Skip to main content

 

อิมรอน   โสะสัน

            แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องลงยังพื้นถนน ผู้คนเตรียมตัวออกจากบ้านไปทำงานก่อนที่รถบนท้องถนนจะติดแน่น อากาศวันนี้วัดได้ 18 องศา หมอกตอนเช้าเทลงปกคลุมถนนจนมองพื้นถนนไม่ชัดนัก แต่..สุไลมาน ยังตื่นแต่เช้าเพื่อเข้างานให้ทันเวลา  8 โมงเช้าเหมือนเช่นทุกวัน

            อากาศเริ่มหนาวลง สุไลมาน ชายหนุ่มร่างท้วม ย้ายจากภาคใต้เข้ามาทำงานในภาคอีสานได้ไม่ถึง 3 ปี  เขาย้ายครอบครัวจากภูมิลำเนาเดิมมาอีสานด้วยต้องการความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน สภาพอากาศแบบนี้อาจไม่คุ้นเคยกับวิถีชีวิตของสุไลมานที่เติมโตมาจากภาคที่มีแต่ความร้อนและฝนตกชุกเกือบทั้งปี

            สุไลมาน มีความตั้งใจจะปรับตัวให้เข้ากับพื้นที่ ผู้คน วัฒนธรรมที่แตงต่าง เขาเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างผู้สังเกตการณ์ มีอะไรที่เขาจะช่วยชุมชนได้ เขาก็ไม่เคยปฏิเสธ เขาและครอบครัวระลึกเสมอว่า ไม่วันใดวันหนึ่งเข้าจะต้องย้ายออกจากชุมชนอีสานอีกครั้ง เพราะลักษณะงานของเขาจำเป็นที่จะต้องเดินทางและเคลื่อนย้ายตลอดเวลา

            เกือบปีที่ผ่านมา ญาติมิตร เพื่อนฝูง เดินทางแวะเวียนมาเยี่ยมสุไลมานไม่ขาดสาย เพื่อนๆบางคนถามว่าเมื่อไหร่จะกลับบ้าน ไม่คิดถึง ป๊ะ มะ ทางบ้านบ้างหรือ บางคนก็บอกว่า กลับไปบ้านเราดีกว่า อยู่ที่นี่ ญาติพี่น้องสักคนก็ไม่มี ชีวิตลำบาก หาที่ละหมาดก็ยาก ร้านอาหาร มัสยิด ก็มีน้อย กลับไปบ้านเราดีกว่า

            ความกังวล และความเป็นห่วงจากเพื่อนๆ ญาติพี่น้อง เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งสุไลมานกับครอบครัวต้องนั่งคุยกัยว่า ชีวิตที่อีสานจะเป็นอย่างไร ในทางกลับกัน ครอบครัวของสุไลมานเริ่มคุ้นชิน และเข้าใจความเป็นอีสานเพิ่มขึ้น เขาสามารถปรับตัวและค่อยๆได้รับการยอมรับจากชุมชน และที่ทำงานมากขึ้น ชีวิตเริ่มนิ่งขึ้น มีเพื่อนมากขึ้น และที่สำคัญ สุไลมานเริ่มผูกพัน ใกล้ชิดชุมชนที่เขาอาศัยอยู่มากขึ้น

             เกือบทุกวันหยุด สุไลมานมีงานอย่างหนึ่งที่เขากับครอบครัวได้ถือปฏิบัติกันมาคือการเดินทางไปตามชุมชนมุสลิมต่างๆในภาคอีสาน เข้ารักที่จะพบปะพูดคุย และช่วยเหลืองานของชุมชนต่างๆ เช่น งานมัสยิด ค่ายเยาวชน และ งานอื่นๆ เขามีความสุขมากที่ได้อุทิศเวลาบางส่วนให้กับสังคม เขาเชื่อมั่นมาตลอดว่า ถ้าชุมชนดี สังคมดี ครอบครัวของเขาก็จะมีภูมิคุ้มกันที่ดีไปด้วย แต่..ถ้าเขาคิดเฉพาะครอบครัวอย่างเดียว และไม่คิดที่จะสร้างภูมิคุ้มกันภายนอก ย่อมเป็นภาวะอันตรายอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวของเขาเหมือนกัน

            คืนนี้ท้องฟ้าเปิด ลมหนาวเริ่มพัดแรงขึ้น สุไลมานพาภรรยาพร้อมลูกสาวที่น่ารัก 2 คนออกมาตากลมทานอาหารค่ำที่ระเบียงหน้าบ้าน คืนนี้เป็นอีกคืนที่สุไลมานครุ่นคิดถึงคำพูดต่างๆของเพื่อนฝูงและญาติที่อยู่ทางภาคใต้ เขาจ้องมองลูกสาวทั้งสองที่กำลังโตและกำลังจะต้องตัดสินใจย้ายเข้าเรียนโรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เข้าใช้เวลาบนโต๊ะอาหารเป็นห้องเรียนสอนศาสนาลูกๆ เขาอุ่นใจที่ภรรยามีพื้นฐานทางศาสนาอย่างดี และเป็นแบบอย่างให้กับลูกสาวของเขาได้ตลอดเวลา ภรรยาของสุไลมาน รับผิดชอบครอบครัวเต็มเวลาในฐานะแม่บ้าน เธอยอมลาออกจากงานราชการที่เธอรักมาใช้ชีวิตกับสุไลมานด้วยเหตุผลของความซื่อสัตย์ที่ภรรยาพึงมีแด่สามีและลูกๆของเธอ

