Skip to main content

 

Original Link Clik Here .

 

คณะสงฆ์ปัตตานีออกคำชี้แจงไม่เห็นด้วยกับพระมหาอภิชาติที่แสดงความไม่พอใจมุสลิมเรื่องปัญหาสามจังหวัดใต้ ระบุเป็นการบิดเบือนศาสนาและเพิ่มปัญหาความแตกแยกให้พื้นที่

คำชี้แจงนี้เจ้าคณะจังหวัดปัตตานี พระสิริจริยาลังการหรือเจ้าคุณชรัชได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กมีความยาวสองหน้ากระดาษ เรื่อง คำชี้แจงของคณะกรรมการฝ่ายการปกครอง คณะสงฆ์จังหวัดปัตตานี กรณีพระมหาอภิชาติ ปุณณจนโท ตอบโต้กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติฯ ลงวันที่ 5 ส.ค.2559

ใจความสำคัญของคำชี้แจงระบุว่าไม่เห็นด้วยกับการที่พระมหาอภิชาติ ออกคลิปในยูทูปตอบโต้การที่ถูกมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติส่งหนังสือร้องเรียนไปยังทางการขอให้ระงับยับยั้งการที่พระมหาอภิชาติออกมากล่าวสนับสนุนให้ใช้ความรุนแรงกับมุสลิมในสามจังหวัดภาคใต้ โดยในคำร้องเรียนกล่าวว่า การกระทำเช่นนั้นบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศ และผลของหนังสือร้องเรียนฉบับนั้นทำให้สำนักงานพระพุทธศาสนามีหนังสือถึงวัดที่พระมหาอภิชาติจำพรรษาอยู่ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระสงฆ์รูปนี้

ในคลิปตอบโต้มูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ พระมหาอภิชาติตั้งคำถามว่า มูลนิธิอาจอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดาภาคใต้ พร้อมกันนั้นยืนยันคำพูดเดิมที่เคยกล่าวไว้เมื่อปีที่แล้วอันเป็นที่มาของการที่ถูกขอร้องจากเจ้าหน้าที่ให้ปิดเฟซบุ๊ก นั่นคือขอให้ชาวพุทธตอบโต้การทำร้ายพระภิกษุแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน คือหากมีการสังหารพระ ให้เผามัสยิด โดยบอกว่า ที่ผ่านมาแนวทางแก้ปัญหาแบบสันติของทางการไม่ได้ผลและชาวพุทธทนไม่ได้อีกต่อไป “พระสงฆ์ไทยจะเป็นคนนำหน้าพี่น้องชาวพุทธเล่นงานพวกคุณ และเขาจะเปิดทั่วประเทศเพราะเขาถูกกดดันมานานแล้ว เขายอมรับชะตากรรมมานานแล้ว” พระมหาอภิชาติกล่าวในตอนหนึ่ง พร้อมยกตัวอย่างให้เห็นการกระทำของพระวีระธุของเมียนมาที่ปราบปรามโรฮิงญาว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้ในไทย

แต่ในหนังสือชี้แจงของคณะกรรมการฝ่ายการปกครอง คณะสงฆ์จังหวัดปัตตานีระบุว่า การแสดงออกของพระมหาอภิชาติที่ “แสดงออกทั้งทางกายและวาจา ที่ประกอบไปด้วยโทสะเป็นที่ตั้ง แสดงอาการกราดเกรี้ยว โกรธแค้น ชิงชัง คุกคาม ใช้วาจาหยาบคาย ข่มขู่ผู้คนที่ถือเป็นฝ่ายตรงข้าม” เป็นการชี้ให้เห็นถึง “การขาดความเป็นสมณสารูปของตนเองต่อสาธารณชน” และ “บิดเบือนหลักคำสอนที่แท้จริงของพุทธศาสนา”

คณะกรรมการบอกว่า ได้มีการประชุมกันเป็นกรณีพิเศษเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมาเพื่อหารือคลายความกังวลและความเข้าใจผิดของคนในพื้นที่ โดยมีพระสงค์ 9 รูปที่ประกอบไปด้วยเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอเมือง และอำเภอต่างๆในปัตตานี และมีผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาของปัตตานีเข้าประชุมด้วย ที่ประชุมสรุปว่าไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพระมหาอภิชาติ การทำเช่นนี้ถือว่าบิดเบือนคำสอนในศาสนา ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เพราะก่อให้เกิดความหวาดระแวงต่อกัน ทั้งยังก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในภาวะของความเป็นภิกษุ-สามเณรในพุทธศาสนา นอกจากนั้นยังขอให้ประชาชน พระภิกษุ สามเณรอย่าได้สนับสนุนการกระทำของพระมหาอภิชาติ สุดท้ายคำชี้แจงระบุว่าคณะกรรมการฝ่ายปกครอง คณะสงฆ์ปัตตานีแสดงความเสียใจ ไม่สนับสนุน ไม่ยอมรับการกระทำของพระมหาอภิชาติ

อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่พระมหาอภิชาติออกคลิปยูทูป ทางมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติก็ออกมาตอบโต้ เช่นเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิให้สัมภาษณ์กับโทรทัศน์ไวท์แชนแนลชี้ว่า เหตุที่ต้องทำหนังสือร้องเรียนไปถึงทางการให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระมหาอภิชาติก็เพราะได้พยายามติดต่อเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจกันแต่ไม่เคยเข้าถึงหรือเข้าพบตัวได้ เจ้าหน้าที่มูลนิธิระบุว่า เกรงว่าคำพูดของพระมหาอภิชาติจะปลุกกระแสให้เกิดความรุนแรงระหว่างคนต่างศาสนาแบบในเมียนมา พร้อมกันนั้นโต้ข้อคิดจากพระมหาอภิชาติหลายเรื่อง เช่นประเด็นของโรฮิงญาที่ตกเป็นเป้าของพระในเมียนมานั้นที่จริงไม่ใช่เป็นเรื่องของการที่มีโรฮิงญาข่มขืนคนพุทธ แต่เป็นเรื่องเพราะมีการเหยียดเชื้อชาติกันในประเทศนั้น นอกจากนี้ยังโต้ด้วยว่า การที่บอกว่ามุสลิมรังแกคนพุทธนั้นไม่เป็นความจริง พร้อมทั้งยกตัวอย่างเหตุการณ์หลายที่ที่มีกระแสต่อต้านการสร้างมัสยิดหรือห้ามคลุมผมหรือให้มีอาหารฮาลาลว่าเป็นตัวอย่างในทางตรงกันข้าม รวมทั้งหากจะบอกว่า พระสงฆ์ถูกฆ่าตาย 12 รูปในช่วงของความขัดแย้ง 12 ปีที่ผ่านมา แต่มุสลิมเสียชีวิตจำนวนมากกว่า โดยบอกว่าในปี 2547 เพียงปีเดียวมีมุสลิมเสียชีวิตเพราะเหตุการณ์กรือเซะไปกว่าร้อยคน และคนที่ทำให้คนเหล่านั้นตายก็ไม่ใช่มุสลิมแต่อย่างใด

 

กระแสของการตอบโต้กันไปมาที่เริ่มแรงขึ้นในโลกออนไลน์ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคนในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ ผู้ใช้โซเชียลมีเดียชาวพุทธในพื้นที่บางคนแสดงความอึดอัดโดยชี้ว่าเรื่องนี้จะยิ่งเพิ่มเงื่อนไขความขัดแย้ง และว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดไม่ใช่เรื่องของความขัดแย้งทางศาสนา และทุกฝ่ายต่างสูญเสียเหมือนกันทั้งสิ้น ในขณะที่ที่ผ่านมา คนต่างศาสนิกอยู่ร่วมกันได้

“ การแก้ปัญหาในพื้นที่ ไม่สามารถใช้ความรุนแรงได้หรอกครับ ต้องอาศัยความเข้าใจกัน การคุยกันมากกว่า ในประเด็นความรุนแรงในพื้นที่ คนมุสลิมเห็นชอบด้วยทุกคนหรือไม่ มันก็คงไม่ใช่เช่นกัน คนมุสลิมส่วนใหญ่ เขาก็ต้องการอยู่ร่วมกันด้วยความสงบ ทำมาหากินกันแบบปกติ เหมือนกันครับ” รักชาติ สุวรรณ คนพุทธในพื้นที่จากเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพเขียนไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัว

“พระผู้ใหญ่ เคยบอกว่า ทำไมเราไม่รักษาประเพณี วัฒนธรรมของคนพุทธไว้ให้เหนียวแน่น เรื่องนี้ต่างหากที่จะรักษาพุทธศาสนาไว้ในพื้นที่ แต่ก็ยังคงมีพระภิกษุอีกกลุ่มที่กำลังโหยหาความขัดแย้ง โดยการอ้างว่า มุสลิม หรืออิสลาม มาทำร้ายคนพุทธ หรือพยายามเชื่อมโยงไปถึงภาครัฐในกรณีวัดธรรมกาย ด้วยซ้ำไป พยายามยกเรื่องราวของรัฐอุ้มชูอิสลามมากกว่าพุทธ” เขาบอกว่าไม่มีทางที่คนต่างศาสนาจะทำลายศาสนาพุทธได้ แต่คนพุทธต่างหากที่จะทำลายศาสนาตัวเอง