Skip to main content

 

ก่อนจะถึงวันสิ้นโลก

บรรจง บินกาซัน

ถ้าคำทำนายว่าโลกจะถึงกาลอวสานในวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ.2011 ตามที่สถานีวิทยุแห่งหนึ่งในสหรัฐเคยนำมาออกอากาศเปรียบเหมือนหมอดูบอกหวย คนที่ซื้อหวยเลขนี้ก็ถูกเจ้ามือกินเรียบกันไปหมดแล้ว เพราะโลกยังไม่ถึงกาลอวสานตามคำทำนายดังกล่าว ชาวอเมริกันที่ไม่เชื่อในเรื่องนี้จึงออกมาเดินขบวนล้อเลียนสถานีวิทยุแห่งนั้นจนเป็นข่าวไปทั่วโลก

ความเชื่อในเรื่องวันสิ้นโลกเป็นหลักคำสอนพื้นฐานของทุกศาสนา เพราะทุกศาสนาสอนในเรื่องโลกหลังความตายโดยใช้ถ้อยคำเรียกแตกต่างกันไป เช่น นรกและสวรรค์ การฟื้นคืนชีพหลังความตาย วันแห่งการพิพากษา เป็นต้น แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้น โลกนี้ต้องสิ้นสุดลงเสียก่อนซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเกินความจริงแต่ประการใด เพราะทุกสิ่งที่ถูกบังเกิดขึ้นมาย่อมต้องมีวันสิ้นสุดเป็นธรรมดา

แมลงหวี่ตัวเล็ก จึงมีอายุสั้น ถ้าจะบอกมันว่าอีกสามเดือนโลกจะมีฤดูหนาวที่พื้นโลกขาวโพลนด้วยหิมะ มันก็คงไม่เชื่อ มนุษย์ที่ไม่เชื่อในเรื่องวันสิ้นโลกและโลกหลังความตายก็คงไม่ต่างอะไรไปจากแมลงหวี่ อาจจะยิ่งกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ เพราะถ้าเปรียบเทียบอายุของมนุษย์กับอายุของโลก เราก็จะพบว่าอายุขัยของมนุษย์นั้นสั้นกว่าแมลงหวี่เสียอีก

การที่ทุกศาสนามีคำสอนเรื่องวันสิ้นโลกและโลกหลังความตายก็เนื่องจากศาสนาต้องการปฏิรูปมนุษย์ด้วยการให้มนุษย์มีความรู้สึกเกรงกลัวการถูกลงโทษในโลกหน้าเพราะบาปที่ตัวเองได้ทำไว้ ถ้าไม่เกรงกลัวการถูกลงโทษในโลกหน้า มนุษย์ก็จะทำความชั่วช้าเลวทรามได้ทุกอย่าง แม้กฎหมายและการศึกษาสูงๆก็ไม่อาจควบคุมมนุษย์มิให้ทำชั่วได้

วันสิ้นโลกเป็นความจริง แต่มันจะเกิดขึ้นเมื่อใดนั้นไม่มีใครรู้แม้แต่ศาสดาผู้ใกล้ชิดพระเจ้าเอง ดังนั้น มนุษย์จึงไม่ควรที่จะไปคาดการณ์วันสิ้นโลกว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใดให้ถูกเย้ยหยัน ถ้าฉลาดพอ มนุษย์ก็น่าจะเตรียมตัวไว้สำหรับโลกหน้าซึ่งเป็นการดีกว่าสำหรับตัวมนุษย์เอง

คำถามเรื่องวันสิ้นโลกจะเกิดขึ้นเมื่อใดนั้นมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์หลายพันปีแล้ว ในสมัยของท่านนบีมุฮัมมัด คำถามนี้ได้ถูกถามต่อท่านอีกเช่นกัน แต่คำตอบของท่านคือวจนะที่มาจากพระเจ้าผู้ทรงสร้างโลกว่า :

“พวกเขาถามเจ้าถึงวันสิ้นโลกว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อใด จงตอบพวกเขาเถิดว่า ‘แท้จริง ความรู้ในเรื่องนี้อยู่ที่พระผู้อภิบาลของฉันเท่านั้น ไม่มีใครสามารถบอกเวลาของมันได้นอกจากพระองค์เท่านั้น มันหนักอึ้งอยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน มันจะไม่มายังพวกท่านนอกจากโดยฉับพลันทันที’” (กุรอาน 7:187)