            ก่อนย้ายมาประจำการที่อีสาน สุไลมานได้ถามถึงความสมัครใจของภรรยา เธอบอกกับเขาว่า “อย่าได้กังวลไปเลย เราอยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน ถ้าเราไม่ลืมอัลลอฮ์ พระองค์ก็จะทรงดูแล รักษาครอบครัวของเรา บังไม่ต้องเป็นห่วงนะ”  

            คื่นนี้ ถึงแม้ว่า จะไม่มีบทสรุปใดๆเกิดขึ้น สุไลมานก็ยังคิดไม่ตกอยู่ดีว่าเขาควรจะทำอย่างไรกับความคิดของเขาที่เริ่มลังเล เขาอาจจะเป็นห่วงลูกๆ ภรรยา และ ไม่สบายใจที่ห่างบ้านมานาน ป๊ะกับมะ ของเขาเริ่มชราลงมาก น้องๆก็เริ่มมีครอบครัวเป็นของพวกเขาเอง เขาเองในฐานะลูกคนโตจะไม่คิดอะไรเอาเลยก็ไม่ได้ ห่วงหน้า ห่วงหลังตลอดเวลา อย่างน้อยที่สุด เขาก็ยังสบายใจได้ว่า ลูกสาวของเขาไม่เคยบ่นว่าจะอยู่ที่ไหน ขอให้มีพ่อ มีแม่ พวกเขาก็สุขใจแล้ว

            ในอีกฉากหนึ่งของเขา สุไลมานร่วมมือกับชุมชนสร้างมัสยิดขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมของชุมชนมุสลิม  มีมุสลิมไม่น้อยที่อพยพเข้ามาสร้างบ้าน เช่าบ้านใกล้ๆมัสยิด ตั้งแต่พวกเขารู้ข่าวการสร้างมัสยิดหลังใหม่ มัสยิดที่สร้างขึ้นเริ่มเป็นที่สนใจและดึงดูดให้มุสลิมต่างที่ ต่างถิ่น และจากต่างประเทศ มาเรียนรู้ และรู้จักกันมากขึ้น สุไลมานกลายเป็นที่ปรึกษาหลักคนหนึ่งของชุมชน เขาเริ่มเป็นที่รู้จัก มีเพื่อนใหม่ๆ มีเครือข่ายใหม่ๆ ผ่านงาน กิจกรรมต่างๆของชุมชน

            ผ่านวันเวลา ผ่านเรื่องราว ทั้งทุกข์ สุข เจ็บปวด สุไลมานเรียนรู้ว่า ชีวิตของเขาหยุดนิ่งไม่ได้ เขาตระหนักเสมอว่า ถ้าชุมชนใดที่เขาอาศัยไม่มีความพร้อมในความสะดวกในการใช้ชีวิตแบบอิสลาม ขาดสถานที่ละหมาด ขาดร้านอาหาร ขาดกุโบร์ เขามีความจำเป็นที่จะต้องสร้างขึ้น หรือ ร่วมกันคิดกับคนอื่นๆที่จะช่วยกันสร้างขึ้นมา แต่ถ้าที่แห่งใดมีความพร้อมทางโครงสร้างชุมชนมุสลิมรองรับ เขาก็จะไม่นิ่งดูดายกับงานที่เขาพอจะช่วยได้

            ถามว่าทำไมเขาถึงคิดแบบนั้น คำตอบคือ ลูกๆ ครอบครัวของเขาจะต้องมีบรรยากาศแบบอิสลามคอยประคอง และป้องกัน ถึงแม้ว่า อาจจะไม่สมบูรณ์หรือพร้อมมากนักเมื่อหันไปมองที่อื่นๆ แต่เขาก็ภูมิใจว่าเมื่อเขาจากไป เขาได้ทิ้งสิ่งเหล่านี้ให้กับชุมชนที่เขาจากมา เพราะเขาไม่รู้ว่า วันหนึ่งในอนาคตข้างหน้า ลูกของเขาต้องไปทำงาน ไปแต่งงาน อยู่ ณ ที่แห่งใด ลูกๆอาจจะกลับมาอยู่ ณ ชุมชนที่พวกเขาเคยอาศัยสมัยเด็กๆก็เป็นได้

            สุไลมาน ไม่เคยมีเจตนาว่าจะใช้ชีวิตที่ไหนเป็นที่สุดท้าย เขาเตรียมพร้อมตลอดเวลาสำหรับการเปลี่ยนแปลง การจากลา และ..ยามลมหนาวมาเยือนอีกครั้ง.......เขาจะอยู่ที่เดิมหรือจากไป คงไม่ใช่ความกังวลของเขาอีกต่อไป….