บันทึกเมื่อ วันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๙รายงานสถานการณ์ การโจมตีโรงพยาบาลเจาะไอร้อง เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๙
จากการลงพื้นที่ เยี่ยมโรงพยาบาลเจาะไอร้อง พบเจ้าหน้าที่ที่ค่ายกัลยาณิวัฒนา และพูดคุยกับชาวบ้านเจาะไอร้อง พบว่า
๑ กองร้อยทหารพราน ๔๘๑๖ เจาะไอร้อง ตั้งอยู่ที่พื้นที่นั้น ตั้งแต่ปี ๒๕๓๕ ก่อน โรงพยาบาล เจาะไอร้อง ซึ่งไปตั้งในปี ๒๕๓๘ เดิมเจาะไอร้องเป็นกิ่งอำเภอ ใน อำเภอระแงะ แยกออกมาเป็นอำเภอเจาะไอร้องในปี ๒๕๓๖ ประกอบด้วย ตำบลมะรือโบ๊ะ ตำบลจวบ และตำบลบูกิต จึงมีโครงการสร้าง โรงพยาบาลชุมชนขึ้น สมัยก่อนประชาชนใช้รถไฟเป็นพาหนะสำคัญในการเดินทาง โรงพยาบาลเจาะไอร้องอยู่ใกล้สถานีรถไฟ ประชาชนสามารถเดินทางมาโรงพยาบาลได้สะดวก เดิมโรงพยาบาลจะสร้างในตลาด ตำบลจวบ แต่เนื่องจากพื้นที่จำกัด คับแคบ ปลัดอำเภอสมัยนั้น ( ท่านภานุ เลขา ศอบต ขณะนี้ ) เป็นผู้เลือกพื้นที่ในการก่อสร้างโรงพยาบาลโดยท่านเอง ที่ดินของโรงพยาบาลเป็นที่ดินว่างของราชพัสดุ จึงตัดสินใจสร้าง โรงพยาบาลที่พื้นที่นี้ กองร้อยทหารพราน ฯ ไม่ได้อาศัยโรงพยาบาลเป็นเกราะคุ้มกันอย่างที่เข้าใจกัน
๒ สถานการณ์ในวันนั้น เกิดขึ้นจากการประมวลข้อมูล โดยสรุปพบว่ามีส่วนเกี่ยวโยงกับ
๒.๑ เป็นวันครบรอบ ๔๖ ปี การก่อตั้ง BRN และเพื่อเป็นการส่งเสียงให้เห็นว่า BRN ยังไม่เห็นด้วยการเจรจาสันติภาพที่กำลังดำเนินการอยู่ บนโต๊ะเจรจายังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ได้
๒.๒ เพื่อเป็นการท้าทายรัฐที่ประกาศให้ เจาะไอร้อง สุไหงปาดี บาเจาะ นาทวี ยะหา และหนองจิก เป็นโครงการนำร่อง “ โครงการประชารัฐร่วมใจ สร้างอำเภอสันติสุข “ หรือเป็นพื้นที่สันติสุข ( Safety Zone ) การโจมตีวันนั้นเพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐยังไม่สามารถประกาศว่า พื้นที่ใดเป็นพื้นที่ สันติสุขได้หาก BRN ไม่เห็นด้วย และแสดงว่า BRN ยังมีอิทธิพลครอบครองอยู่
๒.๓ เพื่อสร้างกระแสสังคม เช่นเดียวกับกรณีของ “ปอเนาะ ญีฮาดวิทยา “ การเดินผ่านกล้องวงจรปิด ของโรงพยาบาลเป็นความจงใจ เพื่อใช้เครื่องมือของรัฐ ให้เป็นประโยชน์ในการประชาสัมพันธ์การทำงานของ ฝ่ายตรงข้ามรัฐ
๓ ชัดเจนว่าเป็นการกระทำของฝ่ายตรงข้าม รัฐ เพื่อแสดงศักยภาพ ผู้กระทำการมีหลายคน ประมาณว่า ๒๐ คน หรืออาจมากกว่านั้น เชื่อได้ว่าเป็นปฎิบัติการ ร่วมของกองกำลังหลายกลุ่ม ไม่ใช่ปฏิบัติการของกองกำลังกลุ่มเดียว
