ขอร่วมแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับข่าวใน Benar News Thai เรื่องการปรับโครงสร้างสภาแกนนำ BRN
#เรื่องชื่อ เห็นด้วยกับ Hara Shintaro ว่าการเรียกขานตัวเองของบีอาร์เอ็นนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับถ้อยแถลงที่เป็นทางการหลายครั้งในรอบ 3 ปีมานี้ พวกเขามักจะไม่มีนามสกุลห้อยท้ายเป็น C หรือ Koordinasi หรือ Coordination ใดๆ
จากปากคำของพวกเขาเองหลายครั้งที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ (และสนทนากันต่อหน้า) นามสกุล C นั้นมาจากสิ่งที่เรียกว่า Majlis Koordinasi ซึ่งเป็นกลไกภายในที่จัดตั้งขึ้นมาในปี 1980 เพื่อคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งระหว่าง Pengurusi (ประธาน) กับ Setiasa Agong (เลขาธิการใหญ่) ในขณะนั้น ฮัซซัน ตอยิบ เคยให้สัมภาษณ์กับนักข่าวท้องถิ่นครั้งนึงว่ากลไกที่ว่านี้ทำงานจริงๆ อยู่เพียงไม่กี่เดือน (บางข้อมูลว่าแกเป็นหนึ่งในคณะกรรมการยุคนั้นด้วย และจริงๆ แล้วทำงานอยู่ราว 8 เดือน) พรรคบีอาร์เอ็นก็ประสบกับปัญหาภายในยากที่จะแก้ไขได้
นั่นเป็นที่มาของการแตกตัวเป็นบีอาร์เอ็น สกุลต่างๆ คนที่อยู่ในสภา Koordinasi บางส่วนเดินหน้าทำงานต่ออย่างปิดลับลงใต้ดิน ในขณะที่ Kongress ซึ่งมีอำนาจต่อรองมากกว่าเพราะกุมกองกำลังในป่าก็เคลื่อนไหวอยู่เฮือกสุดท้ายก่อนจะสลายตัวไป
เรื่องเล่าของความแตกแยกนี้กลายมาเป็นชุดข้อมูลหลักของฐานข้อมูลข่าวกรองของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งต่อมาก็เผยแพร่อย่างกว้างขวางในสื่อมวลชน เราๆ จึงได้รับรู้ว่าบีอาร์เอ็นมี 3 ฝ่าย คือ โคออดิเนต คองเกรส และอูลามา
ทั้งๆ ที่จริงๆ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เยอะมากในรอบ 30-40 ปีที่ผ่านมา
ในช่วงเวลาเหล่านั้น ผู้นำบางคนก็สัมผัสได้ว่าการแยกแยะเช่นนี้มีปัญหา เพราะมันทำให้ทอนพลังในการต่อสู้และความเป็นเอกภาพภายใน บางครั้งจึงมีการกำชับว่าบีอาร์เอ็นนั้นมีหนึ่งเดียวที่แท้เท่านั้น ไม่มีอย่างอื่น
ที่แน่ๆ "BRN-C" ไม่ได้กลายเป็นชื่อเรียกขานตัวเองอีกต่อไปแล้วครับ
ทีนี้ เมื่ออ่านรายงานข่าวดีๆ ก็จะพบว่าแหล่งข้อมูลของเอกสารชิ้นนี้เป็น "เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม" ซึ่งทำให้เราๆ สามารถชั่งใจถึงความน่าเชื่อถือของข้อมูลได้ว่าจะมีอยู่มากน้อยเพียงใด ส่วน Benar News นั้นเป็นใครหรือหนุนโดยใครนั้น อาจเป็นเรื่องสำคัญในการประเมินคุณค่าของข้อเท็จจริงนี้ แต่อย่างน้อยๆ ก็แฟร์พอที่จะบอกว่าแหล่งข้อมูลนี้มาจากไหน
เอาเถอะ ไม่ว่าจะมาจากบีอาร์เอ็นจริงหรือไม่ แต่ข้อความเหล่านี้บอกอะไรกับเราบ้าง
1) ที่น่าสนใจที่สุดไม่ใช่ตำแหน่งประธานหรือตำแหน่งใดๆ แต่คือเลขาธิการ ใครก็ตามที่ปล่อยเอกสารชิ้นนี้ต้องการยืนยันว่า "เปาะซูเลาะห์" คือเลขาธิการ "คนใหม่" เรื่องนี้ที่จริงแล้วเป็นเรื่องซีเรียสจริงจังพอสมควร
2) การเผยตัวตนของดีพีพีใหม่นั้นเป็นการตั้งคำถามถึงความชอบธรรมของมาราปาตานีไปด้วยในเวลาเดียวกัน ดังที่ข้อสังเกตของแหล่งข่าวคนอื่นที่ช่วยประเมิน (พล.อ.สำเร็จ) น่าสนใจก็คือรายงานปล่อยออกมาจังหวะเวลาระหว่างการพบปะของคณะทำงานเชิงเทคนิคพอดิบพอดี ข้อสังเกตนี้อาจารย์ชินทาโรก็มีไว้ในคอมเมนท์
3) ที่จริง อาจารย์ชินทาโรตั้งข้อสังเกตในคอมเมนท์เรื่องภาษาที่ออกจะประหลาดนิดหน่อยแต่เป็นข้อสังเกตที่ดี เพราะแกติดตามภาษาที่ใช้สื่อสารแบบนี้มานาน มันมีแบบแผนบางอย่างที่เปลี่ยนไป ผมเองไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยครับ
4) เป็นไปได้สูงว่าเอกสารชิ้นนี้จะถูกทำขึ้นโดยที่บีอาร์เอ็นไม่รู้เห็น นี่เป็นจุดอ่อนที่สุดขององค์กรลับที่ไม่มีการสื่อสารต่อสาธารณะ นั่นก็คือถูกสวมรอยได้ง่าย ตรวจสอบได้ยาก ที่จริงมีหลายกรณีที่เป็นเช่นนี้ ไว้ค่อยคุยกันครับ
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
ขบวนการบีอาร์เอ็นปรับสภาองค์กรนำ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงกล่าว
คำถามเกี่ยวกับรายงานข่าวจากสำนักข่าว Benar News เรื่องการปรับโครงสร้างสภาแกนนำ BRN-C