Skip to main content

 

 

ขณะนี้ (๐๙-๑๑-๒๕๕ขง๙) ได้มีกลุ่มผู้อเมริกันชนมากมาย ออกมาเดินขบวนประท้วง ไม่ต้องการให้ "Donald Trump" เป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยการประท้วงนี้เกิดขึ้นในพื้นที่กว่า ๗ เมืองด้วยกัน

 

ภายหลังจากการประกาศผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏว่า "โดนัลด์ ทรัมป์" จากพรรครีพับลิกัน มีชัยเหนือ "ฮิลลารี่ คลินตัน" จากพรรคแดโมแครต

 

ซึ่งถือเป็นข่าวใหญ่ที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลก ทั้งยังเป็นการพลิกโผของการคาดการณ์จากบรรดาผู้คนทั้งหลายอีกด้วย

 

"โดนัลด์ ทรัมป์" มหาเศรษฐีจากนครนิวยอกค์ ผู้ที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา ได้ชูวลีสำคัญว่า "Make America Great Again" พร้อมเสนอนโยบายสุดโต่งหลายประการในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของเขา

 

เป็นต้นว่า จะกีดกันแรงงานชาวต่างชาติมิให้ทำงานในสหรัฐฯโดยสะดวก ขับไล่บรรดาผู้ลี้ภัยออกจากประเทศ ประกาศให้มีการสร้างกำแพงกั้นพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ และเม็กซิโก้ เพื่อกั้นขวางบรรดาผู้หลบหนีเข้าเมือง

 

สนับสนุนให้มีการแบ่งแยกผิวสี ความเชื่อในสังคม รวมถึงการท้าทายนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯที่ผ่านมา

 

ชูนโยบายปราบปรามกลุ่ม ISIS อย่างรุนแรง เสนอให้มีการเปิดเรือนจำที่กวนตานาโมอีกครั้ง เป็นต้น

 

ทั้งนี้เขายังถูกกล่าวหาในเรื่องการหลบเลี่ยงการจ่ายภาษีให้รัฐ ในช่วงเวลาที่เขาดำเนินธุรกิจ และมีแนวคิดเหยีดหยามทางเพศอย่างรุนแรง

 

เมื่อผลประกาศถึงชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของเขาได้รับการยืนยัน ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงไปตามๆ กัน หลายประเทศทั่วโลกต่างต้องเตรียมตัวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้

 

และยังก่อให้เกิดความไม่พอใจแก่บรรดาผู้ไม่สนับสนุนในนโยบายของเขา โดยบรรดาผู้ประท้วงได้กล่าวว่าพวกเขาไม่ต้องการให้ประเทศเกิดบรรยากาศความเกลียดชังไปมากกว่านี้ และไม่ยอมรับถึงวุฒิภาวะของโดนัลล์ ในการขึ้นเป็นผู้นำประเทศที่มีความหลากหลายสูง

 

"Don't Make America hate again" กลายเป็นคำล้อเลียนในการประท้วงครั้งนี้

 

ปรากฏการณ์การเดินขบวนประท้วงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาของกลุ่มชนขนาดใหญ่ นับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก

 

และเมื่อไม่นานมานี้ "รัฐแคลิฟอร์เนีย" ซึ่งเป็นรัฐที่มีเสียงของคณะผู้เลือกตั้งประธานาธิบดีที่มากที่สุดในประเทศ ได้เริ่มมีการเรียกร้องให้แยกตัวออกจากสหรัฐอเมริกา อันเป็นผลจากผลการเลือกตั้งครั้งนี้เช่นเดียวกัน 

 

#PrinceAlessandro

09-11-2016

#USASTORY

#USelection