Skip to main content

 

กินช็อกโกแลตเป็นยา

 

รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน

 

 

เรื่องกินช็อกโกแลตเป็นยาเชื่อกันมานานนับพันปีแล้ว เริ่มกันตั้งแต่แถบพื้นที่อเมริกากลางและอเมริกาใต้ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของโกโก้วัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตช็อกโกแลต ชาวอินเดียนแดงในอารยธรรมเก่าไม่ว่าจะเป็นเผ่ามายา แอสเท็คหรืออินคาเชื่อกันว่าเครื่องดื่มจากผงโกโก้จัดเป็นยาโป๊วช่วยเพิ่มพลังทางเพศให้กับทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงได้ เชื่อกันถึงขนาดนั้น

เรื่องยาโป๊วหรือยาโด๊ปของช็อกโกแลตเป็นผลมาจากช็อกโกแลตอุดมไปด้วยสารเฟนิลเอทิลเอมีน (phenyl-ethylamine) ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายขับสารเคมีสองตัวออกมาในเลือด ได้แก่ โดปามีน และอะดรีนาลิน โดยโดปามีนเป็นฮอร์โมนในสมองที่ทำให้เกิดความสุข ร่างกายกระฉับกระเฉง อะดรีนาลินเป็นฮอร์โมนที่ทำให้น้ำตาลกลูโคสหลั่งเพิ่มขึ้นในกระแสเลือดช่วยเร่งการใช้พลังงานของร่างกาย

นอกจากนี้ช็อกโกแลตยังมีสารเฟนิลอะลานีน (phenylalanine) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ช่วยทำให้เกิดอารมณ์รื่นเริงสนุกสนานมากขึ้น มีสารกาเฟอีนช่วยกระตุ้นประสาททำให้ตื่นตัว สารทั้งหมดนี้ช่วยให้ร่างกาย เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังรักอีกทั้งยังสร้างความครึกครื้นไม่ง่วงเหงาหาวนอนเพิ่มเข้าไปอีก

นั่นเป็นเรื่องของยาโป๊ว ลองมาดูเรื่องการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดกันบ้าง นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยรัฐหลุยเซียน่า สหรัฐอเมริกาพบว่าแบคทีเรียในกระเพาะอาหารของคนเรากลุ่ม Bifidobacterium สามารถเปลี่ยนฟลาโวนอยด์ในช็อกโกแลตให้เป็นสารโพลีฟีนอลิกที่ช่วยป้องกันภาวะอักเสบ สารชนิดนี้ดูดซึมเข้ากระแสเลือดช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดลง

ปัญหาของช็อกโกแลตคือเติมนมและน้ำตาลมากเกินไป ช็อกโกแลตนม (Milk chocolate) จึงทำให้เกิดโรคอ้วนและฟันผุได้ หากอยากกินช็อกโกแลตเป็นยาต้องเลือกช็อกโกแลตดำ (Dark chocolate) ที่ไม่เติมน้ำตาลหรือนม เวลากินต้องทนเอาหน่อยเพราะหาความอร่อยไม่ได้เอาเลย

ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป และ ภาพระยะใกล้