๔ ผู้ก่อการไม่ได้จงใจโจมตี ทำร้ายโรงพยาบาล แต่เป้าหมายอยู่ที่ กองร้อยทหารพราน 4816 เจาะไอร้อง วันนั้นมีการยิงฐาน ตชด เจาะไอร้อง ที่สถานีรถไฟในตอนเช้า และมีระเบิดที่บ้านยานิง เพื่อให้ กองกำลังไปรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ที่ถูกโจมตี จึงทำให้ไม่มีเจ้าหน้าที่มากนักใน กองร้อยทหารพราน และสถานีตำรวจ
๕ การเข้ายึดโรงพยาบาล จึงเพื่อกระทำการโจมตี กองร้อยทหารพราน 4816 เนื่องจากเป็นทำเลยุทธศาสตร์ที่ดีมากในการโจมตี ด้านหลังโรงพยาบาลติดภูเขา แม้แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ค่อยได้เดินไปถึงบริเวณนั้น เพราะทำงานกันอยู่ส่วนหน้า ฝ่ายตรงข้ามรัฐ จึงสามารถเข้ามาได้ง่าย รับทราบว่าฝ่ายตรงข้ามกับรัฐ ขึ้นไปตามอาคารหอพักต่างๆ และบ้านพักหลายหลัง เพื่อหาทำเลโจมตี กองร้อยทหารพราน 4816 และอาคารสุดท้าย ( อาคารแรกจากริมถนน สุดท้ายจากด้านหลัง ) คือทำเลที่ดีที่สุด ใกล้กับ ฉก ที่สุด และอยู่สูง ยิงกดลง เข้า ฉก การตอบโต้ของ ฉก ต้องยิงขึ้นสูง พบร่องรอยอาคารถูกยิงเป็นรอยลูกกระสุน หลายลูก
๖ การเลือกกระทำการในตอนเย็น ประมาณสี่โมงเย็นเป็นเวลาที่หลีกเลี่ยงการสูญเสียที่ไม่จำเป็น ประชาชนใน โรงพยาบาลมีน้อย และเจ้าหน้าที่ในค่ายก็มีน้อย ไม่ประสงค์ให้เกิดการสูญเสียชีวิต
๗ ที่ต้องทำลายคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์เพื่อตัดการติดต่อ แต่ไม่มีความเสียหายมากกว่านั้น มากนัก เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลยังมีขวัญกำลังใจดี ต้องขอชื่นชม และส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง
๘ วันรุ่งขึ้นมีการระเบิดที่วังศาลา หมู่ 4 ตำบลจวบ เป็นไปได้ไหมว่าการโจมตี ทังที่วังศาลา และที่ ปัตตานี ๘ จุดเมื่อคืน วันที่ ๓๐ มีนาคม จะมีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่ต่อการติดตามกรณี การโจมตีโรงพยาบาลเจาะไอร้อง
ความเห็นและข้อเสนอแนะ
๑ การโจมตีของทั้งสองฝ่าย ( รัฐและผู้อยู่ตรงข้ามรัฐ ) ต้องละเว้นพื้นที่อ่อนไหว และพื้นที่สาธารณะอย่างเด็ดขาด สนับสนุนให้โรงเรียน โรงพยาบาล ตลาด มัสยิด วัด เป็นพื้นที่ปลอดภัยสาธารณะของทุกคน
๒ รัฐควรระมัดระวังในการดำเนินการตามนโยบายสันติสุข เพื่อไม่ให้เป็นเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรงขึ้นอีก
๓ รัฐควรรับรอง International Humanitarian Law ( IHL ) เพื่อใช้เป็นหลักในการทำงานสันติภาพ การรับรอง IHL จะทำให้ทั้งสองฝ่ายระมัดระวังในปฎิบัติการไม่ให้ละเมิดหลักการมนุษยธรรมที่มีความสำคัญต่อประชาชนในพื้นที่ และต่อเป้าหมายที่อ่อนไหว เป็นการยกระดับการทำงานสันติภาพของทั้งสองฝ่าย หากฝ่ายใดละเมิดจะต้องถูกประณาม
โดย มูลนิธิศักยภาพชุมชน
๓๐ มีนาคม ๒๕๕๙