นายมูฮัมหมัดอายุบ ปาทาน ประธานสภาประชาสังคมชายแดนใต้ กล่าวกับสถานีวิทยุ ม.อ.ปัตตานีถึงเหตุคาร์บอมบ์ที่โรงแรมเซาท์เทิร์นวิวปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 23 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมาว่า ปัจจัยที่เกี่ยวข้องคิดว่าเป็นการกระทำของกลุ่ม ขบวนการฯ ที่เห็นต่างจากรัฐ แต่ประเด็นสำคัญคือว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรง มีประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย ประเด็นนี้รู้สึกหดหู่ทั้งที่อยู่ระหว่างการพูดคุยของทั้งสองฝ่าย
“ผมคิดว่าประชาชนในระดับข้างล่างเท่าที่เราลงทำเวที ประชาชนพูดถึงประเด็นที่ให้ความสำคัญ คือ ความปลอดภัย ผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง อันนี้เป็นพื้นที่ที่ต้องถูกสงวนไว้ น้ำหนักเรื่องแบบนี้ล่างข้างเริ่มพูดมากขึ้น เริ่มรู้สึกว่าความขัดแย้งจะต้องหาทางออกจะต้องป้องกันไม่ให้ผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบด้วย ผมคิดว่าทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายคนเห็นต่างต้องตระหนักมากขึ้นเพราะเสียงของประชาชนในประเด็นนี้สูงขึ้นและเยอะขึ้นในการเรียกร้องว่าความรุนแรงต้องไม่กระทำต่อผู้บริสุทธิ์ ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง สตรี ผู้สูงอายุ มีประเด็นแบบนี้มากขึ้นจากทุกเวทีที่เราไปเจอ ล่าสุดที่ผมไปทำเวทีโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาก็มีประเด็นข้อเสนอแบบนี้ว่าความปลอดภัย การกระทำต่อเด็กและสตรี ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องต้องละไว้ ผมคิดว่าเสียงแบบนี้จะต้องส่งสัญญาณให้คนที่คุยกันอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์ หรือ ที่จะคุยกันวันที่ 2 กันยายน นี้ สัญญาณเหล่านี้ต้องส่งไปให้เขาครับ ต้องบอกเขาว่านี่เป็นสิ่งที่ข้อเสนอของประชาชนข้างล่างต้องการ จะต้องมีเสียงมากขึ้น”ประธานสภาประชาสังคมชายแดนกล่าวและว่า
การที่จะทำให้เสียงของประชาชนหรือข้อเสนอต่าง ๆ ของประชาชนมีน้ำหนัก ถูกรับฟัง และมีผลต่อการหยุดการใช้ความรุนแรงของฝ่ายผู้เห็นต่างจากรัฐที่กระทำต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ตนคิดว่าขึ้นอยู่กับข้อตกลงของการพูดคุย การพูดคุยจะต้องมีความคืบหน้า ข้อตกลงหรือ TOR จะต้องมีความคืบหน้าระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย ข้อเสนอของประชาชนต้องบรรจุในข้อตกลงของการพูดคุยทั้ง 2 ฝ่าย ว่าผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ผู้บริสุทธิ์ ต้องถูกละไว้ ต้องให้ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายขบวนการที่เห็นต่างจากรัฐรับรู้เรื่องนี้ว่าพื้นที่โดยส่วนใหญ่ การสำรวจความคิดเห็นประชาชนจากทุกกลุ่มทุกฝ่ายเป็นประเด็นสำคัญ ประเด็นนี้จะต้องยกไปสู่โต๊ะเจรจาการพูดคุยอย่างจริงจัง และข้อเสนอนี้ไม่ใช่คุยเฉพาะคณะพูดคุยฝ่ายไทยกับคณะพูดคุยเห็นต่างจากรัฐเท่านั้นแต่จะต้องเป็นข้อเสนอที่ออกมาสื่อสารกับประชาชนด้วยว่าประชาชนที่อยู่ตรงกลางรู้สึกกังวลต่อเรื่องความปลอดภัย และคาดหวังว่าถ้าการพูดคุยเดินไปได้ทั้ง 2 ฝ่าย ความรุนแรงจะลดลง ดังนั้นต้องส่งสัญญาณไปยังบนโต๊ะเจรจาการพูดคุย
“ผมคิดว่าเท่าที่เราประเมินการพูดคุยต้องเดินต่อแน่นอนเพราะว่าการพูดคุยครั้งนี้เป็นโอกาส ภาคประชาสังคม พุทธ มุสลิม ทุกฝ่ายมีข้อเสนอออกมา การพูดคุยโดยรัฐบาลไทยกับกลุ่มมาร่าปาตานี ต้องรับฟังเสียงประชาชนและนำข้อเสนอของประชาชนไปอยู่ในข้อตกลงของการพูดคุยหรือ TOR ต้องทำให้เป็นรูปธรรมชัดเจนว่าเสียงของประชาชนถูกรับฟังและเป็นส่วนหนึ่งของการพูดคุยเพื่อสันติภาพ ต้องมีการสื่อสารกับประชาชนและสังคมส่วนใหญ่ว่าการพูดคุยสันติสุขมีความคืบหน้าไปอย่างไร เพราะการพูดคุยสันติสุขยังเป็นความหวังที่ประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่เชื่อวาจะสามารถคลี่คลายความขัดแย้งและถ่วงดุลการใช้ความรุนแรงในพื้นที่ได้”นายมูฮัมหมัดอายุบกล่าว
เผยแพร่ครั้งแรกที่ http://psu10725.com/2558/?p=2738