สรุปเนื้อหาและกิจกรรมในการอบรมเชิงปฏิบัติการ
“พลังวิทยุชุมชนกับกระบวนการสันติภาพชายแดนใต้/ปาตานี”
วันที่ 10 สิงหาคม 2557
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
10 เเนวคิดพื้นฐานเพื่อเข้าใจกระบวนการสันติภาพเเละการนำเสนอผ่านสื่ออย่างได้ผล
โดย ดร.นอร์เบิร์ต โรเปอร์
สถานวิจัยความขัดแย้งและความหลากหลายทางวัฒนธรรมภาคใต้ (CSCD) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
กระบวนการ:
- จัดที่นั่งกลุ่มละ: 4 - 5 คน ต่อกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีสมาชิกผสมกัน จัดที่นั่งเเบบนั่งทานอาหาร
- เเต่ละกลุ่มกำหนดผู้อำนวยความสะดวกและผู้เขียนบัตรอย่างละ 1 คน
- การบรรยาย: เเต่ละหัวข้อมีการบรรยายประมาณ 10 นาที
- หลังจากการบรรยายแต่ละกลุ่มอภิปรายเพื่อหาคำตอบคำถามปลายเปิดที่กำหนดภายในกลุ่ม หากไม่สามารถหาคำตอบให้เสนอความคิดเห็นที่ควรอภิปรายให้ละเอียดขึ้น โดยเขียนไว้ในบัตร
- ผู้อำนวยความสะดวกและทีมงานจัดกลุ่มบัตรต่างๆ บนกระดานติดบัตร
- หากผู้อำนวยความสะดวกคิดว่ามีประเด็นที่เป็นจุดสำคัญมาก ที่ควรได้รับการชี้แจงทันที ให้เเจ้งผู้บรรยาย
(1) แนวคิดพื้นฐานที่ควรเรียนรู้เกี่ยวกับความขัดเเย้ง ความรุนเเรง เเละสันติภาพ
- แนวโน้มเกี่ยวกับความรุนแรงและสันติภาพจากทั่วโลก
- สันติภาพเชิงลบและสันติภาพเชิงบวก
- สันติภาพระหว่างรัฐ
- สันติภาพภายในรัฐ
- สถานการณ์ที่มิใช่ทั้งสงครามเเละสันติภาพ
(2) สิ่งที่ทำให้ความขัดแย้งอยู่ในภาวะยืดเยื้อเรื้อรังคืออะไร?
- เมื่อกลุ่มคนที่มีอัตลักษณ์ของกลุ่มร่วมกัน (จากวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ภาษา ศาสนา) รู้สึกว่าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเป็นระยะเวลานาน
- เมื่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับความชอบธรรมของระเบียบทางการเมือง การเข้าถึงเเละการควบคุมทรัพยากรของรัฐ
- เมื่อความขัดแย้งมีมิติข้ามชาติหรือมิติระหว่างประเทศ
- เมื่อความขัดเเย้งกลายเป็นความรุนแรง เพราะความรุนแรงได้ผลิตและให้กำเนิดความรุนแรงซ้ำไปซ้ำมา
(3) ทำไมทุกฝ่ายเชื่อว่าตนเป็นฝ่ายถูกในความขัดแย้ง?
- การจัดการความขัดแย้งให้คลี่คลายลงไปได้นั้นสามารถดำเนินการผ่านการใช้อำนาจครอบงำจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือผ่านการจัดการการเจรจาต่อรองรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง หรือใช้ทั้งสองวิธีการร่วมกัน
- ผู้คนที่มีอัตลักษณ์ร่วมสั่งสมชุดของประสบการณ์ร่วมผ่านประวัติศาสตร์ของกลุ่มตน ซึ่งเกี่ยวข้องกับความทรงจำต่อเรื่องราวทั้งที่เป็น "ความรุ่งโรจน์" หรือ "บาดแผล" ในการเล่าเรื่องทางประวัติศาสตร์ที่มีอยู่ร่วมกัน
- บ่อยครั้งที่มีเพียงเรื่องเล่าเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงรูปแบบเดียวเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับจากทางการ
- ตัวอย่างเช่น อังกฤษ สกอตแลนด์และไอร์แลนด์, เซอร์เบีย โครเอเชียและบอสเนีย เเละประวัติศาสตร์ของจังหวัดชายแดนภาคใต้/ปาตานี
(4) สิ่งที่จำเป็นต้องรู้เพื่อจะเข้าใจความขัดแย้งคืออะไร?