นั่นคือ แม้มนุษย์จะมีความรู้มากมายเพียงใดก็ไม่เพียงพอที่จะรู้ถึงวันสิ้นโลกได้ มันพร้อมที่จะเกิดขึ้นตลอดเวลาและเมื่อมันเกิดขึ้น มันจะเกิดอย่างฉับพลันทันที

ถึงแม้นักวิทยาศาสตร์ยังไม่รู้ว่าวันสิ้นโลกเป็นวันใด แต่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ก็ยอมรับว่าวันสิ้นโลกมีจริงและพยายามสร้างทฤษฎีขึ้นมาอธิบายปรากฏการณ์วันสิ้นโลกหลากหลายทฤษฎี เช่น ทฤษฎีการหดตัวกลับอย่างรวดเร็วของจักรวาลหลังจากที่ขยายตัวออกจากหลุมดำเหมือนลูกโป่งที่ถูกเป่าจนขยายตัวและหดตัวลงอย่างรวดเร็วเพราะถูกหยุดเป่า ทฤษฎีโลกแตกเพราะการระเบิดของแม็กมาจำนวนมหาศาลภายใต้เปลือกโลก ทฤษฎีการถูกดาวดวงอื่นพุ่งเข้าชนหรือถูกดาวดวงอื่นที่ใหญ่กว่าดูดเข้าไป และทฤษฎีการดับไปเองเหมือนดาวอื่นๆบางดวงที่ดับไป เป็นต้น

ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์ยังคงถกเถียงกันในเรื่องทฤษฎีวันอวสานของโลกอยู่ในปัจจุบัน คัมภีร์กุรอานได้อธิบายถึงสภาพเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวในวันนั้นไว้เมื่อประมาณ 1,400 ปีที่แล้วอย่างน่าสนใจซึ่งจะขอยกมาบางตอน เช่น

“วันที่เราจะม้วนชั้นฟ้าเหมือนกับการม้วนแผ่นกระดาษสำหรับการบันทึกเช่นเดียวกับที่เราเริ่มสร้างครั้งแรก เราจะให้มันกลับเป็นเช่นนั้นอีก มันเป็นสัญญาผูกพันเรา แท้จริง เราจะเป็นผู้ทำมันอย่างแน่นอน” (กุรอาน 21:104)

“เมื่อดวงอาทิตย์ถูกม้วน และเมื่อดวงดาวต่างๆแตกกระจาย และเมื่อภูเขาถูกทำให้เคลื่อนย้าย......... และเมื่อทะเลถูกทำให้ลุกเป็นไฟ (กุรอาน 81.1-6)

แม้ความลับของวันสิ้นโลกที่แท้จริงจะถูกปิดบังไว้โดยไม่มีใครรู้แน่ แต่ท่านนบีมุฮัมมัดได้บอกให้เราทราบถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เป็นสัญญาณเตือนถึงการเกิดขึ้นของวันสิ้นโลกไว้โดยแยกเป็นสัญญาณเล็กและสัญญาณใหญ่

บางตัวอย่างของสัญญาณเล็กที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเหมือนกับลูกปัดที่หลุดร่วงเพราะสายร้อยถูกตัดขาด ได้แก่ ประชาชาติมุสลิมจะถูกชาติใหญ่รุมกินโต๊ะ การรบราฆ่าฟันจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งโดยที่คนฆ่าไม่รู้ว่าตัวเองฆ่าคนอื่นทำไมและเหยื่อก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงถูกฆ่า แผ่นดินไหวถี่ขึ้น ชายจะทำชู้กับชายและหญิงจะทำชู้กับหญิง ผู้หญิงจะกลายเป็นชายและผู้ชายจะกลายเป็นหญิง นักร้องหญิงจะมีมากขึ้น ฯลฯ

ส่วนสัญญาณใหญ่ที่ใกล้ถึงวันสิ้นโลกได้แก่ แผ่นดินไหวใหญ่ทางด้านตะวันออก ตะวันตกและที่คาบสมุทรอาหรับ การเกิดควันขนาดมหึมาบนท้องฟ้า ปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก เป็นต้น

วันสิ้นโลกเป็นวันใดไม่สำคัญ แต่สิ่งสำคัญคือเมื่อเห็นสัญญาณวันสิ้นโลกแล้ว เราเตรียมความดีอะไรไว้สำหรับหลังวันนั้นแล้วหรือยัง ?