้อยู่ภายใต้การปกครอง
การคอยตอกย้ำบาดแผลในอดีตระหว่างรัฐสยามกับรัฐปัตตานี มีการส่งต่อไปยังลูกหลานจากรุ่นสู่รุ่น ด้วยการบ่มเพาะบิดเบือนประวัติศาสตร์ นับแต่สยามได้ปัตตานีเป็นเมืองขึ้นได้มีการรวมชาติให้เป็นหนึ่งเดียว คือชาติไทย ที่มีความแตกต่างกับมลายูในเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรมและจารีตประเพณี ความคิดความเชื่อต่างๆ
สร้างความเชื่อมั่นว่ากลุ่มขบวนการสามารถแบ่งแยกดินแดนได้จริง จากการต่อสู้จะนำไปสู่การแบ่งแยกดินแดนปัตตานีออกจาการปกครองของรัฐไทย เมื่อสำเร็จจะได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน และสิทธิต่างๆ เพิ่มมากขึ้นและดีกว่าอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐไทย
เกิดจากภาวะจำยอม สภาพแวดล้อม เมื่อเครือญาติสามีภรรยาเป็นสมาชิก ผกร.รวมทั้งหากอาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดตั้ง สภาพความเป็นอยู่ได้บังคับให้ต้องเข้าร่วมหรือสนับสนุนขบวนการโดยปริยาย
เกิดจากความเกรงกลัวจากการข่มขู่ของสมาชิกระดับแกนนำในหมู่บ้าน เมื่อสมาชิกถูกจับกุมตัวมีการซักถาม เมื่อให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐจะไม่มีการรับรองความปลอดภัยใดๆ ต่อตนเองและครอบครัว เพราะกลุ่มขบวนการกลัวผู้ที่ถูกจับกุมจะเปิดเผยความลับ สุดท้ายเมื่อถูกกดดันจะกลับเข้าร่วมขบวนการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สมาชิก ผกร.ทำการก่อเหตุเพื่ออะไร?
การกลัวเกรงต่อโทษที่ได้รับซึ่งมีหัวหน้าชุดปฏิบัติการเป็นผู้กำหนดเป้าหมายในการก่อเหตุ เมื่อมีการสั่งการหากไม่มีการปฏิบัติใดๆ หัวหน้าชุดจะเป็นผู้รับผิดชอบในการถูกลงโทษด้วยการถือศีลอด การถูกตำหนิอย่างรุนแรง หรือการสั่งการอย่างใดอย่างหนึ่งจากแกนนำระดับสูง รวมทั้งได้มีการปลุกระดมเพิ่มขวัญกำลังใจ โดยใช้การบิดเบือนหลักศาสนาเกี่ยวกับ “ชะอีด”คือความตายที่เกิดจากการต่อสู้ มีการให้สมาชิกบริจาคเงินให้กับขบวนการวันละ 1 บาทต่อคน เพื่อต้องการให้สมาชิกระลึกอยู่ตลอดเวลา พร้อมที่จะเสียสละทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิต เพื่อแนวทางการต่อสู้และความสำเร็จของขบวนการ
ปัญหาภัยแทรกซ้อนในพื้นที่จากการค้ายาเสพติด น้ำมันเถื่อน สินค้าลักลอบหนีภาษี สมาชิก ผกร.จะเข้าไปมีบทบาทหรือผู้ที่เกี่ยวข้องสำคัญ และจะนำเงินบางส่วนจากรายได้เหล่านี้ส่งสนับสนุนกลุ่มขบวนการเพื่อใช้ในการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่
ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าจากการก่อเหตุของกลุ่ม ผกร.ไม่ว่าจะเป็นกรณีบุกยึดโรงพยาบาลเจาะไอร้อง แล้วทำการก่อเหตุกราดยิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน จะเห็นได้ว่าจากพฤติกรรมดังกล่าวของกลุ่ม ผกร.มีการละเมิดและขัดต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ขัดกับหลักการอิสลาม เพราะหลักสิทธิมนุษยชนในอิสลาม แม้ในช่วงสงคราม สถานพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ก็ต้องได้รับการคุ้มครอง
การแต่งกายเลียนแบบสตรีมุสลิมอำพรางเจ้าหน้าที่ทำการก่อเหตุ
การแต่งกายเลียนแบบสตรีมุสลิม เพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ในการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ยังคงมีการนำมาใช้อย่างได้ผล ถึงแม้สมาชิกเหล่านี้จะรู้ว่าผิดหลักศาสนาอิสลามก็ตามที ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์คนร้ายใช้ปืนกลเบาอูซี่ยิงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสถานีรถไฟเจาะไอร้อง เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2559 และเหตุการณ์ล่าสุดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดหน้าสถานีรถไฟจะนะ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2559 สุดท้ายไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวมาดำเนินคดี
แนวทางการต่อสู้ของ ผกร.ในปัจจุบัน
ที่ผู้เขียนได้หยิบยกมาเพื่อชี้ให้เห็นแนวทางการต่อสู้ของ ผกร.ในปัจจุบัน สถานการณ์ความรุนแรงมีการ“เปลี่ยนผ่าน”การโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐ พ่วงด้วยเป้าหมายอ่อนแอที่เป็นประชาชน ซึ่งถือว่าเป็น “ยุทธศาสตร์” ที่ได้ผลของขบวนการ ซึ่งมีบุคคลบางกลุ่มออกอาการ“สะใจ”กับความสูญเสียที่เกิดขึ้นและมีความพยายามปกป้องกลุ่มขบวนการพยายามโยนผิดให้กับเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้กระทำ
เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการกระทำของกลุ่มใดก็ตามที จะเป็นหน่วยรบ “อาร์เคเค” ซึ่งมีทั้งที่อยู่ภายใต้สังกัดของขบวนการบีอาร์เอ็น และที่ไม่ได้สังกัดขบวนการนี้ แต่จุดมุ่งหมายและแนวทางการต่อสู้ได้สร้างผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ แนวทางในการต่อสู้ของกลุ่มขบวนการยังไร้ทิศทาง และไร้อุดมการณ์ในการต่อสู้ อีกทั้งยังผิดหลักศาสนาและกฎกติกาสากล ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้รับการยืนยันจากปากผู้ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ระบายออกมาจากการซักถามมีการถามตัวเองและฝากไปถึงกลุ่มขบวนการทำไปเพื่ออะไร? และเพื่อใคร?....
------------------------