- ใครเป็นตัวแสดงและผู้มีส่วนได้เสีย และพวกเขาเหล่านั้นมีคความสัมพันธ์ต่อกันและกันอย่าไร?
- อะไรคือจุดยืน จุดสนใจ ความต้องการ และความกลัว ของบรรดาตัวแสดงและฝ่ายต่างๆ เหล่านั้น?
- อะไรคือแรงขับเคลื่อนความขัดแย้ง: ความรุนแรงและการต่อต้านด้วยการใช้ความรุนแรง ปัจจัยทางเศรษฐกิจ ความไม่เท่าเทียมกัน ความไม่ไว้วางใจ อิทธิพลจากภายนอก การศึกษา เป็นต้น
(5) เราจำเป็นต้องมี “กระบวนการสันติภาพ” เพื่อที่จะบรรลุถึง “สันติภาพ” ใช่หรือไม่?
- ชาวปาเลสไตน์: เราเบื่อหน่ายกระบวนการสันติภาพเเล้ว เราต้องการสันติภาพ!
- “ข้อตกลงสันติภาพ" จะได้มาง่ายขึ้น เมื่อมีผู้ชนะและผู้แพ้ที่ชัดเจน (ดูตัวอย่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามโลกครั้งที่ 2 - แต่ไม่สามารถรับประกันได้ว่าข้อตกลงสันติภาพจะมีความยั่งยืน)
- “ความขัดแย้งยืดเยื้อเรื้อรัง" ให้กำเนิด "กระบวนการสันติภาพยืดเยื้อเรื้อรัง"
- ตัวอย่างเข่น ทัศนะของ จอร์จ มิทเชลส์ (George Mitchells) ต่อกระบวนการสันติภาพไอร์แลนด์เหนือ ...
- กระบวนการที่พอเหมาะพอควร = ใช้เวลา 5 - 6 ปี และไม่มี “ทางออก" (resolution) ที่ชัดเจน จะมีก็เพียง "การแปรเปลี่ยนความขัดแย้ง" (transformation)
(6) การสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนนั้นต้องการคนทำงานแบบไหน?
- ปิรามิดตัวเเสดงของเลอเดอรัค (Lederach)
- ต้องการการแรงสนับสนุนที่มากพอ เมื่อเทียบกับจำนวนนักวิจารณ์และ "ตัวป่วนสันติภาพ" (spoilers)
- ผู้นำที่สามารถยอมรับความเสี่ยงและเอื้อมไปแตะมือฝ่ายอื่นๆ ได้ พร้อมทั้งสามารถทำให้ฝ่ายของตัวเองให้การสนับสนุนได้ ตัวอย่างเช่น: โทนี่ แบลร์ ในกรณีไอร์แลนด์เหนือ (ไม่ใช่กรณีอิรัก) และประธานิธิบดีเบนิโน “นอยนอย” อาควิโนที่สาม ในกรณีมินดาเนา, ฟิลิปปินส์
- ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงสู่สันติภาพและมวลชนผู้สนับสนุนสันติภาพที่ไม่หวั่นเกรงต่อการปรากฏตัวสู่สาธารณะ
- คนที่มีความสามารถในการสร้างช่องทาง “ประตูหลังบบ้าน” ที่สามารถทำงานอย่างได้ผล
(7) บทเรียนที่สำคัญจากความสำเร็จและความล้มเหลวในกระบวนการสันติภาพคืออะไร?
- ภาษามีความสำคัญ: เเต่ละฝ่ายพูดถึงฝ่ายอื่นๆ อย่างไร?
