Skip to main content

 

 

กลิ่นปากผู้ถือศีลอด!
 
 

รายงานจากท่านอิมามญะฟัร อัศศอดิก โดยท่านกล่าวว่า " อัลลอฮ์ทรงวะฮีย์ (วิวรณ์) แด่ท่านนบีมูซาว่า ... สิ่งอันใดเล่าที่รั้งเจ้าไว้ไม่ให้เอื้อนเอ่ยขอพรจากข้า ?

นบีมูซากล่าวตอบว่า... โอ้พระผู้อภิบาลของข้า สิ่งที่ประวิงข้าพระองค์ไว้คือกลิ่นปากของข้าฯ เนื่องจากข้าพระองค์กำลังถือศีลอด

อัลลอฮ์ทรงตรัสว่า ... โอ้ มูซาเอ๋ย แน่แท้กลิ่นปากของผู้ถือศีลอดนั้นหอมหวลสำหรับข้ายิ่งกว่ากลิ่นของชมดเชียง(หัวน้ำหอม) เสียอีก"

มีใครบ้างที่ไม่ต้องการจะมีกลิ่นอันจรุงใจในโลกหน้า

แน่นอนว่าโลกหน้าย่อมไม่มีใครพูดถึงความหอมของหัวเชื้อน้ำหอมอีกต่อไป ในวันนั้น การถือศีลอดนี่แหล่ะจะชโลมกลิ่นกายให้หอมกรุ่น

วันนั้นแก่นแท้ของการถือศีลอดจะปรากฎเป็นกลิ่นอันหอมหวลไม่เพียงแค่ในเชิงประสาทสัมผัสเท่านั้น เพราะความหอมหวลที่เหนือประสาทสัมผัส พระองค์อัลลอฮ์เท่านั้นที่ทรงทราบ

รายงานจากท่านอิมามศอดิกว่า "หากผู้ใดถือศีลอดในวันที่ร้อนระอุ และมีความกระหายน้ำอย่างหนัก

พระองค์อัลลอฮ์จะมอบภารกิจแก่มวลเทพมะลาอิกะฮ์กว่าหนึ่งพันองค์ให้ทำการโลมไล้ใบหน้าของผู้ถือศีลอดคนนั้น

และพร่ำแจ้งข่าวดี (ถึงผลรางวัลที่จะได้รับ) แก่เขาจนถึงยามที่เขาละศีลอด

และเมื่อเขาเริ่มละศีลอด อัลลอฮ์จะทรงตรัสว่า กลิ่นของเจ้าช่างหอมหวล โอ้มวลมะลาอิกะฮ์เอ๋ย จงเป็นพยานเถิดว่า ข้าได้อภัยโทษเขาแล้ว"

จะเห็นได้ว่า แก่นแห่งการถือศีลอดช่วยให้คนเราสามารถพัฒนาระดับขั้นให้เป็นผู้ที่พระองค์เอ่ยดำรัสด้วย

หากก่อนหน้าที่จะถือศีลอด คนเราเท่านั้นที่จะเพรียกหาพระเจ้าว่า "ยา อัลลอฮ์" (โอ้ พระเจ้าของข้าฯ)

แต่จากนี้เป็นต้นไป อัลลอฮ์จะทรงเอ่ยพระดำรัสกับเราด้วย "ยา อับดี" ( โอ้ บ่าวของข้า)

แน่นอนว่าหากอัลลอฮ์ผู้เป็นเจ้าแห่งสากลจักรวาลได้ยกย่องสิ่งใดว่าหอมหวล

กลิ่นละมุนนั้นย่อมสูงส่งกว่าที่จะนำมาเปรียบเทียบกับหัวน้ำหอมที่สะกัดจากสะดือกวางโดยไม่ต้องสงสัย (ชมดเชียงเป็นหัวน้ำหอมที่สกัดได้จากเลือดสะดือกวาง)

และอีกประเด็นหนึ่งก็คือ มีปรากฎในอัลกุรอานว่า ยามที่คนเลวตายไป มะลาอิกะฮ์แห่งความตายจะกระหน่ำทุบตีใบหน้าและแผ่นหลังของพวกเขาอย่างรุนแรง เกินบรรยาย ﴿یَضْرِبُونَ وُجُوهَهُمْ وَأَدْبَارَهُم﴾‎

ท่านเชค มุฮัมมัด อลี ชอฮ์ ออบอดี ผู้เป็นครูบาด้านรหัสยนิยมอิสลามของท่านอิมามโคมัยนี ท่านเป็นผู้ที่ประพันธ์ตำราอันทรงคุณค่าด้านอิรฟานไว้อย่างมากมาย

หนึ่งในตำราเหล่านั้นมีชื่อว่า "ชะซะรอตุล มะอาริฟ" โดยท่านได้กล่าวไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่า "เมื่อเวลาแห่งความตายมาถึง มลาอิกะฮ์ (แห่งโลกดุนยา) จะไล่ฟาดหลังของพวกเขา พร้อมกล่าวว่า"เวลาของเจ้าหมดลงแล้ว"

และมลาอิกะฮ์ (แห่งโลกหลังความตาย) ก็จะฟาดที่ใบหน้าพวกเขาเนื่องจากบัญชีความกระทำของพวกเขาว่างเปล่าจากความดีงาม "

ในขณะที่ผู้ถือศีลอดได้รับการโลมไล้จากมวลมะลาอิกะฮ์จำนวนกว่าพันองค์อย่างทะนุถนอมในโลกนี้

แน่นอนว่าในโลกหลังความตาย เขาย่อมได้รับผลรางวัลอันไม่มีใครสามารถประเมินได้นอกจากองค์อัลลอฮ์เท่านั้น

จากหนังสือปรัชญาแห่งอิบาดะฮ์ ประพันธ์โดย อายะตุลลอฮ์ ญะวาดี ออโมลี

http://www.alhassanain.com/thai/