จากกรณีที่มีผู้โพสต์บทความในเว็บไซด์ Deep south watch โดย South peace ที่ระบุว่า
จากคำยืนยันของนางสาว อัญชนา ฯ ประธานกลุ่มด้วยใจ ที่ได้เคยเผยแพร่ข้อมูลว่า การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชน การซ้อมทรมานผู้ต้องหา ทำให้สามารถพิสูจน์ได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น ผู้เขียนมั่นใจว่านางสาวอัญชนา ฯ ไม่ได้ถูกเจ้าหน้าที่รัฐ ข่มขู่ บังคับให้ลงข้อมูลแต่อย่างใด สังเกตได้จากสีหน้าที่ยิ้มแย้มของนางสาวอัญชนา ฯ
ผู้เขียนจึงอยากประชาสัมพันธ์ให้ญาติ และครอบครัว รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ อย่ากังวลหรือ
หวาดวิตก ต่อกระบวนการซักถามผู้ต้องสงสัย ในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งในปัจจุบันนี้มีความโปร่งใสตรวจสอบได้ ซึ่งพิสูจน์ได้จากคำยืนยันจาก นางสาว อัญชนา และสื่อมวลชน องค์กรภาคประชาสังคมที่เคยเข้าเยี่ยมชมศูนย์ซักถามแล้วว่าไม่มีการทำร้ายผู้ต้องสงสัย ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการซ้อมทรมานแต่ประการใด ส่วนผู้ต้องสงสัยเมื่อผ่านขั้นตอนวิธีการแล้วพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่จะทำการปล่อยตัวเพื่อกลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัวโดยเร็วที่สุด ส่วนคนผิดก็ต้องว่าไปตามผิดต้องรับโทษทัณฑ์กับสิ่งที่ตัวเองได้ก่อขึ้น ทั้งนี้หน่วยงานภาครัฐยังได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่กำลังหลบหนีอยู่ สามารถเข้ารายงานตัวแสดงตนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน โดยติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้ภูมิลำเนาของท่าน หรือผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่นได้ตลอด 24 ชั่วโมง
http://www.deepsouthwatch.org/node/8875
การประชุมนั้นมีพูดคุยในกรณีครอบครัวผู้ต้องสงสัยจากเหตุโรงพยาบาลเจาะไอร้อง ข้าพเจ้าไม่ได้ยืนยันว่าในการประชุมร่วมกันนั้นไม่มีการทรมานแต่อย่างใดเพราะผู้ที่ร้องเรียน มีจำนวนกว่า 18 ราย แต่มาพบในการประชุมไม่กี่ราย และในการประชุมมีทหารจำนวนกว่า 15 คน พบว่ามีการยืนยันว่ามีการปฏิบัติตามที่ร้องเรียน และบางกรณีก็ปฏิเสธ ในหลักการตรวจสอบกรณีการทรมาน ลักษณะการประชุมเช่นนี้ไม่สามารถนำไปสู่ข้อเท็จจริงได้ แต่อย่างน้อยก็มีคนยืนยันในข้อเท็จจริงที่ได้ร้องเรียน
การร้องเรียนและมีการพูดคุยตรวจสอบเป็นเรื่องที่ดีที่ข้าพเจ้าก็เห็นด้วยเพราะข้าพเจ้ายังยืนยันที่จะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันมิให้มีการละเมิดประชาชน แต่การระบุว่าครั้งนี้เจ้าหน้าที่ทหารคงทนไม่ไหวจึงได้เชิญข้าพเจ้าไปพบเพื่อพูดคุย ข้าพเจ้าเสียใจ ต่อข้อเขียนเช่นนี้ เพราะในห่วงเวลานั้น ข้าพเจ้าชื่นชมทหารที่เชิญให้ข้าพเจ้าไปพบ เชิญครอบครัวผู้ต้องสงสัยไปพบ เพื่อสื่อสารให้ตรงกัน แต่แท้จริงแล้ว ความในใจในบทความนี้แสดงให้เห็นว่าข้าพเจ้าเข้าใจผิด อีกทั้งการยิ้มของข้าพเจ้าก็เป็นการสื่อสารว่าไม่ได้ถูกขู่บังคับแต่อย่างใด การยิ้มคงไม่สามารถสื่อสารได้ว่าการประชุมกว่า 2 ชั่วโมงนั้น เป็นอย่างไร มันดูเป็นเรื่องตลกที่ใช้ตรรกะนี้มาอธิบาย และการนำข้อเขียนของข้าพเจ้ามาอ้างแบบนี้ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วย การกระทำที่ข้าพเจ้าพบเรียกว่ายังมีการกระทำแบบที่เรียกว่า ILL TREATMENT ยังไม่ถึงขั้นที่เรียกว่า TORTURE ซึ่งข้าพเจ้าและกลุ่มด้วยใจยังต้องค้นหาข้อเท็จจริงต่อไป
หากจะโพสต์ข้อความของข้าพเจ้าขออย่าได้บิดเบือน เพิ่มเติม ได้โปรด
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลเชิงลึกจากศูนย์ซักถามที่ปราศจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการซ้อมทรมาน
บททดสอบของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน
พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ ‘ต้องฟ้องเพื่อศักดิ์ศรีรัฐ’ อัญชนา หีมมิหน๊ะ ‘ยืนหยัดปกป้องสิทธิมนุษยชน’