เผยแพร่ครั้งแรก ที่ เฟสบุค Romlah Narathiwat
ช่วงเวลาข้ามวันอันวาร์กลายเป็นผู้ก่อการร้าย และในช่วงเวลาข้ามคืนอันวาร์กลายเป็นก่อการดี จากเป็นแกนนำกลุ่มจลาจลในเรือนจำปัตตานี กลายเป็นผู้ให้การช่วยเหลือผู้คุมฯ เป็นล่าม และตัวกลางไกล่เกลี่ย ข้างในเรือนจำกับข้างนอกเรือนจำ ..
ในขณะที่ข้างในเรือนจำมีแต่ผู้ต้องขัง ที่มีทุกสภาพอารมณ์โดยเฉพาะความฮึกเหิมบ้าคลั่ง นาทีนั้นทุกคนล้วนขาดสติ ฉันจินตนาการไม่ออกว่าสภาพคนข้างในเป็นอย่างไร แต่ฉันเชื่อโดยสัญชาตญาณของฉันว่า อันวาร์คงไม่อาจนิ่งดูดายมองเพื่อนมนุษย์นอนดิ้นตายอยู่ตรงหน้า และยืนนิ่งมองดูคนโอดครวญบาดเจ็บอย่างไม่สนใจใยดี ฉันเชื่อว่า อันวาร์ต้องคิดและลุกขึ้นทำอะไรสักอย่าง แม้ไม่อยากยุ่งกับความรุนแรงที่ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ แต่โดยสภาพอันวาร์คงไม่อาจหันหลังทำเป็นไม่สนใจแน่นอน เชื่อว่า นี่เป็นที่มาที่ทำให้ต้องมาลงจัดการเท่าที่จัดการได้ อันวาร์ไม่ใช่เป็นคนกลัวตาย ไม่ใชเป็น่คนหนีปัญหา ยิ่งเป็นเรื่องต้องช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่กำลังทุกข์ร้อนกระโดดเข้าหาแน่นอน ฉันมั่นใจเธอแมนพอ และฉันเคารพในความเป็นสุภาพบุรุษของสามีอันวาร์ที่น่ารักของเพื่อนๆ เสมอ ..
แต่สังคมอคติพูดให้ตายก็อคติเช่นเดิม โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่อันวาร์โดนมาตลอด 10 กว่าปี "แนวร่วมผู้ก่อการร้าย/แบ่งแยกดินแดน/ผู้เห็นต่าง" ครั้งแรกที่โดนข้อกล่าวหา แม้เป็นเพียงเป็นผู้ต้องสงสัย การเดินทางชีวิตก็ต้องสะดุดลง อนาคตที่วาดฝันไว้สวยงามก็ไม่ได้สานต่อ จะเรียนให้จบ จะเป็นนักข่าว จะส่งพ่อแม่ไปมักกะฮ์ ก็ได้แต่เพ้อ เหลือเพียงจินตนาการฝันฟุ้งที่ต้องใช้มายาคติขั้นสูงในการฝ่าความรู้สึกแย่ๆ นั่น หลังถูกพิพากษาให้กลายเป็นจำเลยอั้งยี่ซ่องโจรและผู้ก่อการร้าย อิสรภาพอนาคตดับสิ้นทันที เหลือเพียงความพยายามที่ต้องต่อสู้กับตัวเองหนักมาก ทั้งมายาคติในสังคม สื่อสารมวลชน สังคมอคติที่บริโภคข่าวสารโดยไม่ใช่วิจารณญาณ ปัญญาหดตามๆ กันเอาง่ายๆ เชื่อ งมงาย คลั่งสมองซีกซ้ายขวาทำงานไม่สมดุลกัน เกลียดยังไงก็ยังงั้น มีคนในสังคมเยอะทีเดียวไม่ชอบคนนายูมุสลิม เพราะกลัวโลกอิสลามและเชื่อเรื่องแบ่งแยกดินแดนฝังชิบ แต่โคตรหลงไหลอาหารการกิน วัฒนธรรม และบ้านเมืองปาตานี อย่างหัวปักหัวปำ แบบเดียวกับเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง ก็ไม่ว่ากัน เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ใครจะเป็นยังไงตราบใดที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แต่ได้โปรด อย่าอ้างรักคลั่งชาติ อ้างรักในหลวง แต่ทำร้ายผู้คนอย่างขาดสติ โดยเฉพาะบทผู้ใหญ่รังแกเด็ก บทผู้มีอำนาจรังแกผู้อ่อนแอ เรื่องราวเหล่านี้ให้มีแต่เพียงในบทละครนิยายปรำปราเถอะ อย่าให้มีในชีวิตจริงเลย ได้โปรดใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหาด้วย สังคมจะได้น่าอยู่มากขึ้น .. บ่นมากพอล่ะ ขอบคุณที่พยายามอ่านจนจบน่ะ