- กระบวนการสันติภาพต้องมี (1) “โรดแมป” หรือแผนที่นำทางเพื่อสันติภาพที่สมเหตุสมผล (2) การประสานเกี่ยวโยงกับคู่สนทนาสำคัญๆ ของแต่ล่ะฝ่ายอย่างยั่งยืนเเละจริงใจ (3) โครงสร้างการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับมือกับประเด็นสำคัญต่างๆ (4) ตาข่ายนิรภัยหนุนเสริมกระบวนการสันนติภาพของแทร็ค 1.5 ของแต่ละฝ่าย (5) การมีส่วนร่วมของสาธารณชนอย่างมีนัยสำคัญใน “แทร็ค 2” และ “แทร็ค 3” (6) การดำเนินการของสื่อควบคู่กับกระบวนการสันติภาพด้วยความรับผิดชอบ
- กระบวนการสันติภาพต้องการผู้สนับสนุนจากบรรดา "ชนกลุ่มน้อย" ในพื้นที่ที่อยู่ภายใน "คนกลุ่มใหญ่" ในพื้นที่
- ดูตัวอย่างความคืบหน้ากระบวนการสันติภาพชายแดนใต้/ปาตานี
- ท้ายที่สุด กระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืนต้องอาศัยความตั้งใจจริงที่จะประนีประนอมและการยอมโอนอ่อนจากทั้งสองฝ่าย
(8) เหตุใด “ฝ่ายที่สาม” จึงเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับกระบวนการสันติภาพ?
- ฝ่ายที่สามมีความสำคัญในการสำรวจอย่างระมัดระวังว่าคู่สนทนาทั้งสองฝ่ายเปิดกว้างต่อการพูดคุยสันติภาพหรือไม่เพียงใด?
- ฝ่ายที่สามสามารถเป็นที่ปรึกษาของทั้งสองฝ่าย ด้านข้อดีและข้อเสียจากผลการตกลงเจรจาต่อรองและวิธีการที่เหมาะสมบางประการของข้อเสนอ
- ฝ่ายที่สามสามารถให้การรักษาความปลอดภัยสำหรับบุคคลที่มีความหวาดกลัวที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับฝ่ายอื่น
- ฝ่ายที่สามสามารถช่วยสร้างการเชื่อมโยงกับองค์กรเพื่อเพิ่มศักยภาพและจัดการแลกเปลี่ยนกับเครือข่ายเพื่อนมิตรที่ผ่านประสบการณ์ที่คล้ายกันมาก่อน
- ผู้คนสามารถกล่าวโทษฝ่ายที่สามได้ถ้าข้อตกลงสันติภาพไม่ประสบความสำเร็จ
(9) เหตุใดจึงจำเป็นต้องมี “พื้นที่สาธารณะ” และ “สื่อสารมวลชนสันติภาพ” เพื่อสันติภาพที่ยั่งยืน
- กระบวนการสันติภาพที่มีสัมฤทธิผลจำเป็นต้องมีส่วนร่วมและการสนับสนุนจากประชาชน
- พื้นที่สาธารณะเป็นสิ่งจำเป็นที่จะใช้เพื่อเข้าใจคนอื่นๆ เข้าใจเรื่องเล่าที่แตกต่างกันและเข้าใจเรื่องราวความขัดแย้ง
- พื้นที่สาธารณะเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการสร้างและหารือวิธีการแก้ปัญหาร่วมกันและการจัดการความขัดเเย้งโดยสันติ ท่ามกลางจุดสนใจเเละความคิดเห็นที่แตกต่างกัน
- ความท้าทายพื้นฐานสำหรับสื่อมวลชนคือ การหลีกเลี่ยงจาก “การตกหลุมพราง” ในการรายงานข่าวเกี่ยวกับความพยายามเพื่อสันติภาพจากมุมมองของ "ผู้ชนะและผู้แพ้"
- รายงานข่าวที่สะท้อนมุมมองที่แตกต่างหลากหลาย
- เปิดช่องทางให้ “เสียงของประชาชน” จากในพื้นที่ได้ส่งเสียงออก และสะท้อน “ความเป็นมนุษย์” ของบรรดาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง
(10) คำถามสำหรับการอภิปรายในกลุ่มย่อยช่วงบ่าย:
(จะกำหนดในช่วงพักกลางวัน - โดยคำนึงถึงคำถามและหัวข้อที่ผู้เข้าร่วมหยิบยกขึ้นมาในช่วงเช้า)
- สื่อสามารถรักษาเเรงเหวี่ยงของกระบวนการสันติภาพในระดับ “แทร็ค 1” เพื่อให้การพูดคุยสันติภาพยังคงเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร?
- “เรื่องราวส่วนตัวของผู้คน” แบบใดที่จะเป็นเนื้อหาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ “งานสื่อสารวิทยุ” เพื่อระดมการสนับสนุนและขับเคลื่อนกระบวนการสันติภาพที่กำลังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง?