Skip to main content

Original Link Clik Here .

 

กลาโหมเล็งตั้ง “รัฐบาลส่วนหน้า” ที่ชายแดนใต้ ขณะที่เครือข่ายชาวพุทธประณามเหตุคาร์บอมบ์ที่ปัตตานี

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผยว่ารัฐบาลเตรียมตั้งรัฐบาลส่วนหน้าในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเพิ่มความเข้มงวดการรักษาความปลอดภัยแก่ประชาชนในพื้นที่ หลังเกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ที่จังหวัดปัตตานีเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และผู้บาดเจ็บ 30 ราย โดยขณะนี้ตนกำลังหารือกับนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรื่องการปรับโครงสร้างการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่

สำนักข่าวแห่งชาติรายงานอ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร ซึ่งระบุเพิ่มเติมว่าอาจต้องลงพื้นที่เพื่อวางมาตรการรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น ทั้งยังได้มอบหมายให้ พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตรวจสอบว่าสาเหตุเกิดจากอะไร หากเหตุการณ์ยังไม่สงบคงไม่สามารถกำหนดข้อตกลงได้

ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ซึ่งเดินทางลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี ให้สัมภาษณ์กลุ่มผู้สื่อข่าวว่าได้มีการตรวจสอบกับผู้ว่าราชการจังหวัด ยืนยันว่ากล้องวงจรปิดในพื้นที่ใช้งานได้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรวบรวมหลักฐานและดำเนินการสอบสวนต่อไป ส่วนกรณีรถที่นำมาใช้ก่อเหตุเป็นรถของหน่วยงานพยาบาล เชื่อว่าเป็นความต้องการของผู้ก่อเหตุที่จะอำพรางให้ประชาชนเชื่อว่ารถดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ ซึ่งโดยหลักการเป็นเรื่องไม่ควรทำ และจะเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราพื้นที่ แต่ยังไม่มีเบาะแสเชื่อมโยงว่าเหตุระเบิดที่จังหวัดปัตตานีจะเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุในพื้นที่ 7 จังหวัดใต้ก่อนหน้านี้

วันเดียวกัน เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ ซึ่งเป็นกลุ่มประชาชนในจังหวัดชายแดนใต้ ออกแถลงการณ์ประณามการก่อเหตุระเบิดที่จังหวัดปัตตานีว่าเป็นความรุนแรง โหดร้าย ละเมิดสิทธิมนุษยชนและหลักมนุษยธรรม สร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชน และทำลายความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทางเครือข่ายจึงขอเรียกร้องให้ผู้ก่อเหตุออกมายอมรับหรือปฏิเสธการกระทำครั้งนี้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ต้องยุติการกระทำใดๆ ต่อเป้าหมายที่เป็นพลเรือน ซึ่งไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และขอให้ดำเนินการพูดคุยสันติสุขต่อไป โดยที่ฝ่ายรัฐและฝ่ายผู้เห็นต่างจะต้องปกป้องพลเรือนให้ห่างจากความขัดแย้งด้วย

ขณะที่แถลงการณ์ของมูลนิธิผสานวัฒนธรรมระบุว่าเหตุระเบิดเป็นการส่งเสริมให้วงจรของความรุนแรงยังคงอยู่ และส่งผลลบต่อบรรยากาศการเจรจาสันติภาพที่กำลังจะเกิดขึ้น มูลนิธิฯ เรียกร้องให้กลุ่มติดอาวุธ ไม่ว่าฝ่ายใด หลีกเลี่ยงการใช้อาวุธประหัตประหารและก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ เพราะอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ รัฐต้องนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ช่วยเหลือต่อผู้เสียหายทั้งทรัพย์สินและผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดในระยะยาว พร้อมย้ำว่าความอดทนอดกลั้นของทุกฝ่ายจะช่วยปกป้องคุ้มครองผู้บริสุทธิ์ในขณะที่หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้งนี้ด้วยแนวทางสันติวิธี